Category Archives: Event

เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ AAS Harley-Davidson(R) of Bangkok ย่านวิภาวดี รังสิต

ขอต้อนรับ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
AAS Harley-Davidson® of Bangkok

เปิดโชว์รูม AAS Harley-Davidson(R) of Bangkok  ย่านวิภาวดี  รังสิตค็อก ไรเดอร์ ทุ่มงบกว่า 400 ล้าน  เปิดโชว์รูม ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ย่านวิภาวดี-รังสิต เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2560 

Totptotravel เข้าร่วมงาน แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson®) ได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรมาตรฐานระดับสากลแห่งที่ 6 ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “AAS Harley-Davidson® of Bangkok” บนถนนวิภาวดี-รังสิต โดย AAS Harley-Davidson® of Bangkok เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม

โดย  โลโก้ AAS Harley Davidson® ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนุมาน
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครเอกของวรรณคดีรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งหนุมานถือเป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก ได้ชื่อว่าเป็นอมตะ มีความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ ทำงานที่มอบหมายได้สำเร็จเสมอ มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ มีวินัย แต่ก็ยังเป็นตัวแทนของความสนุกสนาน

บริษัท แบงค็อก ไรเดอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอเมริกัน ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson®) ได้เปิดโชว์รูม  และศูนย์บริการครบวงจรมาตรฐานระดับสากลแห่งที่ 6 ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ AAS Harley-Davidson® of Bangkok บนถนนวิภาวดี-รังสิต โดย AAS Harley-Davidson® of Bangkok เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม  รวมถึงตั้งเป้าบุกเบิกลูกค้ากลุ่มใหม่ซึ่งเป็น Young Generation พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ของชาวสองล้อแบบครบวงจรบนพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางและทันสมัยที่สุดในประเทศไทย

จากความสำเร็จของโชว์รูม ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน สาขาแรกของบริษัทในเครือที่พัทยาภายใต้ชื่อ Harley-Davidson® of Pattaya ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2559 ซึ่งได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าหลากหลายกลุ่ม และในการเปิดตัวครั้งนั้นเองก็ยังถือเป็นการเปิดตลาดในภาคตะวันออก  อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อีกด้วย

มิสเตอร์ ปีเตอร์ แม็คเคนซีย์ กรรมการผู้จัดการ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เขตตลาดเศรษฐกิจใหม่ในเอเชีย กล่าวว่า ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน มีการเติบโตอย่างเหลือเชื่อในประเทศไทย ต้องขอขอบคุณบรรดาแฟนๆ ฮาร์เล่ย์ ที่ให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดีตลอดมา ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน เองนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะของตัวแทนแห่งอิสรภาพ ความเป็นปัจเจกชนแต่เต็มไปด้วยการแสดงออกของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นฉันพี่น้องระหว่างเพื่อนผู้หลงใหลในสิ่งเดียวกันนั่นก็คือการได้ครอบครองและขับขี่ฮาร์เล่ย์ฯ ที่จะนำพาพวกเขาไปสู่อิสรภาพที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์รถจักรยานยนต์อื่นใด เราขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสกับประสบการณ์ ที่ไม่เหมือนใคร  ในโชว์รูม  AAS Harley-Davidson® of Bangkok แห่งนี้


บริษัท แบงค็อก ไรเดอร์ จำกัด โดย คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ผู้มีประสบการณ์ในวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน ได้สานต่อนโยบายที่วางไว้ พร้อมเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะตลาดในกรุงเทพมหานครและภาคตะวันออก จึงทุ่มงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เปิดโชว์รูม Flagship Dealership และศูนย์บริการแห่งใหม่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อันทันสมัย บนถนนวิภาวดี-รังสิต บนพื้นที่กว่า 2,400 ตารางเมตรภายใต้ชื่อ “AAS Harley-Davidson® of Bangkok”

คุณอนุวัชร เผยว่า  สำหรับโชว์รูม AAS Harley-Davidson® of Bangkok แห่งนี้ เปรียบเสมือน Homequarter (บ้านหลังที่ 2) ของชาวไบค์เกอร์
ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ความชอบที่เหมือนกัน เราจะสร้างโชว์รูม

แห่งนี้ให้เป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ของชาวสองล้อที่ครบครัน ทั้งในส่วนของโชว์รูมและศูนย์บริการซึ่งเราจะเน้นระบบการทำงานและเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ให้สมกับเป็นศูนย์บริการที่ได้รับการคาดหมายจาก  ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อเมริกาว่าจะเป็น Flagship Dealership  แห่งใหม่ของภูมิภาคนี้  นอกจากนั้นทางเรายังมีความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับฮาร์เล่ย์ฯแก่ลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้าง และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์

กับลูกค้า และที่จะขาดไม่ได้เลย  คืองานบริการที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึงโชว์รูมแห่งนี้

สำหรับภายในพื้นที่โชว์รูมมีการจัดแสดงรถฮาร์เล่ย์ฯ รุ่นล่าสุด สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์การขับขี่ และอุปกรณ์ตกแต่งรถมากมายพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่หลงใหลในแบรนด์ไม่แพ้กัน ศูนย์บริการเองก็สามารถรองรับรถที่จะเข้ามาใช้บริการได้เดือนละกว่า 400 คัน โดยทีมงานที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ นอกจากนี้ภายในโชว์รูมยังมี Exclusive Customer Lounge ไว้บริการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นพิเศษอีกด้วย

ในส่วนของสมาชิก H.O.G (Harley-Davidson Owners Group) มีห้องรับรองโดยเฉพาะได้รับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมี่ยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ครบครันเพื่อให้บริการกลุ่ม

ผู้ขับขี่ฮาร์เล่ย์ฯ รวมถึงเป็นศูนย์กลางสังคมของผู้ขับขี่ ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน ประเทศไทย ที่จะรองรับการพบปะสังสรรค์ เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างสาธารณะประโยชน์แก่สังคมอีกด้วย”

“อีกหนึ่งในไฮไลท์มากมายในงานนี้ คือแอพลิเคชัน AAS H-D ที่ได้รวบรวมเอาข้อมูลสินค้าบริการ การนัดหมายเข้ารับบริการซ่อมบำรุง ข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ มาไว้เพียงปลายนิ้วสัมผัสแล้ว ที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับสมาชิก  H.O.G Chapter ในกลุ่มของ  AAS Harley-Davidson® of Bangkokและ Pattaya ก็คือสิทธิพิเศษในการใช้บริการกับ partner อันหลากหลายของเราตั้งแต่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ  ฟิตเนส และโรงแรมชื่อดังต่างๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งอิสรภาพแบบฮาร์เล่ย์ในสไตล์ของAAS Harley-Davidson® ที่รับรองว่าจะไม่มีที่ใดเหมือนแน่นอน”คุณอนุวัชร กล่าว


AAS Harley-Davidson® of Bangkok ตั้งอยู่เลขที่ 99 ถนนวิภาวดีรังสิต (ติดซอยวิภาวดีรังสิต 66)
แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
www.aasharley-davidsonbangkok.com
https://www.facebook.com/aasharleybangkok
IG: @aasharleybkk
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02 521 4545

ทิปให้สนุกทุกตอน

ทิปโก้ สร้างปรากฎการณ์ใหม่!


รับซัมเมอร์ย้ำภาพลักษณ์ผู้นำตลาดและมิติใหม่ๆด้วยการเปิดตัวน้ำผลไม้ ทิปโก้ ม็อกเทล เป็นการมิกซ์น้ำผลไม้ที่มีคุณค่าหลากหลายด้วยรสชาติที่แสนอร่อยรับซัมเมอร์สดชื่น แบบสุขภาพดี กับ 2 รสชาติ  Tipco Mocktail Passion Summer และ Tipco Mocktail Magic Lychee  ซึ่งมีส่วนผสมของ ม็อกเทล 0Flavor สูตรลับเฉพาะของทิปโก้ ที่คงคุณประโยชน์เต็มกล่องชูจุดขายแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ที่รักสุขภาพและชื่นชอบการปาร์ตี้ แบบไร้แอลกอฮอล์เจ้าแรกและเจ้าเดียวของตลาดน้ำผลไม้กลุ่มพรีเมี่ยมในเมืองไทยทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทรุกกลยุทธ์มาร์เก็ตติ้งมิกซ์การตลาดมัดใจผู้บริโภคมั่นใจกวาดยอดขายเพิ่ม 30%

เปิดตัวสุดมันส์ของน้ำผลไม้ Tipco Mocktail สูตรใหม่ Magic Lychee และ Passion Summer  นอกจากจะได้ลองรสชาติใหม่ของ Tipco Mocktail แล้ว คุณยังได้มันส์ไปกับดีเจ EDM คู่หูสุดแสบ Future The XXX ตบท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง แบบใกล้ชิด พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมมันส์ๆ มากมาย

Tipco Mocktail

นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์ ทิปโก้ ผู้นำตลาดน้ำผลไม้ในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน มีการแข่งขันกันสูงทำให้เกิดความเครียดและส่วนใหญ่คลายเครียดด้วยการพบปะสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ

ดังนั้นซัมเมอร์นี้  ทิปโก้ จึงสบโอกาสเปิดตัวแคมเปญ   TIPCO Mocktail : Tip มันส์ๆ ไม่มีวันเลิกรา  ภายใต้แนวคิด สนุกได้โดยไม่มีแอลกอฮอล์ ดื่มหนักแค่ไหนก็ไม่เมา มีแต่ความมันส์ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเมาไม่ขับ อีกทั้งได้เปิดตัวนวัตกรรมน้ำผลไม้ชูความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครกับ “ทิปโก้ ม็อกเทล” (Tipco Mocktail) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มิกซ์น้ำผลไม้ที่มีคุณค่าหลากหลายโดยไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับงานปาร์ตี้  ที่จะทำให้บรรยากาศสนุกสนานมากขึ้น เพราะมีส่วนผสมของ Mocktail Flavor สูตรลับของทิปโก้ คงคุณประโยชน์ ด้วยส่วนผสมของน้ำผลไม้หลากหลายรสชาติในกล่องเดียวเหมาะกับผู้บริโภคที่มองหาสิ่งใหม่ๆ ที่ต้องการเครื่องดื่มอร่อย สนุกและไม่ทำร้ายสุขภาพ



