Category Archives: Food and Drink

บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ในราคาที่คุณเอื้อมถึง

BlueSpice Dining Room @Grande Centre Point Sukhumvit 55
ร้านอาหารสไตล์ร่วมสมัยที่ไม่ธรรมดา

วันนี้ขอเอาใจสายกินบุฟเฟ่ต์โรงแรม อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งใจกลางทองหล่อที่ร้าน BlueSpice Dining Room สุดหรู!!  ในโรงแรม Grande Centre Point Sukhumvit 55 ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนในย่านทองหล่อ บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าเดียวในทองหล่อ ภายในร้านตกแต่งสุดหรู การบริการดีระดับโรงแรม 5 ดาว

BlueSpice Dining Room มีเมนูอาหารทั้งของคาวและของหวาน นำเอาความเป็นสากลของอาหารต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง เข้ามาเป็นตัวชูโรงให้รสชาติของ BlueSpice นำเสนอ “ข้าวต้มกุ๊ย” ไม่ธรรมดาเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ระดับโรงแรม ซึ่งทางร้านมีเมนู “ข้าวต้ม” ให้เลือกทานหลากหลายแบบจัดเต็ม ทั้งข้าวต้มธัญพืช ข้าวต้มเผือก ข้าวต้มข้าวกล้อง ข้าวต้มมันเทศ หรือข้าวต้มธรรมดา มาพร้อมกับเครื่องเคียงสูตรดั้งเดิมให้ได้เลือกสรร โดดเด่นด้วยเมนูหลากหลายรสชาติ

บรรยากาศภายในร้านโด่ดเด่นด้วยดีไซน์และการตกแต่งด้วยศิลปะ โดยใช้เฉดสีขาว เพื่อตอกย้ำคอนเซ็ปต์และเชื่อโยงแต่ละโซนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว บรรยากาศที่เรียบง่าย และมีกลิ่นอายของความสุข

สำหรับเมนูอาหารที่นี่ใส่ใจเรื่องวุตถุดิบที่สดใหม่ ให้รายละเอียดทุกขั้นตอนของการปรุง กับเมนูอาหารรสเลิศ กินไม่อั้นกักันแบบจุใจ ไม่จำกัด เมนูประจำสุดฮอต อาทิ ขาหมูพะโล้ แซลม่อนแซ่บ กุ้งอบวุ้นเส้น พร้อมโจ๊กสุดอร่อย และที่สำคัญสามารถมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานในการทำอาหาร ได้ทั้งความสนุก และความอร่อย ยำ DIY ที่คุณสามารถเลือกวัตถุดิบและความแซ่บตามใจชอบ อร่อยลงตัวและสวยงาม สารพัดเมนูผัดผักให้คุณเลือกและนำไปให้เชฟปรุงกันสด ๆ และเมนูอาหารพิเศษสุดอร่อยที่ขนกันมาแบบไม่ซ้ำกัน ปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานนานาชนิด ทั้งไอศกรีมโฮมเมด แพนเค้ก ผลไม้ เต้าฮวย ขนมปัง อีกทั้งยังมีเมนูน้ำแข็งใสคลายร้อน เย็นฉ่ำถึงใจ ให้คุณได้ DIY เพียงแค่ทุกคนเลือกท็อปปิ้งอีกกว่า 20 รายการ และความพิเศษอยู่ที่ สังขยาใบเตย หรือ สังขยา-ชาไทย สูตรลับของทางร้าน มีความหอมหวานกลมกล่อม การันตีว่าเข้มข้นและอร่อยที่สุด

เราจะมาบอกว่าต่อไปนี้มันจะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป ชวนสังสรรค์กันพร้อมหน้ากับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว อิ่มฟินได้อย่างจุใจ ให้คุณและเพื่อนๆ ได้ฟินแบบไม่จำกัดเวลา กินอร่อย เพลิน ๆ ยาว ๆ เอาใจคนนอนดึก พร้อมเปิดประสบการณ์จัดเต็มเมนูข้าวต้มพร้อมอาหารหลากรสชาติ ให้ได้ลิ้มลอง อิ่มอร่อยด้วยความฟินในบรรยากาศสุดชิลล์เคล้าแสงไฟอบอุ่นในยามค่ำคืนที่คุณจะตกหลุมรักจนอยากจะไปซ้ำแล้วซ้ำอีก

