All posts by Shanya

ส้มตำปลาร้า5 ลุ่มน้ำ ยังไม่เคยมีร้านอาหารใดทำมาก่อน

แสนแซ่บ
คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ ไม่ใช่ผงชูรส

อาหารอีสานได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติที่เริ่มรู้จักอาหารอีสาน อย่างไก่ย่าง และส้มตำ โดยเฉพาะร้านอาหารอีสานที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ชาวเอเชียอย่างชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่เดินทางมากรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายช่วงวันหยุด ทำให้ร้านอีสานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แสนแซ่บจึงต้องมุ่งเน้นหาจุดเด่นให้กับแบรนด์ เพื่อให้มีความแตกต่าง โดดเด่น เป็นที่จดจำของผู้บริโภค  การคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ มีคุณภาพ ไม่ใช่ผงชูรส และมีการเพิ่มเติมเมนูพิเศษตามฤดูกาล เพื่อชูความเป็นอาหารอีสานระดับพรีเมี่ยม

นายวสันต์ ลิมป์วชิรคม ผู้จัดการทั่วไปแสนแซ่บ

แสนแซ่บอยากนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคไทย และต่างชาติ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไทยอีสานผสานทันสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน และเพื่อตอกย้ำจุดยืนของแสนแซ่บที่มีความทันสมัยแต่ก็ไม่ลืมเสน่ห์วัฒนธรรมความเป็นไทย ปลาร้าจาก 5 ลุ่มน้ำ ภาพลักษณ์กูรูในด้านอาหารอีสานอย่างแท้จริง

1.  ปลาร้ากลุ่มแม่น้ำท่าจีน
ขันโตกสำรับขุนแผน (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำท่าจีน สุพรรณบุรี)

2. ปลาร้ากลุ่มแม่น้ำชี จ.กาฬสินธุ์
ขันโตกภูไทแสนแซ่บ (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำชี กาฬสินธุ์)

3. ปลาร้าจากแม่น้ำงึม แขวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว
ขันโตกสะบายดี (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำงึม เวียงจันทร์ )

4.  ปลาร้าจาแม่น้ำโขง จ.อุดรธานี
ขันโตกสายบัวแซ่บนัว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำโขง อุดรธานี)

5.  ปลาร้าจากแม่น้ำจันทบูร  จ.จันทบุรี
ขันโตกดูเรียนตำพริ้ว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำจันทบูร จันทบุรี)

อาหารไทย ได้รับความนิยมและได้รับความชื่นชมจากผู้บริโภคต่างชาติ  ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของเมืองจุดหมายปลายทางในเอเชียแฟซิฟิก ภาครัฐเองก็มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้นค่าวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวไทย และอาหาร และโร้ดโชว์ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาประเทศไทยมากขึ้น

นายวสันต์ ลิมป์วชิรคม ผู้จัดการทั่วไป เปิดเผยว่า การปรับโฉมใหม่ของแสนแซ่บในครั้งนี้ เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัย สดใส และยังคงความพรีเมี่ยม แฝงกลิ่นอายความเป็นอีสาน โดยใช้เอกลักษณ์จากลายผ้าขาวม้า สอดแทรกอยู่ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของไทย โทนสีการตกแต่งร้าน เน้นวัสดุธรรมชาติ ปูน ไม้ ในสีเอิร์ธโทน สีขาว และเบจ เพื่อให้สว่าง โล่งโปร่ง สะอาดตา และผ่อนคลาย นอกจากนั้นยังเพิ่ม ‘ส้มตำ Live Station’ เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม และมีอรรถรสในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น

น.ส.วัชราภรณ์ ลิมป์วชิรคม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนแซ่บ พรีเมี่ยม จำกัด

น.ส.วัชราภรณ์ ลิมป์วชิรคม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนแซ่บ พรีเมี่ยม จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารอีสานพรีเมียมสไตล์โมเดิร์น แบรนด์ แสนแซ่บ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับโฉมร้านใหม่ เริ่มก่อน 2 สาขา ที่สยามพารากอน และเทอร์มินอล 21 ภายใต้งบลงทุน 15 ล้านบาท โดยโฉมใหม่ของแสนแซ่บในครั้งนี้ เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัย สดใส และยังคงความพรีเมี่ยม พร้อมแฝงกลิ่นอายความเป็นอีสาน ขณะเดียวกันได้ปรับเมนูใหม่ ซึ่งได้ชูเมนูเด็ดวัตถุดิบท้องถิ่นไทย กับปลาร้า 5 ลุ่มน้ำ เพื่อเจาะตลาดร้านอาหารอีสานระดับพรีเมียม (ที่ยอดการใช้บริการเฉลี่ย 500 บาทต่อคน)

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ในโอกาสปรับโฉมใหม่ แสนแซ่บได้เปิดตัวอาหารชุดพิเศษ 5 โตก 5 สไตล์ ชูจุดเด่นที่วัตถุดิบใหม่ คือ ‘ปลาร้าจาก 5 ลุ่มน้ำ’ ที่ยังไม่เคยมีร้านอาหารใดทำมาก่อน โดยคัดสรรมาเป็นอย่างดีจาก 5 ลุ่มน้ำ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์กูรูในด้านอาหารอีสานอย่างแท้จริง ประกอบด้วย ขันโตกสำรับขุนแผน (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำท่าจีน สุพรรณบุรี) , ขันโตกภูไทแสนแซ่บ (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำชี กาฬสินธุ์), ขันโตกสะบายดี  (ใช้ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำงึม แขวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว), ขันโตกสายบัวแซ่บนัว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำโขง อุดรธานี) และไฮไลท์! ขันโตกดูเรียนตำพริ้ว (ปลาร้าจากลุ่มแม่น้ำจันทบูร จันทบุรี)

ตำบักหุ่ง สูตรโบราณ ที่ร้าน แสนแซ่บ กูรูด้านส้มตำ ชูปลาร้า 5 ลุ่มน้ำ ทุ่มงบกว่า 15 ล้าน ปรับโฉมสาขาทั่วปท. ชูเมนูเด็ดปลาร้า 5 ลุ่มน้ำ พร้อมกับสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งร้านอาหารอีสานระดับพรีเมียมที่มีอยู่ 5-6 ราย ในตลาด และส่วนใหญ่จะมีสาขาในห้าง และศูนย์การค้า โดยร้านแสบแซ่บเองจากนี้จะเน้นขยายสาขาในห้างมากขึ้น

จากที่ผ่านมาจะขยายในค้าปลีกชุมชน หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นหลัก ปัจจุบันร้านแสนแซ่บมีทั้งหมด 6 สาขา และในสิ้นปีนี้จะเปิดอีก 1 สาขาที่เซ็นทรัล โคราช จากนั้นในปี 2561 จะเปิดอีก 2 สาขาในห้างเซ็นทรัล พระราม 2 และเทอร์มินอล พัทยา 2 พร้อมยังตั้งเป้าขยายสาขาในห้างสรรพสินค้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในช่วง 3-5 ปีนี้จะเปิดให้ได้ปีละ 2 สาขา และจะออกไปจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ มากขึ้น