สำหรับ ทิปโก้ ม็อกเทล (Tipco Mocktail) บริษัท  ได้วางโพสิชั่นนิ่งของสินค้าไว้ในกลุ่มของน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยม เนื่องจากมีช่องว่างทางการตลาดที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สืบเนื่องจากการดูแลสุขภาพของคนยุคปัจจุบันมีมากขึ้น และโดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงานที่ใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ในทุกๆด้าน ทั้งการออกกำลังกาย การดื่มการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงส่งผลให้น้ำผลไม้มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับบริษัทมั่นใจว่า ทิปโก้ ม็อกเทล  Tipco Mocktail  จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้กับผู้บริโภคที่ชื่นชอบการดื่มน้ำผลไม้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ขยายฐานเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกันโดยการทำตลาดรับซัมเมอร์ เปิดตัว 2 รสชาติ คือ

1.Tipco Mocktail Passion Summer (น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำเสาวรส)รสกลมกล่อม ออกเปรี้ยวนิดๆ จากน้ำเสาวรส ที่มาพร้อมกับความสนุกจาก Mocktail Flavor

2.Tipco Mocktail Magic Lychee (น้ำแอปเปิ้ล น้ำองุ่น น้ำลิ้นจี่)หอมหวานกับรสชาติลิ้นจี่ และความสนุกจากความเป็นMocktail

บริษัททุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการผสานมาร์เก็ตติ้งมิกซ์รุกตลาดแบบครบวงจร ทั้ง above the line และ below the line โดยเน้นสื่อทางด้านทีวี สื่อดิจิตอลสื่ออินเตอร์เน็ตรวมทั้งสื่อนอกบ้านเนื่องจากต้องการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าอย่างทั่วถึงขณะเดียวกันการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ณ จุดขาย กิจกรรมโรดโชว์ และ Sampling ห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน มหาวิทยาลัย ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยตรงและรวดเร็ว

ภาพยนตร์โฆษณาชื่อชุด “Tip for Fun” มีความยาว 30 วินาที เป็นเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงที่ใกล้ตัวของกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 20-29 ปี ของกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ต้องเจอกับการประชุมที่เคร่งเครียด หรือบางคนทำงานภายใต้แรงกดดัน ไม่มีความสุขในการทำงาน หรือ ตอนแฟนงอน ตอนช่วงเวลาที่ไม่แฮปปี้… แต่สุดท้ายหลังเลิกงานทุกคนก็จะมารวมตัวกัน เพื่อพบปะสังสรรค์ ในงานปาร์ตี้สุดมันส์ ที่ทุกคนได้ปลดปล่อย สนุกสุดเหวี่ยง จนได้เวลากลับบ้าน และเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะพวกเขาดื่ม น้ำผลไม้ ทิปโก้ ม็อกเทล นั่นเอง โดยแนวความคิดของภาพยนตร์โฆษณาเราต้องการสื่อให้ทราบถึงโมเม้นท์ว่าเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งกายและใจ หรือรู้สึกถึงวันแย่ก็ให้คิดถึง

ทิปโก้ ม็อกเทล (Tipco Mocktail)  เปิดประสบการณ์ ความสนุกให้คุณได้ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรม ให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกด้วย คือ การนำเทคโนโลยี AR มาใช้ทำให้กล่องน้ำผลไม้พูดได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยง่าย ๆ แค่ โหลด app Layar แล้วไปส่งสแกนโลโก้ทิปโก้จะเห็น vdo clip ที่เป็น Tip for Fun จาก Tipco Mocktail

บริษัทฯ เชื่อว่าหลังจากเปิดตัวแคมเปญฯ และวางจำหน่าย  ทิปโก้ ม็อกเทล (Tipco Mocktail) ทั้ง 2 รสชาติลงตลาดในช่วงเดือนนี้แล้วเรามั่นใจว่าต้องได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และจะสามารถผลักดันยอดขายเติบโตถึง 30 % ในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันตลาดรวมน้ำผลไม้มีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท และกลุ่มน้ำผลไม้พรีเมี่ยมมีมูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 6% นายเอกพลกล่าวในท้ายสุด

ปาร์ตี้สุดมันส์ใจกลางเมือง และครั้งแรกกับกล่องพูดได้
ที่จะพาคุณไปพบกับ Tipมันส์ๆ มากมาย
ณ. ลานเอเทรียม 2 สยามเซ็นเตอร์

เผยโฉมครั้งแรก ม้าลำพอง LaFerrari Aperta มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี
เฟอร์รารี่ในประเทศไทย

Ferrari 70th
Anniversary Celebration in Thailand

พร้อมเผยโฉมครั้งแรกของสุดยอดม้าลำพอง LaFerrari Aperta เพื่อสร้างปรากฏการณ์อันตื่นตาตื่นใจกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของรถซูเปอร์คาร์ลักชัวรี่ระดับตำนานแบรนด์ เฟอร์รารี่ จากสนามแข่งสู่ท้องถนน มุ่งตรงสู่ประเทศไทย พร้อมร่วมเฉลิมฉลองความมุ่งมั่นในวาระครบรอบ 70 ปี  การเผยโฉมของแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ ม้าลำพอง ทั่วโลก

คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธาน กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์

ในปี 2017 กว่า 60 ประเทศทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและมอบประสบการณ์แปลกใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Driven by Emotion” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ เฟอร์รารี่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการมอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและเติมเต็ม สไตล์ที่โดดเด่นของเฟอร์รารี่ หรือนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับรถแต่ละรุ่นตลอด 70 ปีที่ผ่านมา

สำหรับในประเทศไทยจะมีการจัดงาน Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand  สุดยอดอลังการในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560
ณ อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยมี คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธาน กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และคุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บ. คาวาลลิโน มอเตอร์ จก.ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด

คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์  จำกัด กล่าวถึง  วัตถุประสงค์ของการจัดงาน Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand ครั้งนี้ว่า ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของเฟอร์รารี่ ทั้งยังเป็นยานยนตร์สายพันธ์ Racing DNA ตัวจริง เพียบพร้อมไปด้วยความหรูหรา สมรรถนะ และสุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกกับ “เฟอร์รารี่” ทำให้วันนี้รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศอิตาลี กลายเป็นยนตรกรรมในฝันตั้งแต่ปีแรกจวบจนปีที่ 70 แห่งการเฉลิมฉลองในปีนี้ก็ยังคงอยู่ในหัวใจของแฟนม้าลำพองทุกคน

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้  นับว่าเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของเมืองไทยในการรวมตัวกันของสุดยอดรถเฟอร์รารี ที่จะร่วมขบวนมุ่งไปยังอุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยความงดงามและทรงคุณค่าแห่งตำนานในงานศิลปะที่คงทนผ่านกาลเวลาจวบจนถึงปัจจุบันจนเป็นที่ประจักษ์ดั่งเช่นมรดกโลก และอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ จึงเป็นสถานที่
อันทรงคุณค่าเฉกเช่นเดียวกับความเป็นสุดยอดซูเปอร์คาร์นั่นเอง

สำหรับวาระการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ คาวาลลิโน  มอเตอร์  พร้อมเผยโฉมไฮไลท์พิเศษสุดยอดม้าลำพอง LaFerrari Aperta  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี โดยรถซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ผสมผสานคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเข้ากับประสบการณ์ของการขับรถเปิดประทุน เป็นรถพลังงานไฮบริดชนิดเดียวกับรุ่นคูเป้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำเลิศ ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สไตล์ และความพิเศษ คือหัวใจของเฟอร์รารี่ และทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่สะท้อนผ่านรถยนต์รุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระนี้โดยเฉพาะ LaFerrari Aperta เป็นรถรุ่นลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น  มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ที่ผลิตมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษเพียง 209 คันทั่วโลกเท่านั้น และสำหรับในประเทศไทย ผู้ที่ได้มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของ มีเพียง 1 คันเท่านั้น

คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ในฐานะตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และสุดยอดดีลเลอร์เจ้าของรางวัล  “South East Asia Dealer of the Year” ในปี 2014 และ ปี 2015 และรางวัล  “Showroom of the Year” ปี 2015 รวมถึงรางวัล “Sales of the Year” ปี 2016 ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี แบรนด์เฟอร์รารี่ โดยเฟอร์รารี่ ในประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่ได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระสุดพิเศษนี้ โดยเชิญชวนเจ้าของรถเฟอร์รารี่ทั่วประเทศไทย

70 คัน ร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนขบวนคาราวานสุดยอดม้าลำพองจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมงานเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรม LaFerrari Aperta ในบรรยากาศสุดอลังการ โดยกิจกรรมคาราวานรถเฟอร์รารี่ดังกล่าวถือเป็นการรวมสุดยอดซูเปอร์คาร์ระดับตำนานสัญชาติอิตาลี ถึง 70 คัน ร่วมขับเคลื่อนขบวนสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน

ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี  เฟอร์รารี่   นอกจากงาน  ที่จะจัดขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัด พระนครศรีอยุธยาแล้ว คาวาลลิโน มอเตอร์
ยังขอเชิญชวนแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี่และคนรักรถซูเปอร์คาร์ทั้งหลาย ร่วมยลโฉม LaFerrari Aperta สัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี สุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกของม้าลำพอง เฟอร์รารี่ รถสปอร์ตสุดหรูจากอิตาลีที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน

ที่ศูนย์การค้าพารากอน ชั้น Crystal Court M
ระหว่าง วันที่ 26-29 มีนาคม ศกนี้
ร่วมพิสูจน์ความล้ำสมัยของเฟอร์รารี่ได้แล้ววันนี้
ที่ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด
ตัวแทนจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์ เฟอร์รารี่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

สอบถามรายละเอียด เฟอร์รารี่
เพิ่มเติมได้ที่  02-319-6109
อีเมล info@cavallino.co.th
เว็บไซต์ www.bangkok.ferraride alers.com

HUAWEI P10 และ P10 Plus ในไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมกล้อง Leica หน้า-หลัง

Huawei P10 และ P10 Plus มาแล้วคร้า

Huawei P10 และ P10 Plus มาแล้วคร้า!! ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องรอคอยกันนานจริงๆ กับ Huawei P10 และ P10 Plus เพราะวันนี้ได้มาทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย โดยเอามาวางจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่น และเริ่มเปิดให้จองในวันที่ 17-26 มีนาคม นี้ ส่วนจะมีรุ่นอะไรและราคาเท่าไหร่บ้าง ก็ลองมาดูกันเลยHuawei P10 Series จะต่อยอดความสำเร็จและสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดสมาร์ทโฟนโลกอีกครั้งด้วยนวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่ร่วมพัฒนาขึ้นกับไลก้าทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง พร้อมชูสุดยอดฟีเจอร์ถ่ายภาพระดับสตูดิโอ ต่อยอดความเป็นผู้นำด้านกล้อง พร้อมเผยสีสันใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ร่วมมือกับPantone Color Institute ผู้นำด้านสีของโลกเพื่อตอบโจทย์ในด้านดีไซน์มากยิ่งขึ้น

 

มาชมบรรยากาศ การเปิดตัวพร้อมปาร์ตี้สุดสนุก  กับสุดยอดสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพ กับคุณสมบัติระดับสตูดิโอถ่ายภาพหัวเว่ย P10 และ P10 Plus คือ สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้กล้องหน้าจากไลก้า เช่นเดียวกับกล้องหลังเลนส์คู่ผสานเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ล้ำสมัยที่สุดของโลกเพื่อการสร้างสรรค์ภาพพอร์ทเทรทที่แฝงความเป็นงานศิลปะร่วมสมัยตามแบบฉบับของภาพถ่ายไลก้า หัวเว่ย P10 และ P10 Plus มาพร้อมอุปกรณ์และคุณสมบัติทุกอย่างระดับสตูดิโอถ่ายภาพมืออาชีพ

เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่สามารถตรวจจับลักษณะต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ  ฟีเจอร์การปรับแสง – มีอัลกอริทึ่มการตรวจจับอัตโนมัติซึ่งสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของแสงสว่างแวดล้อมและปรับค่าคอนฟิเกอร์เรชั่นของการถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ ทั้ง การปรับสมดุลสีขาวอัตโนมัติ ความเร็วชัตเตอร์ และอื่น ๆ ถ่ายภาพได้สวยเฉียบในทุกสภาพแวดล้อม  ฟีเจอร์ปรับภาพแต่งพอร์เทรท – มีอัลกอริทึ่มการสร้างภาพที่อาศัยข้อมูลจากการวิจัยอย่างละเอียดในเรื่องรูปทรงของใบหน้าและสีผิวที่แตกต่างและหลากหลาย ใช้ฟีเจอร์การปรับแต่งภาพพอร์เทรทให้สมบูรณ์แบบได้ตามความต้องการเฉพาะและเป็นธรรมชาติ

ฟีเจอร์ถ่ายภาพโบเก้ ที่สวยเหมือนงานศิลปะ – มีอัลกอริทึ่มจึงมีความชัดตื้นชัดลึกที่สามารถสร้างสีสันที่คมชัด สดใสให้กับภาพถ่าย พร้อมทำให้ฉากหลังเบลอ เป็นภาพพอร์เทรทสไตล์โบเก้ที่สวยสะดุดตา นอกจากนัน ยังสามารถหาจุดโฟกัสภาพใหม่หลังจากกดชัตเตอร์

สเปคของ Huawei P10
หน้าจอแบบ FHD ขนาด 5.1 นิ้ว กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass 5
ระบบปฏิบัติการ AndroidTM 7.0 ครอบทับด้วย EMUI 5.1
CPU ชิป Kirin 960 (64-bit) Octa-core
GPU Mali-G71 MP8
RAM 4GB
พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB และ 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 256GB
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิเซล รูรับแสง F 1.9
กล้องหลังคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F 2.2 แบตเตอรี่ 3,200 mAh พร้อม SuperCharge

สเปคของ Huawei P10 Plus
หน้าจอแบบ FHD ขนาด 5.5 นิ้ว กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass 5
ระบบปฏิบัติการ AndroidTM 7.0 ครอบทับด้วย EMUI 5.1
CPU ชิป Kirin 960 (64-bit) Octa-core
GPU Mali-G71 MP8
RAM 4GB
พื้นที่เก็บข้อมูล 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 256GB
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิเซล รูรับแสง F 1.9
กล้องหลังคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงF1.8
แบตเตอรี่ 3,750 mAh พร้อม SuperCharge

ราคา
Huawei P10 ความจุ 32GB ราคาอยู่ที่ 17,900 บาท
Huawei P10 ความจุ 64GB ราคาอยู่ที่ 19,900 บาท
Huawei P10 Plus ความจุ 64GB ราคาอยู่ที่ 23,900 บาท

HUAWEI P10 และ P10 Plus ในไทยอย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นกล้องไลก้าทั้งหน้า/หลัง และฟีเจอร์ถ่ายภาพพอร์ทเทรทระดับสตูดิโอ
พร้อมเปิดพรีออเดอร์ 17 – 26 มีนาคมนี้

Kolour in The Park 2017 ร่วมค้นหาคำตอบกับประสบการณ์ปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใคร

คุณจะหลงรัก เทศกาลดนตรีกลางแจ้ง
แนวเฮาส์และเทคโนที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

เราไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ  เพราะใครๆ ก็คงรู้จักเทศกาลดนตรีกลางแจ้งอย่าง Kolour in The Park 2017  เรานอกจากชอบดูหนังแล้ว ฟังเพลงก็ยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ชื่นชอบมาเช่นกัน House Music  เป็นดนตรีเต้นรำที่ถือกำเนิดในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980  เป็นดนตรีเต้นรำที่เก่าแก่มากที่สุด เพลงอิเล็กโทรนิกแดนซ์  เป็นอีกแนวดนตรีหนึ่งที่ชอบฟังนะทั้งคึกคักสนุกสนาน จิตตื่นตัว ความหวือหวา หัวใจเต้นเร็วขึ้น และแน่นอนว่า เต้นมันขึ้นด้วย

บรรยากาศที่ไทยเวคพาร์คลำลูกกาคลอง 6 สวยน่าเล่นสุด

เทศกาลดนตรีกลางแจ้งอย่าง Kolour in The Park 2017  แนวดนตรีเพลงในแนวเฮาส์ และเทคโน เดินชิมอาหารหรูระดับกูร์เมต์  สินค้าผลงานศิลปะ และงานประดิษฐ์ การแสดง นิทรรศการศิลปกรรม ภาพเขียนแนวกราฟฟิตี้ บริการนวดผ่อนคลาย หรือแม้แต่ นั่งชมวิว กรือจะว่ายน้ำในบึง

งานวันนี้ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ  มารวมเข้ากับจังหวะแบบเฮ้าส์มาสนุกกันโยกหัวแบบสุดเหวี่ยงอีกครั้งในปีนี่จัดขึ้นครั้งที่ 3 พิเศษกว่าที่เคย ครั้งยกระดับเป็นเทศกาลดนต รี ในแนวเฮาส์ และเทคโนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เหล่าสาวกเพลง House และ Techno ได้ออกสเต็ป เต้น กันอย่างจุใจ ในบรรยากาศริมน้ำสุดชิล ที่ห้อมล้อมไปด้วยทุ่งหญ้า และนาข้าว ณ Thai Wake Park  ย่านลำลูกกา ปทุมธานี

ส่วนช่วงบ่ายๆ อากาศไม่ร้อนมาก พวกเราเดินชมบรรยากาศของงาน โดยรอบ  มีอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมมากมาย ที่เริ่มขึ้นในเวลา 16.00 น.
สักห้าโมงเย็น สาวกเริ่มเต้น พอสาวกเหนื่อยเหนื่อยแล้ว สาวกก็ถือโอกาส
ที่จะได้ดูไปจิบเบียร์เย็นๆ ไปในบรรยากาศเป็นกันเอง  สามารถไปพักทานอาหาร ว่ายน้ำ หรือนวดฟรี เพื่อเติมพลังกันได้  ยังไม่หมดยังมีกิจกรรม
เพลินๆ อย่างนิทรรศการศิลปะ  ผลงานกราฟฟิตี้ และการแสดง ให้ร่วมชมตามไปเลือกกันได้ตามใจชอบ

สำหรับคนที่ชืนชอบกีฬาทางน้ำอย่าง เวคบอร์ด ที่นี่แจ่มมากๆ  รู้ไหมว่าเวคบอร์ดไม่ใช่สโนว์บอร์ดที่ใช้เล่นบนน้ำและไม่ใช่เพียงสกีน้ำที่แค่ยืนหันข้างเท่านั้น ความจริงก็คือ กีฬาประเภทที่ถูกพบว่ามีจุดเริ่มต้นที่แท้จริงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา

เห็นบรรยายในหน้าอีเวนต์แล้วจะร้องอื้อหือกับความเคลมแรง

Kolour In The Park สถานที่อาจดูเหมือนไกล คนไม่มีรถมีแท็กซี่ไว้บริการจัดว่าเป็นอีเว้นท์ภายใต้แนวคิดของ  Kolour  (ฅัลเลอร์) ที่มีเป้าหมายในการนำเสนอซาวน์สด ใหม่ และเพิ่มประสบการณ์ปาร์ตี้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ให้คอเพลงคนไทยได้สนุกไปพร้อมกัน ปีนี้ก็ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดย Kolour เพื่อเป็นการขยายฐานผู้ฟังเพลงในแนวเฮาส์ และเทคโน ทุกคนที่เข้าร่วมงานได้สัมผัสอะไรใหม่ๆ  เพิ่มมากขึ้นจากครั้งก่อน เพื่อตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้จัดงานใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียว ที่เน้นเฉพาะดนตรีในแนวเฮาส์ เทคโน และอิเล็กโทรนิก้าเข้าด้วยกัน

เอาจริงเค้าจัดมาหลายครั้งแล้ว ถ้าใครยังไม่รู้จัก เราแนะนำให้ไปลองฟัง
เพลงอิเล็กโทรนิกในไทย  KOLOUR IN THE PARK 2017  พบกับเหล่าศิลปินดีเจดังระดับโลก สุดเจ๋งอย่าง
Tube & Berger, Wankelmut, Adana Twins, Autograf, Animal Trainer, ATMA, Ava Asante, Roman Rauch, Sameed, Oliver Osborne และเราคิดว่าคงเป็นอีกงานที่คนแน่นเอี้ยด เพราะมี Line Up ทั้ง ศิลปินไทย อย่าง Nakadia, X0809, Koish, Ekception, Dan Buri, Sunju Hargun, Boris Rubin, DOTT & Ellie, Absolud, Dark White, Tek Harrington และที่ขาดไม่ได้คือ Coran ที่จะพาคุณไปพบกับความมันส์ตลอดทั้งงาน



นึกภาพเทศกาลดนตรีแนวเฮาส์ เทคโน และ อิเล็กโทรนิก้า ที่ ฅัลเลอร์  (Kolour) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานอีเว้นต์และปาร์ตี้แบบเต็มวันมือวางอันดับต้นของไทย ได้ประกาศเผยการจัดงาน ฅัลเลอร์  อิน  เดอะ  พาร์ค (Kolour In The Park)  ประจำปีครั้งที่ 3  โดยที่ผ่านมางาน ฅัลเลอร์ อิน
เดอะ พาร์ค  ถือเป็นเทศกาลดนตรีกลางแจ้งแนวเฮาส์ และ เทคโนที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เพื่อยกระดับเป็นเทศกาลดนตรีในแนวเฮาส์และเทคโนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย



ฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค จะย้อนตำนานงานปาร์ตี้กลางวันที่สนุกสุดเหวี่ยง ภายใต้บรรยากาศที่แสนผ่อนคลายบริเวณริมบึง ร่วมกับเหล่าศิลปินแนวเฮาส์และเทคโนชั้นนำของโลกที่ต่างตบเท้าเข้ามาสร้างความสุขในงาน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเก่าที่ขอกลับมาเยือนเวทีในไทย และศิลปินใหม่ที่เพิ่งมาเปิดการแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เติมความสมบูรณ์แบบด้วย สิ่งน่ารื่นรมณ์อีกมากมาย อาหารหรูระดับกูร์เมต์ ตลาดสินค้าผลงานศิลปะและงานประดิษฐ์ การแสดง นิทรรศการศิลปกรรม ภาพเขียนแนวกราฟฟิตี้ บริการนวดผ่อนคลาย หรือแม้แต่จะว่ายน้ำในบึง นอกจากนี้ ยังมีบรรดาดีเจมือหนึ่งของกรุงเทพฯ ตามไปร่วมสร้างความสุขในงานอีกด้วย

โคราน มาโลนีย์ หนึ่งในดีเจแนวเฮาส์และเทคโนที่โด่งดังที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ฅัลเลอร์ ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า

“เรารู้สึกตื้นเต้นสุดๆ สำหรับการจัดงาน ฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค ครั้งที่สามนี้ ซึ่งตั้งแต่ที่เราเริ่มจัดเทศกาลดนตรีมา ถือได้ว่า ฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค ได้นำเสนอประสบการณ์อันน่าจดจำไม่รู้ลืมให้กับนักฟังเพลงชาวไทยมาโดยตลอด เป็นงานที่โด่งดังที่สุดของเรา  เป็นการนำเสนอ  แนวเพลงหัวก้าวหน้าในสถานที่ที่สวยจับใจ  มาพร้อมกับศิลปะ กิจกรรมมากมาย และอาหารลิ้มรสหลากหลายในระดับกูร์เมต์ นักออกแบบตกแต่งภายในสุดเก๋า ของวงการเพลงแนวเฮาส์และเทคโนในประเทศไทยนั้นเติบโตขึ้นมาก และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมสร้างความเติบใหญ่”

ร่วมค้นหาคำตอบกับ ฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เป็นอีเว้นต์หนึ่งในซีรี่ส์อันหลากหลายภายใต้แนวคิดของฅัลเลอร์ ที่มีเป้าหมายและความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียว ซึ่งนั่นก็คือ การนำเสนอซาวน์ใหม่สด และประสบการณ์ในปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใครสู่ผู้เสพดนตรีในประเทศไทย ไปพร้อมๆ กับการขยายฐานผู้ฟังเพลงในแนวเฮาส์และเทคโน ทีมงานที่ประกอบไปด้วยหลากเชื้อชาติหลายวัฒนธรรม ทั้งชาวไทยและเทศที่พำนักในไทย มาร่วมงานกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และภูมิหลังทั้งในเรื่องงานดนตรี งานบันเทิง และงานรื่นเริงยามราตรี เพื่อตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้จัดงานที่ใหญ่ที่สุด  เพียงรายเดียวที่เน้นเฉพาะดนตรีในแนวเฮาส์ เทคโน และอิเล็กโทรนิก้า

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดจากงานฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค ทางทีมงานฅัลเลอร์กำลังวางแผนพัฒนาปาร์ตี้ฉีกแนวสุดเอ็กซ์คลูซีฟภายใต้แนวคิดแบบ “อันเดอร์กราวด์” อาทิ ฅัลเลอร์ แวร์เฮาส์ (Kolour Warehouse) และ
ฅัลเลอร์ ซันเดย์ส  (Kolour Sundays)

ในค่ำคืนนี้ กันถ้าเป็นคนรักเสียงดนตรีที่หลากหลาย เราแนะนำให้ลองไปเยือน Kolour In The Park งานเฟสติวัลเอาท์ดอร์ที่มาพร้อมกับสไตล์ดนตรี House & Techno โดยงานในปี 2017 จะจัดถึง 2 วัน พร้อมกับไลน์อัพสุดยิ่งใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 เวทีด้วยกัน โดยงาน จัดวันที่ 18-19 มีนาคม ตั้งแต่ช่วงกลางวันไปจนถึงดึกที่ Thai Wake Park

ในงานจะมีกิจกรรมมากมาย อาทิ: Graffiti Exhibition, Custom Light Show, Pro Wakeboard Showcase, Arts และ Craft Market, Gourmet Food Vendors & Food Trucks, Art Installations, Swimming Games และกิจกรรมมากมายมีผู้สนับสนุนหลักอย่าง singha corporation



สำหรับลูกค้าที่เดินทางมา นำรถมาฅัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค  มีสถานที่จอดรถไว้บริการที่วัดเกตุประภา โดยทางเราจะมีรถรับ-ส่งเพื่ออำนวยความสะดวกฟรีทั้ง 2 วันค่ะ   หรือสามารถส่งผู้โดยสารได้ที่จุดรับ-ส่ง บริเวณหน้าโรงงานกระดาษได้ตั้งแต่ เวลา 9.00-12.00 น.  ไปสนุกกับเสียงเพลงมันส์ๆ กันเยอะๆ

ห้ามพลาดงานที่หนึ่งปีมีครั้งเดียวอย่างนำซาวด์ดนตรีหลากหลายแนวมารวมกันใน Kolour in the Park 2017   โดยจะมีขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 18-19 มีนาคม 2560 ณ บึงไทยเวคพาร์ค ลำลูกกาคลอง 6 จังหวัดปทุมธานี

โดยจะมีขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 18-19 มีนาคม 2560 ณ บึงไทยเวคพาร์ค ลำลูกกาคลอง 6 จังหวัดปทุมธานี
ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรได้ทาง   www.kolourinthepark.com
ราคาปกติสำหรับบัตรผ่านเข้างานทั้งสองวันจะอยู่ที่ 1,900 บาท และจะปรับขึ้นเป็น 2,100 บาทในช่วงสุดท้ายก่อนงานจะเริ่ม

หากซื้อบัตรหน้างานราคาจะอยู่ที่ 2,500 บาท   และสำหรับบัตรวันเดียวนั้น
(เลือกวันเสาร์ หรืออาทิตย์)    ราคาจะอยู่ที่ 1,550 บาทเท่ากัน

สถานที่
ไทยเวคพาร์ค ลำลูกกา สนามกีฬา ศูนย์กีฬา และสถานที่จัดแข่งกีฬา
ใน Lam Luk Ka, Pathum Thani, Thailand

 

รองนายกรัฐมนตรีมอบประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าอบรมโครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัย และพิธีเปิดเทศกาลบิ๊กฮอลิเดย์ 2017

ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัย
เทศกาลบิ๊กฮอลิเดย์  2017

 

มูลนิธิส่งเสริมการลูกเสือแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับ สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม จัดโครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัยและช่วยเหลือคนจมน้ำ เพื่อถวายเป็น พระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9

สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ เปิดคอร์สเรียนว่ายน้ำฟรีแก่ประชาชนผู้สนใจจำนวน 999 คนโดยใช้หลักสูตรอเมริกันเรดคอร์สซึ่งเป็นหลักสูตรการช่วยชีวิตทางน้ำซึ่งสวนสยาม  มีความเชี่ยวชาญมากว่า 37  ปี โดยผู้เรียนจะสามารถว่ายน้ำเป็น ช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้เมื่อประสบภัยทางน้ำ ดำเนินการสอนโดยครูฝึกสอนวุฒิปริญญาตรีพลศึกษา พร้อมรับมอบใบประกาศเกียรติคุณเมื่อจบหลักสูตร



พิธีมอบประกาศนียบัตรโครงการ “ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัย และช่วยชีวิตคนจมน้ำ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ ในหลวงรัชกาลที่ 9

วันที่18 มีนาคม 2560  เวลา15.00 น.  ที่ อาคารบาซาร์ สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ  โดยฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรีมอประกาศนียบัตรให้ผู้เข้าอบรมโครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัยและช่วยชีวิตคนจมน้ำ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมพิธี

พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมพิธีมอบประกาศนียบัตรโครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัยและช่วยชีวิตคนจมน้ำ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยงานดังกล่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา/มูลนิธิส่งเสริมลูกเสือแห่งประเทศไทยและ siam park city สวนสยามร่วมกันจัดขึ้น เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของประชาชนคนไทย ตลอดรัชสมัยที่ทรงครองสิริราชสมบัติ

โครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัยและช่วยชีวิตคนจมน้ำ จัดขึ้น โดยมีครูฝึกสอน จากสวนสยามที่มีความชำนาญในหลักสูตร America Red Cross

สำหรับโครงการว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำปลอดภัยและช่วยชีวิตคนจมน้ำ จัดขึ้น โดยมีครูฝึกสอน จากสวนสยามที่มีความชำนาญในหลักสูตร America Red Cross สอนให้กับผู้สนใจจำนวน 999 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่อายุน้อยที่สุดคือ 7 ปี และอายุมากที่สุด 72 ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้สถิติการจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของกลุ่มเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปีและเด็กมักจะเสียชีวิตพร้อมกันหลายคนเนื่องจากไม่รู้วิธีการเอาตัวรอดในน้ำและวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง โครงการดังกล่าวจัดสอนว่ายน้ำและทักษะการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำโดยครูฝึกสอนจากสวนสยามที่มีความชำนาญในหลักสูตรอเมริกา

Big Holiday 2017 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

พร้อมกันนี้ได้ทำพิธีเปิดเทศกาล  Big Holiday 2017 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้  สมาชิกในครอบครัว  รวมถึงนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้พักผ่อนร่วมกันในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 มีนาคม ถึง 7 พฤษภาคม 2560


สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ

โดยจะมีกิจกรรมสร้างสรรค์ตลอดเทศกาล นอกจากนี้ สวนสยามยังได้มอบโปรโมชั่นพิเศษแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติผู้มีถิ่นพำนักในประเทศไทย สามารถซื้อบัตร  Si-Am Big Pack ในราคาพิเศษ เพียง 500 บาท จากราคาปกติ 900 บาท ซื้อบัตรครั้งเดียว  สามารถใช้บริการสวนน้ำ
และเครื่องเล่นทุกชนิดได้ไม่จำกัดรอบตลอดทั้งวัน



สนุกสุดเหวี่ยงไปกับเครื่องเล่นสุดมันส์ ชุ่มฉ่ำไปกับทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ ให้บริการสวนน้ำที่มีทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกรับรองโดยกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส ที่มีทั้งธารน้ำวน ธารน้ำตก สไลเดอร์ยักษ์ ซูปเปอร์สไปรัล และเครื่องเล่นทางน้ำใหม่ล่าสุดสำหรับครอบครัว Si-Am Lagoon จากบริษัท Proslide ผู้ผลิตระดับโลกจากประเทศแคนาดา ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในเทศกาลสงกรานต์

 

นอกจากนี้ สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ ยังให้บริการสวนสนุกซึ่งพรั่งพร้อมด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานสากลระดับโลกกว่า 30 ชนิด อาทิ
วอร์เท็กซ์ รถไฟเหาะตีลังกาเกลียวสว่านใหญ่ที่สุด1  ใน2 ของโลก, ไจแอ้นดร็อป ยักษ์ตกตึกที่สูงที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้, ล็อกฟลูมล่องแก่งขนาดยักษ์จากประเทศเยอรมันนี, แอฟริกาแอดเวนเจอร์ ท่องป่าแอฟริกา, แกรนด์แคนยอนเอ๊กเพรส รถไฟหัวม้า, บูมเมอแรงรถไฟเหาะตีลังกาถอยหลังยอดนิยม ฯลฯ

สวนสยามทะเลกรุงเทพ เป็นสวนสนุกและสวนน้ำ ตั้งอยู่ที่  ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว บนเนื้อที่ 300 ไร่ ได้ฉายาว่า ทะเลกรุงเทพ
คำขวัญคือ สวนสยาม โลกแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม

สอบถามเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร.0-2919-7200 ต่อ 308, 309
คุณพรศรี 090-8801070
www.facebook.com/siamparkcity.fanpage/

งานนี้มีเฮ ใส่บิกินีแล้ว Dance ไปพร้อมๆ กัน เลิฟ กาน เถอะ คอนเสิร์ต

 เลิฟ กาน เถอะ คอนเสิร์ต
@Westwonder Waterpark

 

West Wonder ที่นี่เป็น สวนน้ำแห่งใหม่ และแห่งเดียว กลางเมืองกาญจนบุรี มีสไรเดอหลายแบบ เยอะดี สีสรร สวยงาม เป็นหนึ่งในสถานที่ จัดงานใหญ่ เลิฟ กาน เถอะ คอนเสิร์ต ให้คุณเตรียมจดลงปฏิทิน จะได้มั่นใจได้ว่าไม่พลาดการแสดงสดจากศิลปินคนโปรดแน่นอน

จะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว กาญจนบุรีเค้าก็มีที่เที่ยว สามารถตอบโจทย์ครบในจังหวัดเดียว ขนาดเดือนนี้เข้าสู่หน้าฝน แต่ที่เที่ยวเปิดใหม่อย่าง Westwonder Waterpark สวนน้ำแห่งใหม่ใหญ่สุดในกาญจนบุรี ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงมีนาคมที่ผ่านมา ยังมียอดคนเข้าเที่ยวเยอะสุดๆ ที่นี่เค้ามีอะไรดี เราตามไปที่ สวนน้ำ West Wonder ดินแดนมหัศจรรย์ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ทีพื้นที่กว้าง สวนน้ำน่าเล่น มีเครื่องเล่นให้เลือกเยอะ การเดินทางสะดวกห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพียง 2 กิโลเมตร

เลิฟ กาน เถอะ คอนเสิร์ต เป็นอีกหนึ่งเทศกาลดีๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่แวดล้อมไปด้วยวิวของสายน้ำ ภูเขา ทัศนียภาพที่สวยงาม ผสมผสานกับความเป็นฮิปปี้ยิ่งทำให้งานดนตรี  มาใส่บิกินี แล้ว Dance ไปพร้อมๆ กัน
เลิฟ กาน เถอะ คอนเสิร์ต
วันที่ 6 พฤษภาคม 2560
เปิดจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันที่  10 มีนาคม นี้ เป็นต้นไป
ที่ All Ticket / 7-11 กว่า 11,000 สาขา ทั่วประเทศ
หรือ ทาง On-line ที่  www.allticketthailand.com

ซื้อบัตรตั้งแต่วันที่ 10-16 มีนาคม นี้…ลดทันที!!!  เหลือเพียงใบละ 800 บาท

บัตร ราคา 1,000 บาท…พิเศษ มา 5 จ่าย 4
(ซื้อพร้อมกัน 5 ใบ ลดเหลือใบละ 800 บาท)
ตั้งแต่ 17 มีนาคม เป็นต้นไป
พบกับศิลปินคุณภาพคอนเสิร์ตสุดมันส์…พร้อมศิลปินสุดฟิน Slot machine ,Thaitanium ,Aof Pongsak ,Seasonfive ,7Days Crazy และ ทีม DJ.TNT / DJ.Suraboon พร้อมด้วย Mc สุดเซ็กซี่ Nicky พริตตี้เงินล้าน…สนุกชุ่มฉ่ำในสวนน้ำ ที่ West Wonder Water Park กาญจนบุรี…แล้วพบกัน!!!

