Category Archives: Event

สายการบินนิวเจน NewGen เฮรับข่าวดี

ICAO ปลดธงแดงประเทศไทย
ขยายเส้นทางบิน50เส้นทาง ธ.ค.นี้

สายการบินนิวเจน NewGen  จุดพลุรับ  ICAO ปลดธงแดงขยายเส้นทางประเดิมเปิดเส้นทางในประเทศ  2 เส้นทาง ปี 61  เปิดเกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย เตรียมขยายเส้นทางการบินเต็มอัตราทั้งเส้นทางบินในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศรวมเป็นมากกว่า 50 เส้นทาง เผย ธ.ค.นี้ เปิดเส้นทางบินในประเทศต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงท้ายปี หลังจับมือภาครัฐ-เอกชน จ.นครราชสีมา ร่วมเปิดเส้นทางบิน

นครราชสีมา-เชียงใหม่
และนครราชสีมา-ภูเก็ต

โดยรองรับผู้โดยสาร ทั้งภาคธุรกิจและภาคท่องเที่ยว รวมถึงบุคคลทั่วไป คาดมีผู้ใช้บริการปีละ 200,000  คน มั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจ.นครราชสีมา คึกคัก พร้อมเตรียมขยายเส้นทางบิน ระหว่างประเทศ อีก 3 ประเทศ  ในปี 2561 ในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย จากปัจจุบัน  มีบินตรงสู่จีน 37 เส้นทาง คาดเพิ่มผู้โดยสารอีก 500,000   ราย จากปี  2560 ที่คาดว่า  จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 1,500,000 ราย


นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน ผู้ให้บริการเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศด้วยบริการเกรดพรีเมี่ยม เปิดเผยว่า หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ   (ICAO)  ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบินระดับโลกได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยออกนั้น ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย เพราะจะทำให้ผู้ให้บริการสายการบินต่างๆเดินหน้าขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อกังวลใดๆ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การให้บริการของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล และจะสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยในส่วนของสายการบินนิวเจนนั้นก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะทำการขยายเส้นทางการบินควบคู่กันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสายการบินนิวเจนประสบความสำเร็จในการให้บริการสายการบินระหว่างประเทศโดยเฉพาะเส้นทาง ไทย-จีน จำนวน 3 เส้นทางนั้น ล่าสุดได้มีแผนที่จะเปิดให้บริการเส้นทางการบินภายในปี 2561 อีก 3 ประเทศ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ให้บริการแบบพรีเมี่ยม และเป็นทางเลือกของผู้โดยสารให้มีความหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดเส้นทางการบินภายในประเทศ โดยได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครราชสีมา หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และตัวแทนจากภาคเอกชนทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมจะเปิดเส้นทางบิน นครราชสีมา – เชียงใหม่ และเส้นทางบินนครราชสีมา – ภูเก็ต ในวันที่ 3 ธันวาคมปีนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวที่จะมีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น รวมถึงผู้โดยสารเดินทางเพื่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปอาทิ นักเรียน – ศึกษา ซึ่งมีความต้องการใช้บริการการเดินทางค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าการเปิดเส้นทางบินใหม่โดยใช้ฐานที่ท่าอากาศยาน จ. นครราชสีมา ทั้ง 2 เส้นทางจะทำให้สายการบินนิวเจนมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ200,000 ราย

ทั้งนี้หลังจากที่สายการบินนิวเจนเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ตามแผนจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประมาณ.500,000ราย และหากรวมกับแผนการขยายเส้นทางการบินต่างประเทศแล้วจะทำให้สายการบินนิวเจนมีเส้นทางการบินรวมทั้งสิ้นมากกว่า 50 เส้นทาง  ภายในปี 2561  ส่วนในปี  2560 นี้ ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 1,500,000 ราย

นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบินนิวเจน

“สาเหตุที่เลือกเปิดเส้นทางบินในประเทศแห่งแรกโดยใช้ท่าอากาศยานนครราชสีมา เป็นศูนย์กลางนั้น เนื่องจาก จังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมหลายด้าน ทั้งสนามบิน และการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นประตูสู่ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคม รวมถึงการท่องเที่ยว เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีประชากรเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GDP สูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นายเจริญพงษ์ กล่าว

สำหรับนโยบายการเปิดเส้นทางบินของสายการบินนิวเจนนั้น เราจะเน้นเส้นทางบินที่ยังไม่มีการเปิดให้บริการหรือมีการเปิดให้บริการที่ยังน้อย เช่นปัจจุบันที่เราประสบความสำเร็จในการบินไทย-จีน ก็เป็นการบินในเส้นทางที่บินไปเมืองรอง ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารที่ไม่ต้องการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินในเมืองใหญ่ และสำหรับการเปิดเส้นทางจากนครราชสีมาไปเมืองต่างๆ ก็เป็นการบินตรง เช่นกัน  จะทำให้ผู้โดยสารสะดวกและประหยัดค่าเดินทางจากเดิมที่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินหลักในเมืองหลวง นอกจากนี้เรากำลังศึกษาเส้นทางต่างๆจากสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเชื่อมโยงไปยังเมืองหลักสำคัญๆในประเทศที่ยังไม่มีเส้นทางบินตรง
ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆนี้”

ปาร์ตี้สุดหรูท๊อคออฟเดอะทาวน์!! ที่ดีที่สุด

แฟชั่นแบรนด์ดัง มิลิน พร้อมดีเจชื่อดังทั้งไทยและเทศร่วมผสานแรงบันดาลใจผ่านดนตรีและแฟชั่นไว้อย่างอลังการ