ฉลอง 25 ปี สกว.ประกาศเดินหน้ากับบทบาท

“สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต”
โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. จัดงาน 25 ปี สกว. ภายใต้แนวคิด “สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต” จากการสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่องจนเกิดองค์ความรู้ใหม่ เกิดนวัตกรรม นโยบาย พัฒนาชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต โดยการสร้างนักวิจัยทุกระดับ ซึ่งในปัจจุบันได้สร้างนักวิจัยมาแล้วราว 60,000 คน จากงานวิจัยกว่า 20,000 โครงการ และมีการสร้างความรู้จากงานวิจัยไปต่อยอดให้เกิดนวัตกรรม เพื่อการมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างอนาคตของประเทศต่อไป

ภายในงานได้รับเกียรติจากพลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานและปาฐกถานำ เรื่อง “ทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศ โดยใช้องค์ความรู้จากงานวิจัย” สรุปได้ว่าทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการสร้างระบบการวิจัยของประเทศที่เข้มแข็ง จึงจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ 20 ปีขึ้น มุ่งเน้นที่การปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ มีหลักการของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่พัฒนาบนพื้นฐานการวิจัยและนวัตกรรม มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ นำองค์ความรู้และนวัตกรรมจากงานวิจัย ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงในด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
ผลงานของ สกว. ในช่วง25 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นข้อพิสูจน์อันดีว่าศักยภาพของบุคลากรการวิจัยของประเทศไทย สามารถผลิตงานวิจัยรวมถึงนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง และสามารถนำไปใช้ได้จริงนั้นมีอยู่จำนวนมาก แต่เพื่อจะขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาอย่าง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จะต้องอาศัยการผสานพลังวิจัยจากทุกภาคส่วนที่จะกระตุ้นให้เกิดผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงได้”
นอกจากนี้ งาน 25 ปีสกว. มีกิจกรรมและนิทรรศการ เช่น งานวิจัยท่องเที่ยวตามรอยพระราชดำริ   “แม่ของแผ่นดิน มิ่งขวัญชาวไทย”   ย้อนรอยประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ 10
สปีชีส์เห็ดชนิดใหม่ของโลก ต้นแบบหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดอีโอดี และงานวิจัยที่พร้อมต่อยอดอีกมากมาย และยังมีการประชุมวิชาการ เสวนาหัวข้อพิเศษ เช่น

· สูงวัยอารมณ์ดี โดย ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน เมธีวิจัยอาวุโส สกว. รศ.ดร. ศิริยุพา รุ่งเริงสุข คุณสมเกียรติ ชินธรรมมิตร และ ผศ.ดร. ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

· ปฏิรูปประเทศด้วยนวัตกรรม โดย คุณจาง ควายทอง ประธานบริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด, คุณเฉลิมพล ปุณโณทก, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท CT Asia Robotics Co., Ltd., นาวาตรี ดร.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

· Knowledge farm talk #3 “สถานการณ์ในปัจจุบันและทางออกสำหรับอนาคต” โดย รศ.ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รศ.ดร.พีระ เจริญพร ผศ.ดร.วีระชาติ กิเลนทอง และ ผศ.ปกป้อง จันวิทย์

· รื้อร้างสร้างใหม่ ประวัติศาสตร์ไทยยุค 4.0 กับ ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ดำเนินรายการโดย คุณคุณากร เกิดพันธ์ เป็นต้น

ภายในงานยังมีคลินิกวิจัยจาก สกว.ที่พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านงานวิจัย หรือสำหรับนักวิจัยมือใหม่อีกด้วย

ส่วนกิจกรรมพิเศษบนเวทีนอกจากการแสดงต่างๆแล้ว ร่วมพูดคุยกับ
น็อต วรฤทธิ์ และปอย ตรีชฎา 2 นักแสดง ที่นำงานวิจัยไปพัฒนาต่อยอด
เป็นผลิตภัณฑ์ , กิจกรรมพูดพร่ำฮัมเพลง กับ พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง พร้อมกับการเปิดตัว WiTThai season2 กับนักสื่อสารวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ แทนไท ประเสริฐกุล และ อาบัน สามัญชน ที่จะทำให้เรื่องวิทยาศาสตร์ยากๆ กลายเป็นเรื่องง่าย มีการจัดการแสดงทั้งหมด 2 วันคือ
วันที่ 25-26 สิงหาคม 2560  ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 2

มูลนิธิสัมมาชีพ มอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ ประจำปี 2560

รางวัลต้นแบบสัมมาชีพ คัดเลือกผู้นำธุรกิจ
วิสาหกิจชุมชน-เอสเอ็มอี-บุคคลต้นแบบบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่โดดเด่น

มูลนิธิสัมมาชีพจึงก่อเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือร่วใจของบุคคลสำคัญจากหลากหลาย สาขาอาชีพ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางดำเนินการนำธรรมะและองค์ความรู้ที่ดีงาม ให้เข้าถึงกลุ่ม คนทุกสาขาอาชีพมุ่งเน้นการทำมาหากินอย่างสุจริตเพื่อพัฒนาจิตของตนให้ไปในการทางที่ ถูกต้อง อันจะเป็นการสร้างสังคมที่น่าอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน

เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขอย่างแท้จริง มูลนิธิสัมมาชีพ มอบรางวัล-ประกาศเกียรติคุณต้นแบบสัมมาชีพ เชิดชูผู้นำธุรกิจ ครั้งที่ 5 พร้อมวางรากฐานสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย

มูลนิธิสัมมาชีพ จัดงานมอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ ประกาศเกียรติคุณและยกย่องเชิดชูบุคคลสัมมาชีพ ครั้งที่ 5 คัดเลือกบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับจากสังคม พร้อมวางรากฐานสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขอย่างแท้จริง

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการการจัดงานกล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัล “ต้นแบบสัมมาชีพ” มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและยกย่องเชิดชูบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่มีความโดดเด่น เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากสังคมในการประกอบอาชีพโดยสุจริตและดำเนินธุรกิจตามหลักสัมมาชีพโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคและสังคมบนแนวทางสัมมาชีพอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มูลนิธิสัมมาชีพจัดให้มีรางวัลบุคคลสัมมาชีพแห่งปีตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2559 จึงได้ขยายให้มีรางวัลเพิ่มขึ้นอีก 2 รางวัล คือรางวัล SMEs-สัมมาชีพ และวิสาหกิจชุมชน-สัมมาชีพ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อสร้างสัมมาชีพให้เต็มพื้นที่ดังปรัชญาของมูลนิธิ “สร้างให้เต็ม เติมรากฐานให้แข็งแกร่ง” สำหรับบุคคลสัมมาชีพแห่งปีเปรียบเสมือนต้นแบบที่สัมผัสได้และมีตัวตนอีกทั้งยังเป็นผู้จุดประกายสร้างพลังและแรงบันดาลใจให้กับคนในสังคมทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขา อาชีพ ในการตั้งมั่นและยึดถือการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมตามหลักสัมมาชีพ ด้วยการรับฟังและการเรียนรู้ผ่านการปาฐกถาพิเศษการถ่ายทอดแนวคิดและหลักการดำเนินชีวิตที่ดีงามของบุคคลสัมมาชีพ ด้วยอาวุธสำคัญ คือ ประสบการณ์และคมปัญญาที่จะส่งผลให้กับผู้คนในสังคมมีพลังขับเคลื่อนความฝันของตนเองสู่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ดีต่อไป

โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้มอบรางวัลบุคคลต้นแบบสัมมาชีพประจำปี 2560 ซึ่งบุคคลต้นแบบสัมมาชีพ ในปีนี้ได้แก่ นายตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่