รายละเอียดเพิ่มเติมที่
www.allticketthailand.com
Call centre : 02 7117788

 

การเดินทางอันน่าอัศจรรย์ไปยังประเทศที่น่าเหลือเชื่อ HOLAI Fly Me To Mexico

เปิดประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับสู่ เม็กซิโก

HOLAI Fly Me To Mexico  สหรัฐเม็กซิโก (United Mexican States) เป็นประเทศที่มีนโยบายทางเศรษฐกิจและการค้าที่น่าสนใจประเทศหนึ่ง รัฐบาลมีการสนับสนุนทางการค้าระหว่างประเทศ  โดยเฉพาะการส่งออก ที่มีการเติบโตติดอันดับ 1 ใน 15 ประเทศผู้ส่งออกสูงสุดของโลก

ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์  ถือว่าเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก เปิดเส้นทางบินใหม่สู่เม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก

ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ จัดงาน  HOLA! Fly Me To Mexico  เชิญร่วมเปิดประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับ มร.เฉิน หลิ่ง ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย สายการบินไชน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์ กล่าวว่า สายการบิน “ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์” ถือว่าเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องบินประจำการทั้งสิ้นมากกว่า 700 ลำ และมีเครือข่ายการบินที่กว้างขวางครอบคลุมกว่า 1,062 จุดหมายปลายทาง ใน 177 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการบินสู่ทวีปเอเชีย, ยุโรป, อเมริกา, ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย อีกทั้งยังมีสถิติการบินอย่างปลอดภัยต่อเนื่องกว่า 17.14 ล้านชั่วโมง ซึ่งในปี ค.ศ.2016 ที่ผ่านมาได้ให้การบริการแก่ผู้โดยสารไปแล้วกว่า 115 ล้านคน และปัจจุบันมีเที่ยวบินไทย – จีน โดยออกจากกรุงเทพฯ, เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 260 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เฉลียวันละ 20 เที่ยวบินต่อวัน สู่ 10 เมืองเด่นของประเทศจีน ได้แก่ เมืองกวางเจา, เซินเจิ้น, ซัวเถา, หนานหนิง, กุ้ยหลิน, ฉางซา, อู่ฮั่น, เจิ้งโจว, กุ้ยหยาง และเสิ่นหยาง

เมื่อปี ค.ศ.2016 ได้เปิดเส้นทางบินใหม่ จำนวน 2 เที่ยวบิน คือ (7 ธันวาคม 2016) บินทุกวันเส้นทางสู่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา และ (10 ตุลาคม 2016) สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน เส้นทางสู่เมืองอะดิเลท ประเทศออสเตรเลีย

และในปี ค.ศ.2017 ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ มีนโยบายที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่สู่ เมืองเม็กซิโก ซีตี้ ประเทศเม็กซิโก สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน คือในวันจันทร์, พฤหัสบดี และเสาร์ (ขาไป) วันอังคาร์, ศุกร์ และอาทิตย์ (ขากลับ) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 26 ชั่วโมง (รวมเวลาในการต่อเครื่องที่กวางเจา และกวางเจา-เม็กซิโก จะแวะที่แวนคูเวอร์ ประมาณ 1 ชั่วโมง) ซึ่งสามารถประหยัดเวลาได้ถึง 7-14 ชั่วโมง เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยสายการบินอื่นๆ และสำหรับเครื่องบินที่ใช้ คือ กรุงเทพฯ-กวางเจา ใช้เครื่องบิน 737-800 และกวางเจา-เม็กซิโก ใช้เครื่อง 787 Dream Liner โดยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ จะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน ศกนี้
พร้อมราคาโปรโมชั่นชั้นประหยัด เริ่มต้นที่ 35,730 บาท (รวมภาษี) เท่านั้น

ตลาดหลักๆ ของเส้นทาง กรุงเทพฯ- เม็กซิกัน คือ ชาวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ในไทย รวมถึงนักธุรกิจชาวไทยและชาวเม็กซิกันที่มีการค้าระหว่าง
ไทย-เม็กซิโก ถือว่าตลาดจีนยังคงเป็นตลาดหลักของเส้นทางนี้ เพราะปัจจุบันมีนักธุรกิจทั้งจีนและเม็กซิกัน เดินทางไปมามากขึ้น และยังเป็นการเชื่อมเครือข่ายการบินของ ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ ให้กว้างขวาง ครอบคลุมมากขึ้น เพราะในปัจจุบันเส้นทางในอเมริกาเหนือไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ มีให้บริการมากถึง 6 เมืองด้วยกัน คือ ลอสแอนเจลิส, ซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ค, แวนคูเวอร์, โตรอนโต และล่าสุด เม็กซิโก ซีตี้ ประเทศเม็กซิโก

ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ ถือว่าเป็นสายการบินจีนที่ทันสมัย ให้บริการด้วยเครื่องบินที่ทันสมัย เครื่องใหม่ สะอาด ปลอดภัย การบริการแบบ FULL SERVICE AIRLINES ในขณะที่ความได้เปรียบในเรื่องเวลาในการรอเปลียนเครื่อง ซึ่งแต่ละเส้นทางใช้เวลาในการต่อเครื่องเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณเท่านั้น และราคาที่ดึงดูดใจ ยังคงเป็นจุดขาย เนื่องจากมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งประหยัด และสะดวกสบาย และในเร็วๆ นี้ ไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ ยังมีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่ ไม่ว่าจะเป็น กวางเจา-เวียงจันทร์ ประเทศ สปป.ลาว และกวางเจา-โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา อีกด้วย มร.เฉิน หลิ่ง กล่าวปิดท้าย

งานแถลงข่าวเปิดเส่นทางการบินใหม่  ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย สาขาบินไชน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์  ,มร.จาน เชน วู อุปจีนประเทศไทย,ไฆเม บีร์กิลิโอ นัวลาร์ด ชานเชช   เอกอัครทูตสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทย และ จาน ชิน หง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวจีน  ประจำสำนักงานกรุงเทพฯ

จัดงาน เพื่อเผยแพร่ข่าวสารการเปิดเส้นทางบินใหม่สู่ประเทศเม็กซิโก
ณ ห้องอาหารเม็กซิกาโน่

โรงแรมแบรนด์ท์ ในค่ำคืน
วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2560

เปิดนิทรรศการ คน เงิน ผี สิ่งเหล่านี้เป็นการเคลื่อนไหวของประวัติศาสตร์และเทคโนโลยี

 จิม ทอมป์สัน เรียนเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดนิทรรศการ  People, Money, Ghosts (Movement as Metaphor)

นิทรรศการสื่อผสมที่นำเสนอเรื่องราวการอพยพย้ายถิ่นและพลวัตทางสังคมจาก 3 กลุ่มศิลปินอาเซียน   กลุ่มศิลปินอาเซียน มุ่งสำรวจว่าการเดินทางกับการอพยพของประชากรและอุตสาหกรรมทั้งหลาย แนวคิดทฤษฎีกับความเชื่อทางจิตวิญญาณ สุนทรียะกับวิทยาการ และตัวศิลปินเอง มีส่วนสร้างโลกของเราขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและนอกเหนือภูมิภาค  ที่เราเรียกว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภาวะดังกล่าวปรากฏชัดในการสร้างผลงานของศิลปินผู้แสดงงานครั้งนี้

นิทรรศการนี้จึงเกี่ยวกับกระบวนการของการเคลื่อนย้ายด้วยตัว นิทรรศการเองเฉก  เช่นบานพับที่พลิกแพลงได้หลายทิศทางโดยขึ้นกับตัวงานศิลปะแต่ละชิ้น มากกว่าตัวคำถามภายในชิ้นงานที่เปล่งเสียงได้ทั้งที่นี่และทุกหนแห่ง ผลงานจัดแสดงทั้งหมดของล้วนสร้างขึ้นในพื้นที่ห่างไกลความคุ้นชิน กล่าวคือไม่ใช่เมืองอันเป็น บ้าน ของศิลปิน และต่างได้รับอิทธิพลจากความหมายจำเพาะของพื้นที่ทั้งในแง่มุมเชิงประวัติศาสตร์กับโลกร่วมสมัย ผลงานในนิทรรศการคำนึงถึงการเคลื่อนย้ายทั้งในฐานะประสบการณ์และวัตถุแห่งการสืบค้นวิจัยทางศิลปะ ศิลปินแต่ละคนเลือกคำถามและประเด็นซึ่งเชื่อมโยงกับการไร้ถิ่นฐานของผู้คน ความพลิกผันเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวงของดินแดนอื่น และผลกระทบสืบเนื่องอันหลอกหลอนของสิ่งเหล่านั้น ในฐานะร่องรอยทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่ร่วมสมัย พื้นที่ในความสนใจเหล่านี้  จึงเป็นกระจกส่องสะท้อน  ทั้งประสบการณ์ส่วนตัวในการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน
ของศิลปิน  และกระบวนการทำงานของพวกเขา


People, Money, Ghosts ผลงานเหล่านี้ ผ่านการคัดสรรโดยภัณฑารักษ์ชาวออสเตรเลีย อาศัยอยู่พนมเปญ โรเจอร์ เนลสันพูดคุยเกี่ยวกับงานนิทรรศการ โดย  คุณกฤติยา กาวีวงศ์ – ผู้อำนวยการ หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน มิสเตอร์โรเจอร์ เนลสัน ภัณฑารักษ์ประจำนิทรรศการ

ศิลปิน : ไขว สัมนาง, เอมี เลียน &เอ็นโซ คามาโช, เหงียน ธี ธันห์ ไม ได้นำเสนอเรื่องราว การอพยพย้ายถิ่นและพลวัตทางสังคม และการอพยพย้ายถิ่นของประชากรและอุตสาหกรรมต่างๆที่เป็นดั่งฟันเฟืองสำคัญในการสร้างและขับเคลื่อนพลวัตทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมถึงศิลปะร่วมสมัยที่สามารถแพร่ขยายแบบไร้พรมแดนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอด้วยศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งแฝงไว้ด้วยแนวคิด ทฤษฎี ความเชื่อทางจิตวิญญาณ และผลกระทบอันสืบเนื่อง จากการโยกย้ายในลักษณะเหนือจริง (Surreal) อาทิ


ศิลปะแบบจัดวาง  (Installation Art)
ประติมากรรมวิดีโอ  (Video Sculpture)
ศิลปะคอลลาจ  (Collage Art)

ไขว สัมนาง ศิลปินชาวกัมพูชา เอมี เลียน และ เอ็นโซ คามาโช ศิลปินคู่ ชาวฟิลิปปินส์ และ เหงียน ธี ธันห์ ไม ศิลปินชาวเวียดนาม จัดนิทรรศการPeople, Money, Ghosts (Movement as Metaphor)   ศิลปะสื่อผสม ภายใต้คอน
เซปท์ คน เงิน ผี เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเคลื่อนไหวขอประวัติศาสตร์และเทคโนโลยี