ผ่านพ้นไปแล้ว.. สำหรับปาร์ตี้ทอล์คออฟเดอะทาวน์แห่งปี  FLY BEYOND TONIGHT โดย  เกรย์  กูซ  ได้มอบความเป็นที่สุดแห่งที่สุดประสบการณ์ปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ผสานเอาแรงบันดาลใจทางดนตรีและแฟชั่นเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกของเมืองไทย

นายกสิณสุข   มะกล่ำทอง  SENIOR  CUSTOMER  MARKETING MANAGER เผยว่า  เกรย์ กูซ ตั้งใจจะเฉลิมฉลองประสบการณ์ปาร์ตี้ที่สุดแห่งที่สุด ที่ผสานเอาแรงบันดาลใจของเสียงเพลงและ แฟชั่นไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก ด้วยการรวมศิลปินชื่อดังในวงการเพลงทั้งไทยและเทศถึง 6 คน เริ่มจากศิลปินไทยอย่าง KYMC (เควายเอ็มซี) , PAKA(ผกา) ศิลปินเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดระดับนานาชาติอย่างเรดบูลคอมเพททิชั่น, เสริมทัพด้วยดีเจหนุ่มหล่อ NOXRO (น็อก์ซโร) และเพิ่มความพีคด้วย ลิเดีย ศุรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เปิดโชว์ในเพลงพิเศษ LIKE A GREY GOOSE FLY สุดเซอร์ไพร์ซ  ที่สะกดคนทั้งฮอลล์ไว้ด้วยน้ำเสียงทรงพลัง และการดีไซน์ร้องที่เป็นเอกลักษณ์

หลังจากนั้น มิลิน ยุวจรัสกุล ดีไซนเนอร์ชื่อดัง เปิดตัวคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ Autumn/ Winter 2017  Collection :  REHAB SEASON (รีแฮพ ซีซั่น)
จากแรงบันดาลใจบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของโลกแฟชั่น ผสานเข้ากับเทคโนโลยี แสง สี เสียง สุดล้ำสมัย บนเวที

ครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นงานที่รวมเอาเซเลบ ดารา และผู้คนในวงการแฟชั่นไว้อย่างคับคั่งแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยทีเดียว

เกรย์ กูซ ซูเปอร์พรีเมียมวอดก้าชื่อดังระดับโลก จากแคว้นคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส ด้วยความตั้งใจที่จะรังสรรค์เครื่องดื่มวอดก้าที่ดีที่สุดในโลก จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ผสานเข้ากับที่สุดของวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่ได้รับการบรรจงปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถันผ่านกระบวนการกลั่นเฉพาะตัวให้ได้มาซึ่งวอดก้าที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด ปราศจากสีและกลิ่น แต่ยังอุดมไปด้วยรสสัมผัสแบบธรรมชาติ บรรจุลงขวดแก้วดีไซน์โดดเด่น สมกับคุณค่าของความเป็นที่สุดของซูเปอร์พรีเมียม

ปิดท้ายด้วย  ความมันส์ขั้นสุดกับ 3 ดีเจชื่อดังระดับโลกอย่าง HEROBUST(ฮีโร่บัสท์) , HEATBEAT(ฮีทบีท) และ  BASSMODULATOR (เบสโมดูเรเตอร์) ทำให้ความแรงของคืนนั้นสูงขึ้นจนจบงาน โดยมี เกรย์ กูซ มิกซ์โซโลจิส คอยรังสรรค์เครื่องดื่ม บอกเล่าเรื่องราวของค่ำคืนความเป็นที่สุดแห่งที่สุด  GREY GOOSE FLY BEYOND BANGKOK   (เกรย์ กูซ ฟลาย บิยอน แบ็งค็อก) ด้วยการนำเอกลักษณ์ของประเทศเขตร้อน ผ่านส่วนผสมอย่าง GINGER LIQUEUR (จิงเจอร์ ลิคเกอร์) และ น้ำสัปปะรดสด เสิร์ฟพร้อมกับเกรย์ กูซ วอดก้า อย่างสดชื่นและนุ่มลึกอย่างลงตัวที่สุด เฉกเช่นเดียวกับกับปาร์ตี้ FLY BEYOND TONIGHT ที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามมหานครอื่นๆของโลกต่อไป

ร้อยแก่นสารสินธุ์ 4 ลายศิลป์ ถิ่นแดนไหม

สุดยอดผ้าไหมประจำถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน

ผ้าไหมทอมือ ถือเป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของทางภาคอีสาน ที่มีความละเอียดอ่อนชมการแสดงผ้าไหมอันวิจิตร หาดูยาก และสาธิตถึงกระบวนการผลิตแบบใกล้ชิด พร้อมชมแฟชั่นโชว์ผ้าไหมโดยนางแบบชื่อดัง “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์”

ไหมกลายเป็นสินค้าที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชน รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ 4 ลายศิลป์

นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวว่า ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมายาวนานหลายร้อยปี ในสมัยอดีตผ้าไหมและการทอผ้าไหม เป็นเพียงการผลิตใช้ภายในครัวเรือนเท่านั้น

ปัจจุบัน ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมกลายเป็นสินค้าที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชน รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ คือจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และ จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้รับมอบหมายการส่งเสริม สนับสนุนผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผ้าไหมให้มีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพิ่มช่องทางการตลาดโดยการประชาสัมพันธ์ นำผลิตภัณฑ์ไหมที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ  มาให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ รวมทั้งกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการผ้าไหม มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบปะและแข่งขันทางธุรกิจ ตลอดจนการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่กลุ่ม จังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์

นายสฤษดิ์ กล่าวต่อว่า จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ได้จัดโครงการยกระดับผ้าไหมกลุ่มจังหวัดสู่การเป็นศูนย์กลางออกแบบผลิตภัณฑ์จากไหมในภูมิภาค จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไหม และ ผลิตภัณฑ์ OTOP ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ขึ้น
2 ครั้ง  โดยจัดขึ้น
ครั้งแรกระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ
ครั้งที่สองระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน และ 1 ตุลาคม ณ เซ็นทรัลบางนา



โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์จาก
ไหมกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายทางการค้าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ OTOP และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการผลิตผ้าไหมในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์จากไหม และ ผลิตภัณฑ์ OTOP ในพื้นที่ต่างจังหวัด ครั้งแรกระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ ครั้งที่สองระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน และ 1 ตุลาคม ณ เซ็นทรัลบางนา

กิจกรรมในวันงานทั้งสองครั้งจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติผ้าไหมไทย พร้อมจัดแสดงผ้าไหมที่ได้รับรางวัลทองคำพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และการแสดงโชว์ผ้าไหมแพรวา มูลค่ากว่า 600,000 บาท


นอกจากนี้  ยังมีการสาธิตการเลี้ยงหม่อนไหม การขึ้นลายผ้าของ  แต่ละจังหวัด และการทอผ้าไหมแพรวาของจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยการแสดงแฟชั่นโชว์ โดยนางแบบชื่อดัง “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” พระเอกชื่อดังอย่าง “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” กางเกงมวยผ้าไหมตัวแรกของโลกโดยเต็งหนึ่ง Thai Fight, พร้อมด้วยการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินลูกทุ่งอย่าง รุ่ง สิริยา, จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ, ลำไย ไหทองคำ, โอ๋-เอ๋ พจนา, หญิง ธิติกานต์, นุช วิลาวัลย์ และวงโปงลางอินเตอร์

 

ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย บางละมุง

ท่องเที่ยววิถีชีวิตไทยใกล้กรุงเทพ

ระยะทางที่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปเพียงไม่มาก แต่กลับมีแหล่งชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว และคงรูปรูปแบบการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม การเกษตรแบบพึ่งพาตนเองใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาด

แนวคิดและรูปแบบการท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีผู้แทนชุมชนท่องเที่ยว ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย

ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ท่องเที่ยววิถีชุมชน ท่องเที่ยวไทย ในอดีตชุมชนตะเคียนเตี้ยมีอาชีพทำนา มีน้ำท่าสมบูรณ์ตลอดทั้งปี แต่เมื่อเวลาผันผ่าน น้ำที่ใช้ทำนาเริ่มไม่เพียงพอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกมะพร้าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จนปัจจุบันมีการทำสวนเกษตรหลากหลายมากขึ้น แต่สวนมะพร้าวยังถือเป็นอาชีพหลักของชุมชน เพื่อให้ชุมชน ตะเคียนเตี้ยมีความแข็งแกร่ง และนำรายได้เข้าสู่ชุมชนได้มากขึ้น

ณ บ้านร้อยเสา แหล่งรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ ตำรายารักษาโรค ตำราโหราศาสตร์ ปีนักษัตรไทย การดูฤกษ์ยาม ครกบดยา ภาชนะทองเหลืองสลักลาย และพระเครื่อง เป็นต้น ซึ่งของทุกชิ้นมีเรื่องราวมากด้วยคุณค่า ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมเยีอนยังมีโอกาสได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย

ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ยังเป็นชุมชน วิถีไทย ใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาดในการชิมเมนูนี้เด็ดขาด

ชุมชนบ้านชากแง้วและบ้านตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ และตำบลตะเคียนเตี้ย เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดของบรรพบุรุษอันล้ำค่าสมควรแก่การสืบสานและอนุรักษ์ หากได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้วจะเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จัดพิธีเปิดกิจกรรม ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย

ภายใต้การจัดงาน กิจกรรม ดาราพาเที่ยววิถีไทย พักใจที่บางละมุง ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและรูปแบบการท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีผู้แทนชุมชนท่องเที่ยว ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย




จังหวัดชลบุรี นำโดย นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้จัดพิธีเปิดกิจกรรม ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย ณ อาคารอเนกประสงค์ ชุมชนตะเคียนเตี้ย และมอบรางวัลให้ผู้ชนะกิจกรรมการประกวดตั้งชื่อ “ถนนวัฒนธรรมตะเคียนเตี้ย”ซึ่งเป็นถนนสายหลักของชุมชน และเปรียบเสมือนศูนย์กลางของคนในชุมชนตะเคียนเตี้ย โดยมีการเชิญผู้เข้าร่วมงานทำกิจกรรมร่วมกันมากมาย อาทิ การปั่นจักรยานเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน , ชมการสาธิตทำแกงไก่กะลา , กิจกรรมปล่อยแตนเบียน , ชิมกาแฟมะพร้าว , แข่งทำพวงมะโหตร , พับกุหลาบใบเตย , ชมบ้านร้อยเสา , เรียนรู้ปลูกผักสมุนไพร , สาธิตกัวซาหน้า ฯลฯ

พิเศษสุดกับกิจกรรม Meet & Greet กับหนุ่มสุดชิว
“จูเนียร์ เดอะสตาร์” กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์

ท่องเที่ยวภาครัฐ ยกทัพเที่ยวทั่วไทย

ททท.เปิดกลยุทธ์กระตุ้นปลายปี
ท่องเที่ยวภาครัฐยกทัพเที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
แถลงความพร้อมจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวภาครัฐ ภายใต้แนวคิดหลัก
ท่องเที่ยวภาครัฐ ยกทัพเที่ยวทั่วไทย  ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จ.นนทบุรี มุ่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศปลายปีในรูปแบบงานส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างโอกาสให้กับหน่วยงานภาครัฐได้นำสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวมาเสนอขายและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และส่งเสริมให้เกิดกระแสเที่ยวทั่วไทยโดยผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐที่มีแหล่งท่องเที่ยวกว่า 60 หน่วยงาน อีกทั้ง เปิดโอกาสประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนราว 66% คาด 3 วันมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.5 แสนคน กระจายคนสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศเพิ่ม 10%