“ผู้ที่จะได้รับรางวัลนับเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ได้รับการยอมรับจากสังคมในการประกอบอาชีพอย่างซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในการปฏิบัติตนที่ดีต่อบุคคลอื่น ยึดหลักการทำธุรกิจบนความถูกต้องดีงาม คำนึงถึงการรักษาสภาวะแวดล้อมและไม่เอาเปรียบผู้อื่น รวมทั้งเป็นผู้บริหารที่บริหารธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากจากวิกฤติการณ์มาได้” นายประเสริฐ กล่าว

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีบุคคลชั้นนำในสังคมไทยได้รับเกียรติเป็นบุคคลสัมมาชีพแล้ว 4 ท่าน ได้แก่ บุคคลสัมมาชีพประจำปี 2552 นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหารเครือสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ,บุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2553 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มน้ำตาลมิตรผล จำกัด ,บุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2554 นายไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2555 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับงานในปีนี้จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560 เวลา 09.00 – 13.30 น. ณ โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (สุขุมวิท22)

ด้าน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัล ต้นแบบสัมมาชีพ มีจุดเริ่มต้นมาจากปรัชญาการดำเนินงานของมูลนิธิสัมมาชีพที่มีความเชื่อมั่นว่า สังคมไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกิดผู้นำสัมมาชีพในทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำภาคธุรกิจซึ่งเป็นผู้นำที่มีหลักคิด ทัศนคติ และมีทักษะในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเป็นพลังอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขที่เป็นจริงได้ สำหรับเรื่องสัมมาชีพนั้นถือเป็นแนวคิดที่สำคัญที่สุด บ้านเมืองหรือประเทศจะร่มเย็นเป็นสุขได้ก็ต่อเมื่อมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ซึ่งสัมมาชีพก็คืออาชีพที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ฉะนั้นเวลาเกิดสัมมาชีพเต็มพื้นที่ จึงเกิดความร่มเย็นเป็นสุข เศรษฐกิจก็ดี จิตใจก็ดี สังคมก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี

ดังนั้น เพื่อให้สัมมาชีพเต็มพื้นที่เกิดขึ้นได้จริงอย่างที่คนคิดดีทำดีหวังไว้ การมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง “บุคคลสัมมาชีพ” แห่งปี จึงดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 5 ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้ความคิดและการกระทำของบุคคลสัมมาชีพ กลายแบบอย่างอันดี ทอันควรที่ปฏิบัติได้จริงแก่สังคม

Free ทุกรายการ แรลลี่รถยนต์และจักรยาน สุพรรณหรรษา

กิจกรรมแรลลี่รถยนต์ และจักรยาน
เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว

สุพรรณหรรษา เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ  ของทั้ง 4 จังหวัด เส้นทาง สุพรรณ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี ที่สำคัญ คือ Free ทุกรายการ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 4 จังหวัด การแข่งขันแรลลี่รถยนต์
และ จักรยาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ในจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่งการแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะแข่งขันช่วงระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน เส้นทาง สุพรรณบุรี – นครปฐม – ราชบุรี – กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี รวมระยะทาง 750 กิโลเมตร

ส่วนแรลลี่จักรยาน แข่งขันวันที่ 17 กันยายน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทาง 40 กิโลเมตร


จังหวัดสุพรรณบุรี จัดงานแถลงข่าว  การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา : แข่งขันแรลลี่รถยนต์ และจักรยาน “สุพรรณหรรษา” ชูศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้ขับรถยนต์ กลุ่มผู้รักการปั่นจักรยาน และกลุ่มครอบครัว โดยมี นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว ณ ห้องอโนมา 3 ชั้น 3 โรงแรมอโนมาแกรนด์กรุงเทพฯ

นายเสฐียรพงศ์  มากศิริ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี

นายเสฐียรพงศ์  มากศิริ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 เป็นกลุ่มจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบายมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายเช่น น้ำตกไทรโยค อุทยานแห่งชาติพุเตย ฯลฯ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณี ฯลฯ

จังหวัดสุพรรณบุรีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ขึ้น โดยใช้กิจกรรมการแข่งขัน แรลลี่รถยนต์ และจักรยาน เป็นสื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจการท่องเที่ยวได้ทราบว่าจังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่สวยงาม ตระการตา น่าประทับใจ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวแบบบุคคลและครอบครัว และยังมีบริการทางการท่องเที่ยวที่สะดวกพร้อมที่จะบริการนักท่องเที่ยวในแบบองค์กรและหมู่คณะ สะดวกต่อการจัดการท่องเที่ยวหลายประการ อีกทั้งมีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กิจกรรมประเพณี ที่น่าตื่นตาตื่นใจทัดเทียมกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วประเทศไทย

สุพรรณหรรษา การแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยาน

นายธนเสฏฐ์ สุชามาลาวงษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยหลักของรายได้เข้าสู่ชุมชนและจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มาโดยตลอด โดยจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมาโดยตลอดทุกปี ดังนั้น จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว การบริการด้านการท่องเที่ยว การคมนาคมที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ จากความพร้อมดังกล่าว จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงได้มีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมการแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยานเป็นสื่อ ในการนำกลุ่มผู้รักการท่องเที่ยวทางรถยนต์ และกลุ่มผู้รักการปั่นจักรยานได้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวไปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1

นางระพีพร คำสกุล ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า กิจกรรมที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้มี 2 กิจกรรมด้วยกัน คือ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมการแข่งขันแรลลี่รถยนต์เป็นการจัดการแข่งขันแรลลี่รถยนต์เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของทั้ง 4 จังหวัด ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่ง
จะกำหนดจุดทำกิจกรรม RC ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งเส้นทางในการแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะใช้เส้นทางเริ่มต้นจากจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี แล้วมาสิ้นสุดที่สุพรรณบุรี ระยะทางทั้งหมดรวม 750 กิโลเมตร ส่วนกิจกรรมที่ 2 เป็นกิจกรรมการแข่งขันแรลลี่จักรยาน เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวใน จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทางทั้งหมด 40 กิโลเมตร จุดหมายปลายทางคือจุดตั้งต้น

“ผู้เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน ในจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี โดยจุดท่องเที่ยวที่เป็น TC ในแต่ละสถานที่จะมีไฮไลต์ประจำจุดที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมแข่งขันตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นอุทยานมังกรสวรรค์ ตลาดร้อยปีสามชุก วัดไผ่โรงวัว บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี อุทยานเขางู วัดหนองหอย จังหวัดราชบุรี องค์พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม และปราสาทเมืองสิงห์ วัดถ้ำเสือ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนผู้เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่จักรยานจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศของความงามแห่งธรรมชาติของเขื่อนกระเสียว เขื่อนดินที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศไทย และชมความสมบูรณ์ของผืนป่าหนึ่งเดียวในเมืองสุพรรณ ที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง พร้อมกับกิจกรรมความบันเทิงจากศิลปินดาราที่จะมาสร้างสีสันให้การแข่งขันครั้งนี้คึกคักสนุกสนานเพิ่มมากขึ้น”

ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยาน “สุพรรณหรรษา” สามารถ เข้าไปดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่
เว็บไซต์   www.rallyhappysuphan.com
เฟซบุ๊กแฟนเพจ: rallyhappysuphan