ศิลปินได้นำเสนอผลงานในรูปแบบความเป็นท้องถิ่นพร้อมกับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก เช่น ศิลปินชาวฟิลิปปินส์นำเสนอผลงานในรูปแบบ “ผีกระสือ” เป็นรูปแบบประติมากรรมวิดีโอ เพื่อสะท้อนถึงตัวตนที่เคลื่อนย้ายอพยพมากกว่าสงบนิ่งที่บ้าน และผลงานเหล่านี้ ผ่านการคัดสรรโดยภัณฑารักษ์ชาวออสเตรเลีย อาศัยอยู่พนมเปญ โรเจอร์ เนลสัน เริ่มจัดแสดง

นิทรรศการตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2560   ตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น. ณ หอศิลป์ บ้านจิม ทอมป์สัน  ผลงานที่จัดแสดงในนิทรรศการ โปรเจ็คต์ทั้งสองของ ไขวสัมนาง (KhvaySamnang)มุ่งสำรวจการเคลื่อนย้ายในบริบทของประเทศกัมพูชาที่ขยายใหญ่ขึ้น– Yantra Man (2015) เป็นการสำรวจประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืมในวงกว้างเกี่ยวกับทหารกัมพูชาผู้ถูกส่งไปร่วมรบให้กองทัพฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตัวงานประกอบด้วยการจัดวางประติมากรรมเหล็ก โดยโมทีฟที่ปรากฏในชิ้นงานคือพระเครื่องที่เป็นเครื่องรางและผ้ายันต์แบบเขมร ตัวงานมุ่งพิเคราะห์การสะท้อนไปมาระหว่างประสบการณ์ในประวัติศาสตร์ของเหล่าทหาร และประสบการณ์ร่วมสมัยของคนที่ต้องทำงานไกลบ้าน –Rubber Man (2014) ประกอบด้วยวิดีโอหนึ่งจอที่บันทึกการแสดงของตัวศิลปิน และจัดวางบนประติมากรรมไม้ที่นำเสนอบนดินร่วนแดง ชนิดเดียวกับที่พบได้ในจังหวัดรัตนคีรีทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา งานชิ้นนี้สำรวจผลกระทบทั้งทางสิ่งแวดล้อม สังคม และ
จิตวิญญาณ ของการเพาะปลูกยางพาราในพื้นที่ดังกล่าว


ศิลปินคู่ เอมี เลียน &เอ็นโซ คามาโช (Amy Lien &Enzo Camacho) ร่วมกันเสนอผลงานชุดใหม่ด้วยรูปแบบที่เธอและเขาเรียกว่า ‘ประติมากรรมวิดีโอ’ (video sculpture)– งานศิลปะชุดนี้สำรวจรูปลักษณ์และตัวตนของสิ่งคล้ายผีที่มีผู้พบเจอตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งมีชีวิตในตำนานที่แยกร่างโดยทิ้งส่วนขาไว้ในป่า (ทั้งในความหมายตรงตัวและโดยเปรียบเทียบ) ในขณะที่ส่วนหัวกับเครื่องในบินผ่านเมืองสร้างความตื่นกลัวให้ชาวบ้าน ในไทยเรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่ากระสือ (krasue) ในขณะที่กัมพูชาใช้ชื่อ เอิบ (arb) จุดเริ่มต้นความสนใจของศิลปินที่มีต่อร่างกลายพันธุ์ชนิดนี้คือ
มานานังกาล (manananggal) ของฟิลิปปินส์ และศิลปินเลือกนำเสนอ
กระสือ/เอิบ/มานานังกาล ในรูปสัญลักษณ์อย่างบทกวีที่สะท้อนสัมผัสของตัวตนที่ผันแปรไม่หยุดนิ่ง เป็นสัมผัสของตัวตนที่ไร้ศูนย์กลางตายตัว ตัวตนที่เคลื่อนย้ายอพยพมากกว่าสงบนิ่งที่ ‘บ้าน’ หรือสถานที่จำเพาะ และแข็งขืนต่อการจำแนกประเภทด้วยตรรกะและเหตุผล ศิลปินเสนอว่าสิ่งมีชีวิตนี้ถือเป็น ‘สัตว์ประหลาดโอเพ่นซอร์ส’ (open-source monster) โดยหยิบยืมคำศัพท์ที่สื่อความถึงซอฟต์แวร์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างผู้ผลิต และ/หรือพัฒนาต่อโดยผู้ใช้ มาช่วยอธิบายคุณลักษณะ–ชิ้นงานทั้งสามที่แยกส่วนชัดเจนทว่าสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน (และโต้ตอบระหว่างกันอย่างเงียบเชียบ) สร้างขึ้นใหม่เพื่อนิทรรศการครั้งนี้โดยเฉพาะ


Day by Day (2014-7) โดยเหงียน ธี ธันห์ ไม (Nguyen ThiThanh Mai) สำรวจประสบการณ์ผู้อพยพของชุมชนชาวเวียดนามไร้รัฐที่ใช้ชีวิตในหมู่บ้านลอยน้ำในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม ชุมชนดังกล่าวต้องประสบความยากแค้นนานหลายทศวรรษ ทั้งถูกกวาดล้างระหว่างช่วงสงครามอเมริกันในเวียดนามและภายใต้การปกครองของเขมรแดงในกัมพูชา และถูกปฏิเสธสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องทั้งการศึกษาและสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการไม่สามารถเข้าถึงเอกสารยืนยันตัวตนทางกฎหมายในแต่ละชาติ โปรเจ็คต์นี้ประกอบด้วยวิดีโอความยาวหนึ่งชั่วโมง จัดวางร่วมกับ ‘บัตรประชาชน’ ปลอม และชุดคอลลาจภาพถ่ายดิจิตอลติดตั้งในกระท่อมทางมะพร้าวหลังเล็กที่สร้างขึ้นในพื้นที่ของแกลเลอรี   ผลงานทุกชิ้นที่จัดแสดงคราวนี้ล้วนมีศักยภาพในการสะท้อนเข้าหาสภาพแวดล้อมร่วมสมัย และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่จมอยู่ใต้พื้นผิว ศิลปินในไทยจำนวนมากเองก็รับเอาวิถีปฏิบัติเยี่ยงผู้อพยพหรือชนเผ่าพเนจรไว้กับตัว ซึ่งโดยปริยายพวกเขาได้สำแดงปลดเปลื้องให้เห็นความรู้สึกของประสบการณ์ในระดับภูมิภาค (pan-regional) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ซุกซ่อนไว้ มากกว่าตัวตนที่มีเขตแดนจำกัดของชาติที่ตนเองสังกัดอยู่


เกี่ยวกับศิลปินและภัณฑารักษ์
ไขว สัมนาง (เกิดปี 2525, พำนักในพนมเปญ) คือหนึ่งในศิลปินสาขาทัศนศิลป์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศกัมพูชา เขาทำงานทั้งด้านเพอร์ฟอร์มานซ์, ภาพถ่าย, วิดีโอ, ศิลปะจัดวาง และยังสนอกสนใจสำรวจประเด็นชวนถกเถียงทั้งด้านการเมือง สังคม กับความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ในกัมพูชากับที่อื่นๆ “ถ้าพูดถึงไม่ได้ แล้วเราจะแสดงให้เห็นได้อย่างไร?”


เอมี เลียน (เกิดปี 2530, พำนักในมะนิลาและนิวยอร์ก) และ เอ็นโซ คามาโช (เกิดปี 2528, พำนักในมะนิลาและเบอร์ลิน) คือคู่ศิลปินที่ทำงานร่วมกันเป็นการเฉพาะตั้งแต่ปี 2552 – ผลงานศิลปะที่พวกเขาให้คำอธิบายด้วยน้ำเสียงจิกกัดว่า “ไม่ใคร่เจาะจงสื่อที่ใช้” มักใช้วิดีโอกับการจัดวางที่เลียนแบบสุนทรียะออนไลน์และสภาพแวดล้อมยามวิกาล ด้วยความสนใจของพวกเขาคือสภาวะกึ่งกลาง (liminal circumstance)เช่น ตัวตนที่ยึดโยงลักษณะระหว่างเพศ กิจกรรมที่คาบเกี่ยวระหว่างสันทนาการกับการใช้แรงงาน หรือผลงานที่อยู่ระหว่างความจริงจังกับความเสียดเย้ย


เหงียน ธี ธันห์ ไม (เกิดปี 2526, พำนักในเว้) อธิบายไว้ว่า “แนวความคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ดิ้นรน กับความสนใจต่อความรู้สึกที่แสดงออกได้ยากและถูกกดทับไว้ คือแกนกลางในการสร้างงานศิลปะของฉัน” เธอทำงานโดยใช้สื่อหลากหลาย สำรวจอุปสรรคที่ปัจเจกบุคคลหรือชุมชนต้องเผชิญ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและลงพื้นที่วิจัยระยะยาว ในระยะแรกเริ่มเธอได้รับความสนใจจากผลงานที่เกี่ยวพันกับร่างกายของผู้หญิงและประสบการณ์ที่มีเรื่องเพศเป็นพื้นฐาน แต่ผลงานต่อเนื่องที่กำลังทำอยู่อันว่าด้วยชุมชนชาวประมงไร้รัฐในเวียดนามและกัมพูชา นำเสนอประเด็นซ้อนทับระหว่างเรื่องสิทธิความเป็นพลเมืองและประวัติศาสตร์ของสงครามอเมริกันในคาบสมุทรอินโดจีน