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท. ได้ดำเนินโครงการเที่ยวเมืองไทยใครๆ ก็เที่ยวได้ ภายใต้แผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสวัสดิการสังคม กลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ตามแผนการตลาดการท่องเที่ยวปี 2560 วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวให้กับประชาชนคนไทย เกิดการเรียนรู้ภูมิใจในความเป็นไทย สร้างเสริมประสบการณ์และนำความรู้ไปใช้ในการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวทั้งในท้องถิ่นของตนเองและพื้นที่อื่น ๆ ตลอดจนสร้างโอกาสในแง่ของรายได้ เศรษฐกิจชุมชน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้การจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ภายในงานแบ่งออกเป็นโซนท่องเที่ยวกับภาครัฐ โซนอาหารถิ่น โซนสาธิตสินค้า รวมแล้วกว่า 100 บูท และกิจกรรมการแสดงมากมาย

สำหรับหน่วยงานที่ร่วมออกงานในครั้งนี้ อาทิเช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย /สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ อ แม่ริม จ เชียงใหม่/กองทัพเรือ จัดทัพที่เที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่หลากหลายแนว พร้อมการแสดงพายและเห่ เรือราชพิธีจำลอง

ด้านกองทัพบก ยกทัพพร้อมทั้งที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำ เช่น ท่องเที่ยวทางทหารที่โรงเรียนนายร้อย จปร.จ.นครนายก สถานพักฟื้นและพักผ่อนที่สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบฯ และ สถานพักฟื้นและพักผ่อนล้านนา จ.เชียงใหม่ / มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ / บ้านสวนแผ่นดินแม่ สุพรรณ / กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม / พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ มาพร้อมกับกิจกรรมทำเครื่องบินกระดาษ /

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช) /กิจการน้ำพุร้อนสันกำแพง / Museum Siam /โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ /องค์การสวนสัตว์ / ไปรษณีย์ไทย / และ บูทผู้ประกอบการจากกรมการค้าภายในและกรมพัฒนาชุมชน อีกคับคั่ง

พร้อมด้วยร้านอาหารอร่อย ท้องถิ่น ชื่อดังอาทิ ขนมไทยแม่แฉล้ม อยุธยา / กระหรี่ 2 ปั๊บ สุโขทัย / กุ้ยช่ายบ้านนา /ขนมถ้วยฟูสมุนไพร / กระยาสารท ต้นตำรับ สระบุรี / ห่อหมกทะเลย่าง ประจวบฯ / ข้าวยำสมุนไพร /เต้าคั้ว /ส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวาง / ผัดไทยสุโขทัยฯ / โกอ่างเส้นปลา / ลอดช่องวัดเจษฯ/ หมี่กรอบเมืองกาญจน์ / หม่ำคำตัน ชัยภูมิ / ซาลาเปาทับหลี / ไก่กอแระมาเต๊ะ /จำปาดะทอด /ข้าวขาหมู จุฬา และร้านอาหารชื่อดัง ประจำถิ่นตบเท้าพร้อมปรุงรสเด็ดมากมายภายในงาน
นางสุจิตรายังเปิดเผยด้วยว่า การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างดี ประชาชนที่มาร่วมงานยังจะได้รับความสนุกสุดคุ้มในโซนดนตรี ได้ชมการแสดง จาก 3 ศิลปินชื่อดัง เบิร์ดกะฮาร์ท , สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง และ บี้ สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว หรือ บี้เดอะสตาร์ ร่วมด้วยการแสดงจาก ดุริยางค์ทหาร , สุนัขตำรวจ k9 (เคนาย) พร้อมรับชมไฮไลท์การแสดง พายและเห่ เรือ พระราชพิธีจำลองจากกองทัพเรือ แวะชิมอาหารถิ่นของอร่อยจากร้านดังทั่วประเทศ นอกเหนือจากนั้นยังได้ชมโชว์สาธิตการทำเมนูท้องถิ่น จากเชฟบุ๊ค

ผู้เข้าชมงานสามารถเลือกช้อปแหล่งท่องเที่ยวและบริการในราคาพิเศษ
ซึ่งมีโปรโมชั่นให้แบบจุใจ โดยเมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000 บาท ภายในงานนี้ สามารถร่วมสนุกชิงรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ภายในประเทศ วันละ 3 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง

จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมงานกัน คาดว่า 3 วันของการจัดงานจะมีนักท่องเที่ยวที่มาชมงานประมาณ 50,000 คนต่อวันหรือประมาณ 150,000 คน
ใน 3 วัน และมีเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเดินทางกระจาย
ตัวสู่แหล่งท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น 10 %

อนึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
งานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
โทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

SCB Abacus

ไทยพาณิชย์ตั้งบริษัทลูก SCB Abacus 

SCB Abacus ถูกแยกออกมาเป็นบริษัทลูกเพื่อให้ทำงานได้คล่องตัว โดยจะยังเน้นให้บริการเฉพาะบริษัทภายในเครือไทยพาณิชย์เป็นหลัก ตัวอย่างโครงการที่ SCB Abacus จะเข้ามามีบทบาทสนับสนุนธุรกิจของไทยพาณิชย์ ได้แก่พัฒนาระบบ Recommendation Engine ช่วยแนะนำบริการในแอพ SCB Easy, นำ AI มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้าเป็นรายบุคคล โดยใช้อุปกรณ์ IoT มาช่วยเก็บข้อมูล, นำ AI มาช่วยคาดเดาปัญหาที่ลูกค้าจะโทรเข้ามายังคอลล์เซ็นเตอร์ เพื่อโอนสายไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง

SCB Abacus ได้ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โดยก่อนหน้านี้ ดร.สุทธาภา เป็นรองผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุดของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ของธนาคารไทยพาณิชย์ ประวัติของ ดร.สุทธาภา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และระดับปริญญาเอกจากสถาบัน MIT ก่อนมาร่วมงานกับไทยพาณิชยื ดร.สุทธาภา เคยทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ที่กรุงวอชิงตันดีซี และผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังมาก่อน

จุดแข็งของ SCB Abacus คือการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI ที่เคยทำงานในบริษัทระดับโลกมาร่วมทีม, การมีข้อตกลงกับสถาบัน MIT เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้งาน รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลของกลุ่ม SCB ที่มีอยู่แล้ว

SCB Abacus ยังตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายธุรกิจ เช่น ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล (อดีตผู้อำนวยการ สวทช.), ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร (ซีอีโอ ปตท.), คุณวิลาสินี พุทธิการันต์ (อดีตผู้บริหารระดับสูง AIS ส่วนงานบริการลูกค้า) และ ศ.ดร.เบ็นจามิน แวนรอย (มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด)

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)

ส่วนแนวทางการตั้ง SCB Abacus มองโจทย์ว่าบริษัทมีข้อมูลปริมาณมาก ทำอย่างไรจึงจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ได้ จึงตั้งใจแยกบริษัทออกมาทำงานขนานกับ DV โดยมีเป้าหมายเพื่อทดลองเรื่อง AI กับ Big Data เป็นหลัก ตอนนี้ข้อมูลที่ธนาคารมียังเป็นข้อมูลแบบ traditional ที่ธนาคารเคยเก็บไว้ เป็นข้อมูลทั่วๆ ไปว่าลูกค้าเป็นใคร ทำอะไรบ้าง ถือว่าเป็นข้อมูลพื้นๆ แต่ในอนาคต Abacus จะต้องไปไกลกว่านี้ ต้องมีข้อมูลแบบ unstructured ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของลูกค้า เพื่อนำไปต่อยอดบริการให้ได้กว้างไกลขึ้น เพื่อสร้าง predictive และ insight ใหม่ๆ ที่ธนาคารไม่เคยมีมาก่อน

การนำข้อมูล big data มาใช้บริหารความเสี่ยง จะยังช่วยให้ธนาคารบริหารสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาก มีอัตราหนี้เสีย (NPL) ไม่ถึง 2% ซึ่งธนาคารในประเทศไทยไม่เคยทำได้มาก่อน ในอีก 6 เดือนจากนี้น่าจะเห็นผลงานของ SCB Abacus

 

คุณคิดว่า…ดาราวัยรุ่นชายคนไหน พูดถึงแล้วนึกถึงเวสป้าที่สุด!

กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา
ตัวแทนคนรุ่นใหม่กับสไตล์อันโดดเด่น

สาวกเวสป้าและนักสะสม ร่วมงานเปิดตัวเวสป้า พีเอ็กซ์ ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 40 ปี แห่งการถือกำเนิดสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมดีไซน์ไอคอน ในแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ ที่เสนอความต่างแห่งปี  NOT FOR EVERYONE. IS IT FOR YOU?  รถสกู๊ตเตอร์สุดคลาสสิกในตำนานกับ  Vespa PX Touring Edition จำนวนจำกัดเพียง 200 คันทั่วประเทศ   ทุกคันประดับเพลทเหล็กโลโก้เลขไทยตกแต่งด้านหน้าตัวรถ และเพลทเหล็กลิมิเต็ด อิดิชั่น ออกเดินทางอย่างมีสไตล์ด้วยเซตพรีเมี่ยมจัดพิเศษมากมาย  ทั้งกระเป๋าสะพายข้าง ธงติดรถ แก้วน้ำ เซตเข็มกลัด เซตโปสการ์ด หมวกกันน็อคสกรีนโลโก้ เข้าชุด วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 224,900 บาท

สำหรับ เวสป้า พีเอ็กซ์ ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกเหนือกาลเวลาด้วยรายละเอียดการออกแบบ  ที่เน้นความเรียบง่าย โดยสานต่อแรงบันดาลใจจากเวสป้ารุ่น พีเอ็กซ์ ในตำนานที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุค 70  ซึ่ง
ยังคงครองใจและเป็นที่รักของสาวกเวสป้า ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
สะดุดตาด้วยสีพิเศษ  สีฟ้าเงิน  Azzurro 70

โดดเด่นด้วยวัสดุโครงเหล็กแบบดั้งเดิม  ที่มอบความแข็งแรงทนทาน ให้ความรู้สึกอยากออกเดินทางในรูปแบบที่สะท้อนความเป็นตัวเอง มาพร้อมกับชิวด์สั้นบังลม สามารถบรรทุกสัมภาระด้วยตะแกรงโครเมี่ยมทั้งด้านหน้า-หลัง พิเศษยิ่งขึ้นด้วยการประดับเพลทเหล็กโลโก้เลขไทย   “๔๐” ในตำแหน่งด้านหน้ารถ ผลิตมาเพื่อจัดจำหน่ายในตลาดประเทศไทยเพียง 200  คันเท่านั้น

เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบสี่สิบปี ของการผลิตและจัดจำหน่ายเวสป้ารุ่นดังกล่าว และตกแต่งด้วยเพลทเหล็ก ลิมิเต็ด อิดิชั่น ต้องมนต์เสน่ห์ในทุกการเดินทางไปกับฟีเจอร์ดั้งเดิมในตำนาน  ที่แฟนพันธุ์แท้เวสป้าต่างรอคอย อาทิ เครื่องยนต์ 2 จังหวะ เกียร์มือ 4 สปีด เบรกหลังที่เท้า ยางและล้ออะไหล่ที่ตัวถังด้านซ้าย โดยเวสป้า  พีเอ็กซ์ ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 224,900 บาท สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จากตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่” สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา

เปิดตัวสาวกเวสป้าคนใหม่ล่าสุด  คุณกรรณ สวัสดิวัตน์  ณ อยุธยา ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่รักและหลงใหลในการขับขี่เวสป้า เผยโฉมอย่างเป็นทางการด้วยสุดยอดสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมสุดคลาสสิกในตำนาน “เวสป้า พีเอ็กซ์ ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น (Vespa PX Touring Edition)” ที่ครองใจสาวกเวสป้า
มาตั้งแต่ยุค 70 ให้ทุกการเดินทางเปรียบเสมือนต้องมนต์เสน่ห์แบบเหนือกาลเวลาตามแบบฉบับความเป็นแบรนด์ไอคอนของคนทั่วโลก

ในโอกาสเดียวกันนี้  ยังร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี แห่งการถือกำเนิดเวสป้า รุ่น  “พีเอ็กซ์  (PX) ” ซึ่งเป็นที่นิยม  ของสาวกเวสป้าทั่วโลกอีกด้วย และตอกย้ำ  แคมเปญสุดยิ่งใหญ่แห่งปี   NOT FOR EVERYONE. IS IT FOR YOU?  ภายใต้บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเอกลักษณ์ด้วยกลิ่นอายการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริงณ โมโตเพล็กซ์ แบงค็อก

สาวกเวสป้าและนักสะสมที่ชื่นชอบเวสป้า พีเอ็กซ์ ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เตรียมพบกับกิจกรรมความสนุกจากเวสป้าได้เร็วๆ นี้ ผม… ในฐานะหนึ่งในสาวกเวสป้าและตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเดินทางในสไตล์ที่เป็นตัวเอง และต้องมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกไร้ซึ่งกาลเวลาของรถเวสป้า พร้อมที่จะพาทุกท่านร่วมออกเดินทางและสัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง” คุณกรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา กล่าวทิ้งท้าย

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้จากตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน
Let the journey begin!
#VESPATHAILAND
#VESPAisit4u

www.vespa.co.th  หรือ
www.facebook.com/vespathailand

อิมแพ็ค เดินหน้า กล้าจัด

ครั้งแรกในเมืองไทย Thailand LGBT Expo

นำเทรนด์ จัดงานแนวใหม่เจาะตลาดชาวสีรุ้งทั้งไทยและต่างชาติยกกองทัพสินค้า บริการ และกิจกรรมจากแบรนด์ชั้นนำ

ด้วยความมั่นใจและเล็งเห็นในศักยภาพหลากหลายด้านของชาวสีรุ้ง ที่มีอัตราการเจริญเติบโตของประชากรที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่น่าจับตามองของนักการตลาด เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรสนิยมดีและมีกำลังซื้อสูง ในปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าและบริการ รวมไปถึงสื่อต่างๆ ทั่วโลกต่างให้การสนับสนุนพร้อมเปิดเผยตนเองว่าเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT(เลสเบี้ยน,เกย์,คนรักสองเพศและคนข้ามเพศ) หรือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ มากขึ้น

บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเหล่านี้ จึงร่วมมือกับองค์กรบางกอกเรนโบว์ พร้อมพันธมิตรเครือข่าย LGBT และผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่มีความเป็นมิตรต่อ LGBT ทั้งในและต่างประเทศ ทุ่มจัดงานยิ่งใหญ่ “Thailand LGBT Expo” เต็มพื้นที่ 5,000 ตรม. เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางในการนำเสนอสินค้า บริการ และกิจกรรมที่สร้างสรรค์ รวมไปถึงเป็นเวทีกลางเพื่อแสดงศักยภาพของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ยกทัพนำสินค้า,บริการและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชาว LGBT ไม่ว่าจะเป็น เกย์ เลสเบี้ยน ทอม ดี้ สาวประเภทสอง ผู้หญิง-ผู้ชายข้ามเพศ หรือบุคคลทั่วไปที่เปิดกว้างยอมรับในความเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็น บริการทางการเงิน ที่อยู่อาศัย สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ สุขภาพ ความงาม แพ็คเกจท่องเที่ยว โรงแรม สปา แอพพลิเคชั่นต่างๆ ฯลฯ

ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด เช่น การประกวด Mr.Gay World Thailand 2018 เพื่อเฟ้นหาหนุ่มหล่อมากความสามารถไปประกวดต่อในเวทีระดับโลก การประชันความสามารถกันแบบสุดพลังกับการแข่งขัน “LGBT ก็ Talent” การอัพเดทเทรนด์แฟชั่นแบบอลังการกับ LGBT Fashion Show โชว์คอลเลคชั่นพิเศษสุดจากแบรนด์ชั้นนำ การประกวด “One Man One Women” เป็นหญิงก็สวย เป็นชายก็หล่อ การประกวด “Mr. Trans World & The Toms World” เวทีที่รวบรวมสาวหล่อไว้เยอะที่สุดในประเทศไทย” การประกวด Miss BBC World 2018” ประชันไหวพริบ สติปัญญาของสาวประเภทสอง การประชันความแซ่บ เผ็ดอย่างถึงพริกถึงขิงกับบนแคทวอล์ค กับการประกวด “Miss Queen Model” แดนซ์สุดมันส์กับปาร์ตี้แสนพิเศษที่รับเฉพาะผู้หญิง ใน “Lesla Party” และมาร่วมภาคภูมิใจกับความสำเร็จของชาว LGBT ไปกับนิทรรศการ “Hall of Fame” นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากศิลปินชั้นนำ รวมไปถึงการเสวนาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันในประเด็นสุดฮอต ที่ชาว LGBT ห้ามพลาด

ตอกย้ำความกล้าของผู้จัด นำเทรนด์งานแนวใหม่เจาะตลาดชาวสีรุ้งทั้งไทยและต่างชาติ ยกกองทัพสินค้า บริการ และกิจกรรมจาก แบรนด์ชั้นนำ Thailand LGBT Expo จะจัดขึ้นในวันที่ 25-28 มกราคม 2561 ณ อาคาร 4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 10.00-20.00 น.