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายประสานงานกิจกรรมฯ
แรลลี่รถยนต์ โทร. 08-1453-1770, 08-6412-0514
และฝ่ายประสานงานกิจกรรมแรลลี่จักรยาน
โทร. 06-2416-9656, 08-6399-2892

1 ปีมีหนเดียว ขนมไหว้พระจันทร์ 8 รสชาติ

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต
ภูมิใจนำเสนอ ขนมไหว้พระจันทร์ 

1 ปีมีหนเดียว  Mooncake Festival 15 กันยายน – 4 ตุลาคม 2560 กับเทศกาลที่จะทำให้คุณได้อิ่มหมีพีมันกับ ต้นกำเนิดของขนมไหว้พระจันทร์ยังไม่มีที่มาแน่ชัด รู้แค่เพียงเป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำพิถีพิถัน รสชาติอร่อยกลมกล่อมในปีนี้ ขอเสนอขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรสชาติที่ไม่เหมือนใครในแพ็กเกจดีไซน์สุดเก๋ กล่องสีแดงสดใส พร้อมขนมไหว้พระจันทร์ อีกหนึ่งรสชาติที่ไม่ควรพลาด สูตรเฉพาะ

โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ภูมิใจนำเสนอ  เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ 2560 เชิญชวนคุณมาลิ้มลรสชาติ ขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับกวางตุ้งแท้ๆ นำเสนอคุณในกล่องผ้าไหม และกล่องพรีเมียมสุดหรู เหมาะแก่การเป็นขนมมงคลของฝากแก่คนที่คุณรัก ปีนี้ โรงแรมได้นำ 8 สุดยอดรสชาติพร้อมไข่เค็ม ให้ลูกค้าท่านได้เลือกสรร ได้แก่ ทุเรียน ไส้ขนุน ครีม
คัสตาร์ด ลอดช่อง ทิรามิสุ ลูกบัว มอคค่ากาแฟ และงาดำ

โรงแรม รังสรรค์ ขนมไหว้พระจันทร์รสเยี่ยมหลายไส้ พลาดไม่ได้กับเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ที่ออกแบบมา ในกล่องสวยหรูสีแดงสด

ขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำหรับกวางตุ้ง ที่ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ
มาใน 8 รสชาติใหม่ ได้แก่

-ทุเรียน (Durian) กลมกล่อมด้วยรสชาติหวานของทุเรียนหมอนทอง

-ไส้ขนุน  (Cempedak)  กลิ่นหอมและเนื้อแน่นเป็นที่นิยมรับประทาน

– ลูกบัว (Hongkong White lotus Paste) ผสมผสานรสชาติหอมมันของลูกบัวสีขาวเกรดพรีเมี่ยมได้อย่างลงตัว

-ครีมคัสตาร์ด (Custard Cream) อัดแน่นไปด้วยชีสเค้ก เนื้อครีมเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติหวานกำลังดี

-มอคค่ากาแฟ (Coffee Mocha) นำมอคค่ากาแฟชื่อดังมาผสมผสานทำให้อีกหนึ่งรสชาติที่คุณจะต้องติดใจ

-งาดำ (Cempedak)  นำงาดำสดมาบดละเอียดจนได้กลิ่นหอมและความอร่อยของงาดำแท้ๆ

-ลอดช่อง (Cendol) อร่อยหวานเย็นชื่นใจกับลอดช่องพรีเมี่ยมจากฮ่องกง

-ทิรามิสุ (Tiramisu) สไตล์และรสชาติดีงามโมเดิร์นมาก

มีให้เลือกเยอะขนาดนี้ ไม่ให้กินขนมได้ยังไง ในเมื่อมันคือของโปรดสำหรับผู้หญิง  พลาดไม่ได้กับขนมไหว้พระจันทร์ 8 รสชาติ  ที่รสชาติเข้มข้น อร่อยกลมกล่อมสุดพิเศษ  สั่งล่วงหน้่รับส่วนลด เมื่อสั่งซื้อพร้อมชำระเงินโทรจองด่วนเลยค่ะ

พิเศษสุดสำหรับปีนี้ กับชุดขนมไหว้พระจันทร์ สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อขนมไหว้พระจันทร์ในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์อันสุดพิเศษ 8 สุดยอดรสชาติ ที่ขายดีมาตลอด 5 ปี  พร้อมไข่เค็มมาให้ท่านได้เลือก  ราคาเริ่มต้นเพียง 168 บาท /สุทธิต่อชิ้น

สิทธิพิเศษสำหรับการชำระเงินล่วงหน้าก่อนวันที่ 4 กันยายน รับส่วนลด 15% และ ส่วนลด 10%ก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้

โดยระหว่างวันที่ 15 กันยายน – 4 ตุลาคม 2560  มียอดซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลด 10% ทันที และใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้แก่ กรุงไทย กรุงศรีฯ กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย

พิเศษสุดสำหรับปีนี้รับส่วนลดเมื่อสั่งซื้อพร้อมชำระเงินล่วงหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งจองได้ที่
โทร  02-131-1111
promotions@novotelairportbkk.com

YEC 7 จังหวัดผนึกพันธมิตรร่วมพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย

เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจ
ภายในภาคตะวันออก ณ.โรงแรมเดอะเวโรน่า @ทับลาน จ.ปราจีนบุรี

เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา Toptotravel มีโอกาสไปร่วมงาน กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก ผนึกพันธมิตร พัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC ส่งเสริม และการสนับสนุนเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ทั้ง 7 จังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เตรียมความพร้อมของนักธุรกิจรุ่นใหม่สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการเปิดโอกาสดีๆ ให้กับตัวเองไปกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและกลุ่ม YEC ที่มีเครือข่ายทั้งทางมิตรภาพและธุรกิจที่เข้มแข็งทั่วประเทศ ในการประสานงานแบบเป็นเครือข่าย ภายในงาน มีการแสดงตัวอย่างของกลุ่ม YEC ของหอการค้าจังหวัดเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป

YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก@Verona ปราจีนบุรี วันที่ 19-20 สิงหาคม 2560

วัตถุประสงค์ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก  เพื่อพบปะทำความรู้จักกันและ กันมาร่วมสานสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนความคิด ระหว่างสมาชิก  YEC  ของแต่ละจังหวัด ในภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจภาย
ในภาคตะวันออกให้เติบโตและมั่นคง และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมของของพวกเราชาวภาคตะวันออก  ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ตามหา Cowboy And Cowgirl กิจกรรมประจำปีของภาคตะวันออกกับการประกวด Cowboy And Cowgirl Popular Vote ภูเขา ต้นไม้ โอโซน และดนตรีโฟล์คซอง รอต้อนรับเพื่อนๆจะดีแค่ไหนถึงได้พบปะเพื่อนๆ บนท่ามกลางธรรมชาติ และสถานที่งดงามในแบบมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา มีแต่พวกเราที่เข้าใจกัน

ถ้าพูดถึงด้านการค้า กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย 1.ปราจีนบุรี  2. จันทบุรี  3. ฉะเชิงเทรา
4.ชลบุรี   5.สระแก้ว 6. ระยอง 7. ตราด

นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดปราจีนบุรี

นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจในการทำธุรกิจกันมากขึ้น ด้วยความสามารถกล้าคิด กล้าตัดสินใจ รวมทั้งยังมองเห็นช่องทางธุรกิจต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ และยิ่งถ้าผู้ใหญ่อย่างเรา ให้การสนับสนุนกลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่ เชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาธุรกิจและการท่องเที่ยวให้ประสานกันได้อย่างลงตัว

ผลิตและจำหน่ายโดย กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรกบินทร์ร่วมใจ
นายดำริห์ รัตนชินกร นายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี

นายดำริห์ รัตนชินกร นายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี กล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ พวกเขาจะได้ใช้ความรู้ ใช้ประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยน เพื่อพัฒนาธุรกิจ การท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนเอง และสามารถเชื่อมโยงต่อยอดให้เกิดประโยชน์เพิ่มมากขึ้น และในฐานะของนายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี ยินดีที่ได้ต้อนรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ จะสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีความแปลกใหม่และก้าวหน้า เพื่อความยั่งยืนต่อไป

สานสัมพันธ์ภาคตะวันออกครั้งที่ 2 YEC EAST 3 Verona at Tublan ปราจีนบุรี YECEast#2

กิจกรรมต่างๆ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 ณ โรงแรมเดอะเวโรน่า @ทับลาน จ.ปราจีนบุรี  กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ทั้ง 7 จังหวัดภาคตะวันออก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 กับบรรยากาศกิจกรรมแบบ อยู่เมื่องไทยก็เหมือนได้ไปอิตาลี  ที่จะมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมของพวกเราชาวภาคตะวันออก  ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ตามหา Cowboy And Cowgirl กิจกรรมประจำ
ปีของภาคตะวันออก

เดอะ เวโรน่า แอท ทับลาน (Verona at Tublan)  ตั้งอยู่ใน อำเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี  แรงบันดาลใจมาจากเมืองเวโรน่า แห่งแคว้นเวเนตโต้ ประเทศอิตาลี ต้นกำเนิดนวนิยาย โรมิโอ & จูเลียต ที่มีชื่อของโลก ให้กลายเป็นดินดินแดนแห่งรักในเมืองไทย เดอะเวโรน่าแอททับลาน ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา ที่มีอากาศ บริสุทธิ์

เดอะเวโรน่า แอท ทับลาน ตั้งอยู่ ถนนสาย 304 หลักกิโลเมตรที่ 32-33
ตรงข้ามอุทยานแห่งชาติทับลาน เส้นทางเดียวกับทางไป อำเภอวังน้ำเขียวโดนใช้เส้น จ.ปราจีนบุรี ปัจจุบันเปิดให้เข้าพรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เดอะเวโรน่า แอท ทับลาน
251 ม.6 ต.บุพราหมณ์  อ.นาดี  จ.ปราจีนบุรี  25220
เบอร์โทรศัพท์ : 096 324 4423
แฟกซ์ : 037-218736
http://www.veronaattublan.com

 

 

เด็ดแค่ไหนถามใจเธอดู! หมูกระทะผู้พันคณิต

น้ำจิ้มหมูและน้ำจิ้มซีฟู๊ด

ไม่ได้ทาน หมูกะทะมานานมากแล้ว วันนี้อยากทานหมูกะทะก็เลยมาจัดสักหน่อยหมูกระทะผู้พันคณิต อยู่เลยทางเข้าซอยลาดปลาเค้า 14 มานิดเดียว
จอดรถหน้าร้าน ร้านอยู่ริมถนน โต๊ะก็เยอะ กะทะใหญ่ สุกไวทันใจวัยรุ่น



หมูกระทะผู้พันคณิต  เป็นหมูกระทะ ที่ได้รับคำกล่าวชมจากผู้ที่ได้ลิ้มรสหมูกระทะแล้วว่าเป็นหมูกระทะที่มีรสชาติอร่อย โดยมีการคัดเลือกวัตถุดิบสด ใหม่ สะอาด เป็นอย่างดีทุกวัน ไม่ว่าหมูนุ่มกุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึกสด ผักสดสะอาด น้ำซุปสามารถชิมความอร่อยได้ทันที อีกทั้งภาชนะที่ใช้ก็เน้นเรื่องของความสะอาด ที่สำคัญ “น้ำจิ้ม” รสชาติเด็ด หากใครได้ลิ้มรสแล้วจะติดใจ และต้องกลับมาลิ้มลอง จนต้องซื้อกลับบ้าน

หมูกระทะผู้พันคณิตเป็นหมูกระทะ ที่มอบความอร่อย พกพาความสดใหม่ สะอาดของวัตถุดิบ พร้อมให้บริการทั้งที่ร้าน และส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านท่าน หากนึกถึงหมูนุ่มๆ น้ำจิ้มรสเด็ด ให้นึกถึง “ผู้พันคณิตหมูกะทะ” ที่มีนายทหารยศ “พันโท” ที่ถอดเครื่องแบบแปลงเป็นพ่อค้าได้อย่างกลมกลืนไม่ขัดเขิน พร้อมด้วยอัธยาศัยไมตรี ที่ร้านมีบริการทุกท่านให้ได้รับความสุข ความอร่อยถึงบ้าน

ผู้พันคณิต หรือ พันโท คณิต  รัสมิภูตานนท์  กำเนิดจากนักเรียนจ่าทหารเรือรุ่น ๒๔   ปัจจุบัน รับราชการอยู่ที่ กรมส่งกำลังบำรุงทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ยึดหลักการดำเนินชีวิตในแนว “ปรัชญาพอเพียง” ด้วยความมานะขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่นหารายได้พิเศษหลังเลิกงานประจำเพื่อจุนเจือครอบครัว ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน   โดยแนวความคิดและแรงบันดาลใจเกิดจากที่อยากจะมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตนเองและครอบครัว จึงได้มาเปิด “ร้านหมูกระทะ”ขึ้น โดยมีภรรยาที่รักคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้าง

ในทุกๆ วันหลังเลิกงานจะรีบกลับบ้าน และเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย  มาเป็นพ่อค้าหมูกระทะช่วยเหลือครอบครัวโดยการเป็นพนักงานเสริฟ และเป็นพนักงานส่งหมูกระทะที่บริการความอร่อยที่ร้าน และส่งตรงความอร่อยถึงบ้าน โดยไม่เขินอายกับยศ ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับกับการประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าหมูกระทะแต่อย่างใดแต่นึกถึงความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือครอบครัวในการประกอบอาชีพสุจริต โดยมีคติประจำใจคือ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน ”

ร้าน หมูกระทะ ยอดนิยม ในเขตลาดปลาเค้า กินแบบไหน กินอย่างไรให้อร่อย ร้านหมูกระทะ แบบเดลิเวอรี่ ที่มอบความอร่อย พกพาความสด ใหม่ สะอาดของวัตถุดิบ พร้อมส่งตรงถึงหน้าบ้าน ราคาไม่แพง

หมูกระทะผู้พันคณิต”มีชุดหมูกระทะให้ท่านลิ้มรสจำนวน ๗ ชนิด คือ
๑. เนื้อหมูหมัก (เนื้อหมูที่ใช้ต้องเป็นเนื้อสันนอกเท่านั้น)
๒. สามชั้นกระทะ (เบคอน)
๓. กุ้งตัวโต
๔. ปลาหมึกที่สดสะอาด
๕. ตับ
๖. น้ำจิ้ม มีจำนวน ๒ ชนิด คือ
น้ำจิ้มหมูและน้ำจิ้มซีฟู๊ด
(ซึ่งถือว่าเป็นของเด็ดของหมูกระทะผู้พันคณิตเลยทีเดียว)
๗. ชุดผัก (ประกอบด้วย ผักกาด ผักบุ้ง กะหล่ำปลี แครอท เห็ดหอม
วุ้นเส้น ตั้งโอ๋ และข้าวโพด)