โรเจอร์ เนลสัน (Roger Nelson) ทำงานในฐานะนักประวัติศาสตร์ศิลป์และภัณฑารักษ์อิสระผู้พำนักในกรุงพนมเปญ สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกที่ University of Melbourneปี 2560ผลงานวิจัยของเขาศึกษาคำถามที่มีต่อความเป็นสมัยใหม่และสภาวะร่วมสมัยในงานศิลปะ โดยใช้ประเทศกัมพูชาและภูมิภาคโดยรอบเป็นกรณีศึกษา โรเจอร์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการร่วมของวารสารวิชาการเล่มใหม่ Southeast of Now: Directions in Contemporary and Modern Art in Asia ซึ่งตีพิมพ์โดย NUS Press ของ National University of Singapore เขาเขียนบทความวิชาการให้วารสารหลายเล่ม เช่น Stedelijk Studies นิตยสารศิลปะเนื้อหาเข้มข้น เช่น Art Asia Pacific รวมถึงหนังสือและสูจิบัตินิทรรศการศิลปะจำนวนมาก โรเจอร์ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์นิทรรศการและโปรเจ็คต์อื่นๆ ทั้งในออสเตรเลีย กัมพูชา สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม


งานเปิดตัวนิทรรศการอย่างเป็นทางการ
People, Money, Ghosts (Movement as Metaphor) นิทรรศการกลุ่มแสดงผลงานศิลปะโดย: ไขว สัมนาง (พนมเปญ) / เอมี เลียน & เอ็นโซ คามาโช (มะนิลา, เบอร์ลิน และนิวยอร์ก) / เหงียน ธี ธันห์ ไม (เว้)


คัดสรรโดย โรเจอร์ เนลสัน(พนมเปญ)
ณ หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน, กรุงเทพมหานคร
7 มีนาคม ถึง 18 มิถุนายน 2560, เปิดให้เข้าชมทุกวัน 9.00 – 20.00 น.
เสวนากับศิลปินและภัณฑารักษ์ ในวันอังคารที่ 7 มีนาคม เวลา 16.30 น.
พิธีเปิดนิทรรศการวันที่ 7 มีนาคม เวลา 18.30 น.

 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 20.00 น.
เข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
หมายเลขโทรศัพท์: 02-612-6741
อีเมล์: artcenter@jimthompsonhouse.com
เฟซบุ๊ก: the Jim Thompson Art Center
เว็บไซต์: www.jimthompsonartcenter.org

เปิดตัวผลไม้เกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากเกาหลี ที่ Gourmet Market

ลิ้มรสผลไม้เกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากประเทศเกาหลี

ไปเที่ยวเกาหลี  หลายๆ คนถามว่าผลไม้สด ของเกาหลี มีอะไรน่าทานบ้าง หรือถ้าไปเที่ยวประเทศเกาหลี ซื้ออะไรเป็นของฝากดี วันนี้ Toptotravel ตัวเลือกมหาศาลค่ะ เกาหลีจัดเป็นประเทศที่ ช็อปได้สนุกสนาน ทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า แฟชั่น อาหารแลละผลไม้สด  ราคาสินค้าอยู่ตรงกลางระหว่าง ญี่ปุ่นกับจีนสินค้าเกาหลี มีคุณภาพดีกว่าสินค้าจีน ผลไม้สดในช่วงหน้าหนาวของเกาหลี สตอเบอรรี่ ลูกใหญ่ ส้มสาลี่ลูกใหญ่มีรสหวานเช่นกัน  นับเป็นของฝากได้อย่างดี แต่ในตอนนี้ไม่ต้องนั่งรอของฝากจากใคร เพียงมาที่ Gourmet market จะได้ลิ้มรสผลไม้เกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากเกาหลี

เริ่มต้นใหม่ในเดือนมีนาคมแบบนี้ บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายผลไม้ เกรดพรีเมี่ยมทุกชนิด  ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงานแถลงข่าว วัชมนฟู้ด จับมือแบรนด์  อิพมาชุม นำเข้าผลไม้ซุปเปอร์พรีเมี่ยมเบอร์ใหญ่สุดจากเกาหลี

บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลไม้ เกรดพรีเมี่ยมทุกชนิด

ครั้งแรก!! ในไทย ความฮอตฮิตของผลไม้เมืองหนาว ทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มผลไม้เกาหลีระดับราชา ที่คัดสรรมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ นำทีมโดยผลไม้แบรนด์ชั้นนำจากเกาหลี บินมาเสิร์ฟความอร่อยถึงที่ ในงาน Korea New Variety Fresh Fruit ณ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะมอลล์บางกะปิ มีผลไม้จากเกาหลีมาให้ช้อป ชิม กันอย่างจุใจพร้อมทั้งกิจกรรมมากมายในงาน

สตอเบอรี่ (จุ๊ก-ฮยัง), สตอเบอรี่ (ซอล-ฮยัง)

ส้มแมนดารินเกาหลี (ชองเฮฮยัง), ส้มเชจูเกาหลี (ฮัลลาบง)

สาลีหิมะเกาหลี (ซิงโก แพร์)ที่การันตีจากยอดขายอันดับ 1 ตลอดกาล ว่าเด็ดที่สุดในเกาหลี

หลายปีที่ผ่านมากระแสเกาหลีฟรีเวอร์ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเล็งเห็นถึงสีสันที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันตลาดนำเข้าผลไม้ของไทย แต่ถึงกระนั้น แบรนด์ “อิพมาชุม” เอง ไม่ได้เน้นขายพรีเซ็นเตอร์ (ปัจจุบันไม่มีพรีเซ็นเตอร์) เพราะทางแบรนด์เชื่อมั่นในความโดดเด่นของสินค้า และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ ส้มแมนดารินเกาหลี และส้มเซจู ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ชุ่มคอ อีกทั้งยังแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก และยังสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี, สาลี่หิมะเกาหลี มีเนื้อที่ละเอียดกว่า สาลี่ที่นำเข้าจากประเทศจีน มีความกรอบ อร่อย เนื้อฉ่ำหวาน เปลือกบาง สามารถเก็บเกี่ยวได้ระหว่างเดือน ธันวาคม – เมษายน และตัวที่โดดเด่น และมียอดการสั่งซื้อสูงที่สุดคือ สตอเบอรี่พันธุ์จุ๊กฮยัง (ปลูกในโซนภาคเหนือ ของประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการปลูกสตอเบอรี่ที่สุด) เป็นสตอเบอรี่เกรดพรีเมี่ยมที่ขายดีที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกงและสิงคโปร์ ด้วยระบบการจัดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด จึงหมดห่วงเรื่องความสดใหม่ ของสินค้า ด้วยรสชาติหอมหวานเนื้อนุ่ม เก็บเกี่ยวได้ในช่วง ธันวาคม เมษายน



บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลไม้เกรดพรีเมี่ยมทุกชนิด เบอร์ 1ของประเทศไทยด้วยประสบการณ์กว่า 30ปีนำเข้าผลไม้เกรดพรีเมี่ยม จาก แบรนด์ “อิพมาชุม” แบรนด์ชั้นนำ อันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ โดยการันตีจากยอดการจัดส่งผลไม้ ถึงร้อยละ 50 ทั่วประเทศ ได้แก่ สตอเบอรี่จุ๊กฮยัง, สตอเบอรี่ซอลฮยัง, ส้มแมนดาริน (ซองเฮอยัง), ส้มเซจู (ฮัลลาบง), และสาลี่หิมะเกาหลี หวังเจาะกลุ่มผู้บริโภค กรุงเทพและปริมณฑล ตั้งแต่เกรด B ขึ้นไป วางจำหน่ายที่ กูร์เมต์มาร์เก็ต (Gourmet Market), โฮมเฟรชมาร์ท (HomeFreshMart) ทุกสาขา, เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี

คนไทยได้รับประทานผลไม้ชั้นดีแต่ราคาสามารถเข้าถึงได้พร้อมเผยทิศทางการทำการตลาด เพื่อส่งเสริมการค้า ระหว่างไทย – เกาหลี กลยุทธ์มัดใจผู้บริโภคชาวไทยแบบ โคเลียสไตล์

นายภาวิน จียาศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัชมนฟู้ดจำกัด

บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัดเป็นผู้ให้ข้อมูล ขอเชิญร่วมเปิดมิติใหม่ แห่งการบริโภคผลไม้ กับรสชาติที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน

งานแถลงข่าวเปิดตัวผลไม้นำเข้าเกรดพรีเมี่ยมจาก  ประเทศเกาหลี
ณ เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยร่วมมือกับ อิพมาชุม แบรนด์ชั้นนำอันดับ 1 เรื่องการส่งออกผลไม้เกาหลี  นายภาวิน จียาศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วัชมนฟู้ดจำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคผลไม้ในไทยให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีกว่า ผนวกกับเทรนด์เกาหลีที่มีกระแสอยู่เรื่อยๆ บริษัทจึงจับมือกับอิพมาชุม นำเข้าผลไม้เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศเกาหลี ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่จุ๊กฮยัง สตรอว์เบอร์รี่ซอลฮยัง ส้มแมนดารินซองเฮอยัง ส้มเซจูฮัลลาบง และสาลี่หิมะเกาหลี ตนรับลองว่าผลไม้ดังกล่าวด้วยรสชาติที่แปลกใหม่คนไทยต้องติดใจอย่างแน่นอนส่วนเรื่องราคาหากเปรียบเทียบผลไม้ของตนกับต่างประเทศในสายพันธ์เดียวกัน พบว่ามีราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อให้คนไทยได้รับประทานผลไม้ชั้นดีแต่ราคาสามารถเข้าถึงได้ ด้านสถานที่จำหน่ายปัจจุบันมุ่งเน้นบริเวณของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในอนาคตอาจมีการขยาดตลาดสู่ต่างจังหวัดใหญ่ๆ หากได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 9 – 15 มีนาคม 2560  เป็นต้นไป
ณ Gourmet Market ชั้น G สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ
สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Vachamon food