สนใจจองบูธหรือติดตามความเคลื่อนไหวของงานได้ที่
www.thailandlgbtexpo.com หรือ facebook.com/thailandlgbtexpo

ฉลอง 25 ปี สกว.ประกาศเดินหน้ากับบทบาท

“สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต”
โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. จัดงาน 25 ปี สกว. ภายใต้แนวคิด “สร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต” จากการสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่องจนเกิดองค์ความรู้ใหม่ เกิดนวัตกรรม นโยบาย พัฒนาชุมชนท้องถิ่น เพื่อสร้างคน สร้างความรู้ สร้างอนาคต โดยการสร้างนักวิจัยทุกระดับ ซึ่งในปัจจุบันได้สร้างนักวิจัยมาแล้วราว 60,000 คน จากงานวิจัยกว่า 20,000 โครงการ และมีการสร้างความรู้จากงานวิจัยไปต่อยอดให้เกิดนวัตกรรม เพื่อการมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างอนาคตของประเทศต่อไป

ภายในงานได้รับเกียรติจากพลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานและปาฐกถานำ เรื่อง “ทิศทางและนโยบายการพัฒนาประเทศ โดยใช้องค์ความรู้จากงานวิจัย” สรุปได้ว่าทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการสร้างระบบการวิจัยของประเทศที่เข้มแข็ง จึงจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยของชาติ 20 ปีขึ้น มุ่งเน้นที่การปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ มีหลักการของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่พัฒนาบนพื้นฐานการวิจัยและนวัตกรรม มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ นำองค์ความรู้และนวัตกรรมจากงานวิจัย ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงในด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ

เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
ผลงานของ สกว. ในช่วง25 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นข้อพิสูจน์อันดีว่าศักยภาพของบุคลากรการวิจัยของประเทศไทย สามารถผลิตงานวิจัยรวมถึงนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง และสามารถนำไปใช้ได้จริงนั้นมีอยู่จำนวนมาก แต่เพื่อจะขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาอย่าง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จะต้องอาศัยการผสานพลังวิจัยจากทุกภาคส่วนที่จะกระตุ้นให้เกิดผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงได้”
นอกจากนี้ งาน 25 ปีสกว. มีกิจกรรมและนิทรรศการ เช่น งานวิจัยท่องเที่ยวตามรอยพระราชดำริ   “แม่ของแผ่นดิน มิ่งขวัญชาวไทย”   ย้อนรอยประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ 10
สปีชีส์เห็ดชนิดใหม่ของโลก ต้นแบบหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดอีโอดี และงานวิจัยที่พร้อมต่อยอดอีกมากมาย และยังมีการประชุมวิชาการ เสวนาหัวข้อพิเศษ เช่น

· สูงวัยอารมณ์ดี โดย ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน เมธีวิจัยอาวุโส สกว. รศ.ดร. ศิริยุพา รุ่งเริงสุข คุณสมเกียรติ ชินธรรมมิตร และ ผศ.ดร. ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

· ปฏิรูปประเทศด้วยนวัตกรรม โดย คุณจาง ควายทอง ประธานบริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด, คุณเฉลิมพล ปุณโณทก, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท CT Asia Robotics Co., Ltd., นาวาตรี ดร.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

· Knowledge farm talk #3 “สถานการณ์ในปัจจุบันและทางออกสำหรับอนาคต” โดย รศ.ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รศ.ดร.พีระ เจริญพร ผศ.ดร.วีระชาติ กิเลนทอง และ ผศ.ปกป้อง จันวิทย์

· รื้อร้างสร้างใหม่ ประวัติศาสตร์ไทยยุค 4.0 กับ ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ดำเนินรายการโดย คุณคุณากร เกิดพันธ์ เป็นต้น

ภายในงานยังมีคลินิกวิจัยจาก สกว.ที่พร้อมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านงานวิจัย หรือสำหรับนักวิจัยมือใหม่อีกด้วย

ส่วนกิจกรรมพิเศษบนเวทีนอกจากการแสดงต่างๆแล้ว ร่วมพูดคุยกับ
น็อต วรฤทธิ์ และปอย ตรีชฎา 2 นักแสดง ที่นำงานวิจัยไปพัฒนาต่อยอด
เป็นผลิตภัณฑ์ , กิจกรรมพูดพร่ำฮัมเพลง กับ พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง พร้อมกับการเปิดตัว WiTThai season2 กับนักสื่อสารวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ แทนไท ประเสริฐกุล และ อาบัน สามัญชน ที่จะทำให้เรื่องวิทยาศาสตร์ยากๆ กลายเป็นเรื่องง่าย มีการจัดการแสดงทั้งหมด 2 วันคือ
วันที่ 25-26 สิงหาคม 2560  ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 2

มูลนิธิสัมมาชีพ มอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ ประจำปี 2560

รางวัลต้นแบบสัมมาชีพ คัดเลือกผู้นำธุรกิจ
วิสาหกิจชุมชน-เอสเอ็มอี-บุคคลต้นแบบบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่โดดเด่น