น้ำจิ้มรสเด็ด ให้นึกถึง “ผู้พันคณิตหมูกะทะ” ที่มีนายทหารยศ “พันโท” ที่ถอดเครื่องแบบแปลงเป็นพ่อค้าได้อย่างกลมกลืนไม่ขัดเขิน พร้อมด้วยอัธยาศัยไมตรี…บริการท่านให้ได้รับความสุข ความอร่อยถึงบ้าน

หมูกระทะผู้พันคณิต จัดจำหน่ายเป็นชุดในราคาประหยัดดังนี้
๑.ชุดใหญ่ ราคา ๓๕๐ บาท
๒.ชุดกลาง ราคา ๓๐๐ บาท
๓.ชุดเล็ก ราคา ๒๕๐ บาท

หากนึกถึงหมูนุ่มๆ น้ำจิ้มรสเด็ด ให้นึกถึง “หมูกระทะผู้พันคณิต” ที่มีนายทหารยศ “พันโท” ที่ถอดเครื่องแบบแปลงเป็นพ่อค้าได้อย่างกลมกลืน ไม่ขัดเขิน พร้อมอัธยาศัยไมตรี พนักงานกระตือรือร้นดีนะคะ บริการท่านให้ได้รับความสุข

เด็ดตรงที่ ตามใจลูกค้าไม่เหมือนร้านหมูกะทะที่อื่น สำหรับลูกค้าท่านใด ทานเนื้อ หรือต้องการทานอาหารชนิดอื่นๆ สามารถนำมาทานที่ร้านได้เลย  ทางร้านไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมแต่อย่างใด รวมไปถึงเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
อีกด้วย อยากกินอะไรถามใจเธอดู

อย่าลืม ร้านหมูกระทะผู้พันคณิต
เปิดบริการทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)
ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๒.๓๐  ที่ ถนนลาดปลาเค้า
ติดซอยลาดปลาเค้า ๑๔ ตรงข้ามโรงเรียนกัลยาวิทย์ จอดรถหน้าร้าน

หมูกระทะผู้พันคณิต
สั่งเลยในพื้นที่ลาดปลาเค้า
โทร. 091 993 1491
โทร. 091-9931498
FB: www.facebook.com/pages/หมูกระทะ-ผู้พันคณิต

แบรนด์รองเท้าน้องใหม่ ความพิเศษที่แตกต่าง คาเนีย

คาเนีย รองเท้าที่ออกแบบเพื่อคุณ
ดูแล…แคร์ทุกก้าว

ครั้งแรก แบรนด์รองเท้า คาเนีย (CANIA)  พร้อมเปิดตัว TVC ตัวใหม่ล่าสุดเป็น ตอกย้ำคุณภาพและความพิถีพิถันของรองเท้าคาเนีย ด้วยนวัตกรรมการผลิต  C-STEP  TechnologyTM  (ซี-สเต็ป เทคโนโลยี)  ที่ทำให้รองเท้านุ่ม รองรับน้ำหนักได้ดีและใช้งานได้อย่างทนทาน

คาเนีย (CANIA)  จาก C-STEP Technology™ (ซี-สเต็ป เทคโนโลยี) ที่ทำให้รองเท้านุ่ม รองรับน้ำหนักได้ดี และใช้งานได้อย่างทนทานความทนทานในการใช้งาน ที่มาพร้อมการออกแบบในสไตล์มินิมอล พร้อมจัดหนักจัดเต็ม กับแฟชั่นโชว์สุดอลังการในชุด Comfort with Style นำทีมความปัง โดยป๋อ ณัฐวุฒิ  พระเอกหนุ่มผิวเข้มสุดอบอุ่น

ป๋อ ณัฐวุฒิ มาในลุคของ Family Man วัยทำงาน ตัวแทนสื่อถึงความสวมใส่สบายของรองเท้า คาเนีย  สาวสวยเซ็กซี่ดีกรีดอกเตอร์ จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” พร้อม คุณแม่ภควจี ทองมี มาในลุคของการดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัว โดยใช้รองเท้าคาเนียเป็นตัวกลางในการสื่อความหมาย, ครอบครัวอบอุ่น, มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ ควงภรรยาสาว “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” ตัวแทนของความรักในครอบครัวโดยมีรองเท้าคาเนียอยู่ทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว และพ่อบ้านใจกล้า “อั๋น ภูวนาท คุณผลิน” มารับหน้าที่เป็นพิธีกร


นอกจากนี้ภายในงานยังเปิดตัวด้วยโชว์สุดยิ่งใหญ่ในชุด “C-Step Dance” ที่สื่อถึงความสบาย นุ่มเท้า และมีความสุขในทุกย่างก้าวของชีวิต ป๋อ ณัฐวุฒิ เผยถึงความรู้สึกว่า “วันนี้สนุกมากครับ มาในลุคของ Family Man วัยทำงานเป็นตัวแทนที่สื่อถงความสวมใส่สบายของรองเท้าคาเนีย ผมต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสผมได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งนี้ครับ ปกติผมเป็นคนที่เลือกใส่รองเท้าที่ให้ความนุ่ม สบายกับเท้าเราอยู่แล้ว เพราะเราทำงานและต้องเดินทางบ่อย ผมว่าคาเนีย ตอบโจทย์ในหลายๆเรื่องเลยน่ะครับ” ป๋อ ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

จ๋า ณัฐฐาวีนุช เผยถึงความรู้สึกว่า  “จ๋าว่าการดูแลใจใส่ครอบครัว เป็นเรื่องที่
ดีและสำคัญมากๆเลยนะคะ ยิ่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำมากๆเลยละค่ะ วันนี้จ๋ามากับคุณแม่ ซึ่งท่านก็อายุเยอะแล้วเราเป็นลูกก็อยากจะมอบและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแม่ จำว่ารองเท้าคาเนีย  คือ สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องของความนุ่ม สบาย อีกทั้งยังรองรับน้ำหนักได้ดี และใช้งานได้อย่างทนทานค่ะ”  จ๋า  ณัฐฐาวีรนุช กล่าว-

มิค บรมวุฒิ-เบนซ์ พรชิตา เผยถึงความรู้สึกว่า “วันนี้ออกงานคู่ (หัวเราะ) สนุกมากครับ/ค่ะ เรา 2 คนมาเป็นตัวแทนครอบครัว คือ รองเท้าคาเนียบ อยู่ได้ในทุกช่วงเวลาของเรา อีกอย่างรองเท้ามีความนุ่ม สวมใส่สบาย รองรับน้ำหนักได้ดี ที่สำคัญ  ใช้งานได้ทนทาน เราชอบตรงนี้แหละ (หัวเราะ)  มิค  บรมวุฒิ-เบนซ์  พรชิตา  กล่าว-

งานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์รองเท้าน้องใหม่  คาเนีย แบรนด์รองเท้าลำลอง ผลิตภายใต้คอนเซ็ปท์   คาเนีย ดูแล…แคร์ทุกก้าว   ขนทัพดาราเซเลบริตี้มาแน่นเต็มลานกิจกรรมชั้น M ของเทอร์มินอล 21 อโศก กรุงเทพฯ

ภายในงานพบกับเซเลบริตี้ที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง
นำโดย  ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ, จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี,  กับ คุณแม่ภควจี
และครอบครัว มิค บรมวุฒิ  หิรัญยัษฐิติ พร้อมภรรยา เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา
โดยมี อั๋น ภูวนาท คุนผลิน รับหน้าที่เป็นพิธีกร

รองเท้าคาเนีย ใส่สบายๆ อย่างคนมีสไตล์
CANIA , COMFORT WITH STYLE

สัมผัสความนุ่มสบายแบบมีสไตล์ได้แล้ววันนี้
รองเท้าคาเนียที่ออกแบบมาอย่างดีไซน์เรียบหรู ใส่ได้ทุกโอกาส ทนทาน นุ่ม เบา สบาย ใส่ดีและมีผลกับสุขภาพหาซื้อได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย หรือ ช้อปคาเนีย
contact@bigstar.co.th
http://www.cania.co.th

#CANIA #คาเนีย #CN51023 #WOMEN #ดูแลแคร์ทุกก้าว

GITตรวจสอบเครื่องประดับด้วยเครื่องมือทันสมัยชั้นแนวหน้าของโลก

การเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับ
เพื่อความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง

อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศสำหรับการใช้เครื่องประดับอัญมณี และการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับของคนไทย  มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะความนิยมใช้อัญมณีเพื่อตกแต่งร่างกาย เพื่อทั้งใช้ในการบ่งบอกฐานะทางสังคม รวมถึงการใช้อัญมณีตามความเชื่อ

จะเห็นได้ว่ามีการใช้เครื่องประดับมุก ทับทิม ไพลิน หรืออัญมณีประเภทพลอยนพ-เก้า (พลอยมงคล 9 ชนิด) และโลหะมีค่า เช่น ทองคำ มาโดยตลอด รวมทั้งการเก็บสะสมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นมรดกตกทอดกันรุ่นต่อรุ่น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องการตรวจสอบในอดีตนั้นไม่ได้มีอย่างแพร่หลาย และคนส่วนใหญ่ซื้อโดย “ความเชื่อถือ” และเชื่อตามคำบอกกล่าวของผู้ขาย ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับเป็นการซื้อโดยความเชื่อมั่น และเชื่อใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยส่วนมากจะเชื่อกันว่าเป็นเครื่องประดับแท้ แต่โดยความเป็นจริงแล้ว “อัญมณีสังเคราะห์” หรือ “เครื่องประดับเทียมเลียนแบบ” มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งทำให้ผู้ซื้ออาจจะซื้อ ของปลอม หรือ อัญมณีเลียนแบบ โดยไม่ทราบว่าเครื่องประดับนั้น คือ พลอยชนิดใด

อัญมณีและเครื่องประดับที่เก็บรักษาไว้ เพื่อมอบให้กับลูกหลาน หรือเก็บเพื่อเป็นสินทรัพย์นั้น จึงควรที่จะระบุได้ว่าเป็น ชนิดใด เป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของสามารถหยิบออกมายืนยันคุณสมบัติ ระบุว่าเป็นของแท้ ของเทียมได้อย่างชัดเจน

อนาคตการค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการส่งต่อความมั่งคั่ง และมั่นคงจากรุ่นสู่รุ่น สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี
และเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือที่รู้จักในนาม GIT จัดอบรมหลักสูตรการเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมเปิดตัวบริการตรวจสอบ และออกใบรับรองอัญมณีและเครื่องประดับ (Jewelry Identification Report) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่ต้องการเก็บสะสมเครื่องประดับ ทั้งการลงทุน และ การสร้างความมั่นคงให้แก่ทายาทรุ่นต่อไป โดยมีเหล่าเซเลบริตี้  ร่วมกิจกรรมคับคั่ง อาทิ อินทิรา – ปรียามล ธนวิสุทธิ์ กัญญารัตน์ พลาดิศัย อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ดร. อารียา อัศวานันท์
และอีกมากมาย ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) อาคารไอทีเอฟ-ทาวเวอร์ สีลม

นางดวงกมล  เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้จากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (รวมทองคำ) ปี 2559 มีมูลค่าอยู่ที่ 14,247.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกทองคำอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง

ขณะที่การส่งออกทับทิมไทยไปยังตลาดโลกในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 275.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวถึงเกือบ 16.37% โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 25.81% ของมูลค่าการส่งออกพลอยสี และคิดเป็น 1.93% ของมูลค่าการส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับไทยโดยรวม ซึ่งเห็นได้ว่า ประเทศไทยยังคงรักษาสถานะ ผู้นำในตลาดโลก ในหมวดสินค้าที่อัญมณีและเครื่องประดับอัญมณีไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยฝีมืออันโดดเด่นของช่างเจียระไนเพชรพลอยของไทย คุณภาพของวัตถุดิบ และดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และเทคนิคต่างๆ ที่ช่างนำมาใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องประดับและอัญมณีไทยทั้งสิ้น

นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ

ด้วยเหตุนี้ สถาบันจึงได้เปิดให้บริการตรวจสอบ และออกใบรับรองการตรวจสอบเครื่องประดับ (Jewelry Identification Report) ขึ้น ซึ่งใบรับรองที่การรับรองผล การตรวจวิเคราะห์ อัญมณีและเครื่องประดับชนิดนี้  สามารถระบุคุณสมบัติเฉพาะของอัญมณีและเครื่องประดับได้อย่างชัดเจนทั้งในเรื่องน้ำหนัก ชนิดของอัญมณี การปรับปรุงคุณภาพ และความบริสุทธิ์ของโลหะมีค่า เป็นต้น อันจะสามารถใช้เป็นหลักฐานเพื่อการประเมินราคา การขายต่อ การทำประกัน หรือใช้ในการส่งผ่านมรดกจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างถูกต้องในอนาคต

อีกทั้งใบรับรองการตรวจสอบจาก GIT เป็นการรับรองผลการตรวจวิเคราะห์อัญมณี จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ห้อง จากปฎิบัติการ ตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการรับรองจาก The World Jewellery Confederation หรือ CIBJO ให้เป็น CIBJO Laboratory อีกทั้งยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก 1 ใน 7 ของห้องปฎิบัติการชั้นแนวหน้าของโลกโดยเป็นคณะทำงาน

ISO 9001:2015 และ ISO17025:2005 จากสถาบัน UKAS
(United Kingdom Accreditation Service) แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในมาตรฐานระดับสากล

 

 

นอกจากนี้  สถาบันฯ ยังได้จัดหลักสูตรฝึกอบรม อัญมณีและเครื่องประดับ
( GIT ) การเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อให้สามารถซื้ออัญมณีและเครื่องประดับได้อย่างถูกต้อง มั่นใจทั้งผู้ให้และผู้รับ โดยกิจกรรมในวันนี้ มีเหล่าเซเลบริตี้ มาร่วมอบรมมากมาย อาทิ อินทิรา – ปรียามล ธนวิสุทธิ์ กัญญารัตน์ พลาดิศัย อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ดร.อารียา อัศวานันท์ วิชชุดา ลีนุตพงษ์ กรองกาญจน์ ชมะนันทน์ และอีกมากมาย

จุมพล เด่นเมฆา รองผู้อำนวยการรสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ

สำหรับผู้สนใจบริการตรวจสอบ และออกใบรับรองเครื่องประดับ
(Jewelry Identification Report) สามารถใช้บริการได้ที่ทำการของสถาบัน
อาคารไอทีเอฟ ชั้น 4 ถนนสีลม ทั้งนี้สถาบันยังมีการให้บริการตรวจสอบ และออกใบรับรองนอกสถานที่  เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย  -นางดวงกลม กล่าวทิ้งท้าย

คิดถึงอัญมณี และเครื่องประดับ…..คิดถึง GIT

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
The Gem and Jewelry Institute of Thailand (Public Organization)
http://www.git.or.th/

อาคาร ไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ถนนสีลม
The Gem and Jewelry Institute of Thailand’s

เดินจากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี 350 เมตร ทางออก 4
(1st Floor, ITF Tower, Silom Road)
(350 metres or 4 minutes walking distance from
BTS Chong Nonsi, Exit 4)

สัมผัสไลฟ์สไตล์สุดหรู TrueSphere

TrueSphere First Year Together Anniversary

มาร่วมฉลอง สัมผัสไลฟ์สไตล์สุดหรู TrueSphere First Year Together Anniversary   เพื่อฉลองหนึ่งปีเเรกแห่งความสำเร็จของ  TrueSphere
ยกระดับการบริการให้เป็น First-Class Experience ที่ให้การดูแลแบบตัว
ต่อตัว

TrueSphere Apple Excellence บริการสำหรับลูกค้าบุคคลที่จะช่วยจัดการ และดูแลทุกปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Apple ได้อย่างมืออาชีพจากพนักงานทรูสเฟียร์ที่เข้ารับการอบรมโดยตรงจาก Apple

TrueCoffee Nitro Cold Brew กาแฟพรีเมี่ยม ด้วยนวัตกรรมการชงกาแฟสุดพิเศษ และก้าวเข้าสู่ปีที่  2 นี้  ด้วยการเพิ่มบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ  Watson  Analytics เฉพาะลูกค้าธุรกิจ  หรือลูกค้าองค์กรของกลุ่มทรู ให้สามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคสำหรับลูกค้าองค์กรได้อย่างชาญฉลาด

ทั้งหมดนี้  เป็นความตั้งใจจริงที่จะสานต่อพันธกิจของ TrueSphere ในการสร้างสรรค์บริการสู่ First Class Experience มอบประสบการณ์เหนือระดับ สร้างความเป็นเลิศด้วยบริการคอนเวอร์เจนซ์  ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และที่สำคัญคือการบริการลูกค้าอย่างเหนือระดับผ่านทรูสเฟียร์  8  สาขาทั่วประเทศ

เอ็มควอเทียร์
เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์
เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต
เมกาบางนา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
เดอะมอลล์ บางกะปิ
บลูพอร์ต หัวหิน
ทรู แบรนดิ้ง ช้อป สยามพารากอน

ดร. ปพนธ์  รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า

“เพราะลูกค้าคือคนสำคัญที่สุด ดังนั้นการดูแลมอบความสุขแก่ลูกค้าที่อยู่กับเรามาตลอด จึงเป็นสิ่งเรายึดมั่นมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทรูสเฟียร์ เฟิร์สคลาส โค–เวิร์คกิ้ง สเปซ แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ได้รองรับลูกค้าด้วยการบริการเหนือระดับ และแก้ไขทุกปัญหาของลูกค้ามาแล้วกว่า 300,000 คน รวมทั้งยังเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ๆให้ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าตลอดเวลา

ดร. ปพนธ์  รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยบริหารงานประธานคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น
นายฐานพล มานะวุฒิเวช  ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริหารความสุขลูกค้า บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ก

นายฐานพล มานะวุฒิเวช  ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริหารความสุขลูกค้า บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลความสุขของลูกค้าที่ใช้ทุกบริการอย่างต่อเนื่องผ่าน “ทรูยู” ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

ด้านสิทธิพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จะเน้นไปในเรื่อง “กินดื่ม–ช็อปปิ้ง และท่องเที่ยว” เช่น ส่วนลดร้านค้า, ร้านอาหารต่าง ๆ และ ส่วนที่ด้านบริการ เช่น บริการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน เช่น บริการรถลาก กรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ, บริการรถรับส่งที่สนามบิน, บริการส่งของ เป็นต้น ซึ่งมอบให้กับกลุ่มลูกค้า ทรูแบล็คการ์ดเท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันลูกค้าที่ใช้บริการของกลุ่มทรูที่มีสิทธิใน “ทรูการ์ด” มีมากกว่า 2 ล้านราย เป็นทรูแบล็คการ์ด 3 แสนราย และทรูเรดการ์ด 1.7 ล้านราย ทรูสเฟียร์ถือเป็นบริการเหนือระดับที่ให้กับลูกค้าทรูแบล็คการ์ดซึ่งตอบโจทย์ทั้งในด้านสิทธิพิเศษ และด้านบริการ โดยไม่ได้มีเป้าหมายแค่สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า แต่เป็นการยกระดับการบริการให้เป็น First-Class Experience ที่ให้การดูแลแบบตัวต่อตัว จากการเปิดให้บริการมาเป็นเวลา 1 ปี ได้เสียงตอบรับที่ดีมาโดยตลอด มั่นใจว่า ทรูสเฟียร์จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มฐานลูกค้าทรูแบล็คการ์ดให้เติบโตขึ้นไป อีกด้วย

First Class Experience

สิทธิพิเศษที่เหนือระดับ  จากทรูแบล็คการ์ดพร้อมชวนลูกค้า  โพสต์ภาพความประทับใจ ณ.ทรูสเฟียร์ลุ้นสัมผัสไลฟ์สไตล์สุดหรูจากโรงแรมชั้นนำ

TrueSphere ครบรอบ 1 ปี ชวนโพสต์ภาพความประทับใจ ลุ้นสัมผัสไลฟ์สไตล์สุดหรูจาก 8 โรงแรมชั้นนำ

พิเศษ เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จการให้บริการครบ 1 ปี ทรูยูชวนลูกค้าทรูแบล็คการ์ดคนสำคัญร่วมฉลองวาระพิเศษ
ด้วยการโพสต์ภาพความประทับใจที่ทรูสเฟียร์สาขาใดก็ได้ผ่านเฟสบุ๊ค เเละ อินสตาแกรม พร้อมติดแฮชแทค
#truesphere #Firstyeartogether #TrueBlackCard ตั้งเเต่วันนี้จนถึง 16 กันยายน 2560  รับสิทธิ์สัมผัสไลฟ์สไตล์สุดหรูจากโรงแรมดัง 8 แห่ง ได้แก่

1. Kataliya Mountain Resort & Spa เชียงราย
2. Crest Resort & Pool Villa ภูเก็ต
3. Dusit D2 เขาใหญ่, Foto Hotel ภูเก็ต
4.Kalima Resort & Spa ภูเก็ต
5.Thavorn Palm Beach Resort ภูเก็ต
6. The Vijitt Resort ภูเก็ต
7. The Vijitt Resort ภูเก็ต
8.Asita Eco Resort อัมพวา


สอบถามข้อมูลได้ทาง TrueYou Call Center โทร 0-2999-5555
และ 1236 ตั้งแต่ 5 กันยายน เป็นต้นไป
www.trueyou.co.th