มูลนิธิสัมมาชีพจึงก่อเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือร่วใจของบุคคลสำคัญจากหลากหลาย สาขาอาชีพ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางดำเนินการนำธรรมะและองค์ความรู้ที่ดีงาม ให้เข้าถึงกลุ่ม คนทุกสาขาอาชีพมุ่งเน้นการทำมาหากินอย่างสุจริตเพื่อพัฒนาจิตของตนให้ไปในการทางที่ ถูกต้อง อันจะเป็นการสร้างสังคมที่น่าอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน

เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขอย่างแท้จริง มูลนิธิสัมมาชีพ มอบรางวัล-ประกาศเกียรติคุณต้นแบบสัมมาชีพ เชิดชูผู้นำธุรกิจ ครั้งที่ 5 พร้อมวางรากฐานสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย

มูลนิธิสัมมาชีพ จัดงานมอบรางวัลต้นแบบสัมมาชีพ ประกาศเกียรติคุณและยกย่องเชิดชูบุคคลสัมมาชีพ ครั้งที่ 5 คัดเลือกบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับจากสังคม พร้อมวางรากฐานสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขอย่างแท้จริง

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการการจัดงานกล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัล “ต้นแบบสัมมาชีพ” มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและยกย่องเชิดชูบุคคลและธุรกิจต้นแบบที่มีความโดดเด่น เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากสังคมในการประกอบอาชีพโดยสุจริตและดำเนินธุรกิจตามหลักสัมมาชีพโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคและสังคมบนแนวทางสัมมาชีพอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มูลนิธิสัมมาชีพจัดให้มีรางวัลบุคคลสัมมาชีพแห่งปีตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2559 จึงได้ขยายให้มีรางวัลเพิ่มขึ้นอีก 2 รางวัล คือรางวัล SMEs-สัมมาชีพ และวิสาหกิจชุมชน-สัมมาชีพ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อสร้างสัมมาชีพให้เต็มพื้นที่ดังปรัชญาของมูลนิธิ “สร้างให้เต็ม เติมรากฐานให้แข็งแกร่ง” สำหรับบุคคลสัมมาชีพแห่งปีเปรียบเสมือนต้นแบบที่สัมผัสได้และมีตัวตนอีกทั้งยังเป็นผู้จุดประกายสร้างพลังและแรงบันดาลใจให้กับคนในสังคมทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขา อาชีพ ในการตั้งมั่นและยึดถือการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมตามหลักสัมมาชีพ ด้วยการรับฟังและการเรียนรู้ผ่านการปาฐกถาพิเศษการถ่ายทอดแนวคิดและหลักการดำเนินชีวิตที่ดีงามของบุคคลสัมมาชีพ ด้วยอาวุธสำคัญ คือ ประสบการณ์และคมปัญญาที่จะส่งผลให้กับผู้คนในสังคมมีพลังขับเคลื่อนความฝันของตนเองสู่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมที่ดีต่อไป

โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้มอบรางวัลบุคคลต้นแบบสัมมาชีพประจำปี 2560 ซึ่งบุคคลต้นแบบสัมมาชีพ ในปีนี้ได้แก่ นายตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่

“ผู้ที่จะได้รับรางวัลนับเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ได้รับการยอมรับจากสังคมในการประกอบอาชีพอย่างซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในการปฏิบัติตนที่ดีต่อบุคคลอื่น ยึดหลักการทำธุรกิจบนความถูกต้องดีงาม คำนึงถึงการรักษาสภาวะแวดล้อมและไม่เอาเปรียบผู้อื่น รวมทั้งเป็นผู้บริหารที่บริหารธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากจากวิกฤติการณ์มาได้” นายประเสริฐ กล่าว

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมามีบุคคลชั้นนำในสังคมไทยได้รับเกียรติเป็นบุคคลสัมมาชีพแล้ว 4 ท่าน ได้แก่ บุคคลสัมมาชีพประจำปี 2552 นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหารเครือสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ,บุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2553 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มน้ำตาลมิตรผล จำกัด ,บุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2554 นายไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบุคคลสัมมาชีพ ประจำปี 2555 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับงานในปีนี้จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560 เวลา 09.00 – 13.30 น. ณ โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (สุขุมวิท22)

ด้าน ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัล ต้นแบบสัมมาชีพ มีจุดเริ่มต้นมาจากปรัชญาการดำเนินงานของมูลนิธิสัมมาชีพที่มีความเชื่อมั่นว่า สังคมไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกิดผู้นำสัมมาชีพในทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำภาคธุรกิจซึ่งเป็นผู้นำที่มีหลักคิด ทัศนคติ และมีทักษะในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเป็นพลังอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสัมมาชีพเต็มพื้นที่ อันจะช่วยนำประเทศไทยไปสู่สังคมอุดมสุขที่เป็นจริงได้ สำหรับเรื่องสัมมาชีพนั้นถือเป็นแนวคิดที่สำคัญที่สุด บ้านเมืองหรือประเทศจะร่มเย็นเป็นสุขได้ก็ต่อเมื่อมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ซึ่งสัมมาชีพก็คืออาชีพที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ฉะนั้นเวลาเกิดสัมมาชีพเต็มพื้นที่ จึงเกิดความร่มเย็นเป็นสุข เศรษฐกิจก็ดี จิตใจก็ดี สังคมก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี

ดังนั้น เพื่อให้สัมมาชีพเต็มพื้นที่เกิดขึ้นได้จริงอย่างที่คนคิดดีทำดีหวังไว้ การมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง “บุคคลสัมมาชีพ” แห่งปี จึงดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 5 ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้ความคิดและการกระทำของบุคคลสัมมาชีพ กลายแบบอย่างอันดี ทอันควรที่ปฏิบัติได้จริงแก่สังคม