สำหรับเมนูอาหารรสเลิศ กันแบบจุใจ ไม่จำกัดเวลา ด้วยข้าวต้มข้าวต้มร้อนๆให้เลือกรับประทานถึง 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้มธัญพืช ข้าวต้มเผือก ข้าวต้มข้าวกล้อง ข้าวต้มมันม่วง หรือข้าวต้มธรรมดา เครื่องข้าวต้มที่มีให้เลือกอย่างจุใจกว่า 20 รายการมีเมนูประจำสุดฮอตเรียกน้ำย่อยให้เลือกจนตาลาย ไม่ว่าจะเป็นขาหมูพะโล้ กระเพาะปลาน้ำแดง แซลม่อนแซ่บ กุ้งอบวุ้นเส้น ก๋วยจั๊บญวน พร้อมโจ๊กสุดอร่อยที่สามารถเลือกส่วนผสมได้เอง แต่ที่เด็ดสุดยำ DIY ที่คุณสามารถเลือกวัตถุดิบและความแซ่บได้ตามใจชอบ สารพัดเมนูผัดผักให้คุณเลือกและนำไปให้เชฟปรุงกันสดๆ เมนูอาหารพิเศษสุดอร่อยที่ขนกันมาแบบไม่ซ้ำกัน เช่น ต้มเล้งแซ่บ ไก่ทอดซอสเหล้าแดง ปลาหมึกผัดผงกระหรี่ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ฯลฯ ปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานนานาชนิด ทั้งไอศกรีมโฮมเมด แพนเค้ก ขนมปังสังขยาใบเตย หรือ สังขยาชาไทย ผลไม้ เต้าฮวย และน้ำแข็งใสอีกกว่า 20 รายการ ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหน ก็เต็มไปด้วยของอร่อยทั้งนั้นเลย คุ้มเว่อร์ๆ อร่อยด้วยน้า

ได้มานั่งรับประทานอาหารอร่อย ถ่ายรูปสนุก ในบรรยากาศสบายๆ เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ไปเลยสำหรับการมาทาน บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่ง ในครั้งนี้ ถ้าเย็นนี้ไม่รู้จะทานอะไรดี ลองมาสัมผัสความอร่อย ที่ BlueSpice บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าเดียวในทองหล่อ แล้วคุณจะหลงรักและอยากกลับมาทานอีกหลายๆ ครั้งเหมือน Toptotravel

กระซิบอีกนิด สายปาร์ตี้ห้ามพลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด นำเข้ามาดื่มได้ฟรีไม่คิดค่าเปิดขวด ทางร้านมีแก้วและน้ำแข็งให้บริการ ดื่มด่ำในบรรยากาศดี ๆ เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย พร้อมรับประทานอาหาร
อร่อยๆ ได้อีกด้วย

จองได้เลย นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย ทางร้านยังมีโปรโมชั่นส่วนลดสุงสุด บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งลด 50% ที่ BlueSpice บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งห้องอาหาร BlueSpice Dining Room @Grande Centre Point Sukhumvit 55

บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งเจ้าเดียวในทองหล่อ นำเสนอ “ข้าวต้มกุ๊ย” ไม่ธรรมดาเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ระดับโรงแรม มีลูกค้ามานั่งทานเรื่อยๆ ตลอดเวลา

จัดโปรโมชั่นเอาใจ บุฟเฟต์ข้าวต้มโต้รุ่งลด 50% สำหรับท่านที่ 2 ในวันจันทร์ – พฤหัสบดี เมื่อมา 2 ท่าน ท่านที่ 2 ลด 50% (ท่านที่ 1 จ่ายราคาปกติ 420 net) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2562

ใครที่มองหามุมนั่งทานอาหารสบายๆ มาแล้วต้องติดใจ บุฟเฟ่ต์ข้าวต้ม พร้อมส่วนลดสูงสุด มาร่วมเติมความสุขกันได้แล้ว
วันนี้– 28 กุมภาพันธ์  2562
ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น. (วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี)
เวลา 17.00 – 02.00 น. (วันศุกร์ – วันเสาร์) แบบไม่จำกัดเวลา
ที่ BlueSpice Dining Room @Grande CentrePoint Sukhumvit 55

สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งก่อนล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-020-8000 ext. 4440

ข้าวต้มบุฟเฟต์โต้รุ่งเจ้าเดียวในทองหล่อ #BlueSpiceDiningRoom

The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand สูตรลับเฉพาะส่งตรงจากประเทศอเมริกา

Toptotravel มีโอกาสไปร่วมงานฉลองครบรอบ 6 ปี The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand กิจกรรม “6th Year Anniversary: Experience the Finest Teas in the World” by The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand ที่ The Coffee Bean & Tea Leaf สาขาสยามเซ็นเตอร์


คุณเอ สัจเดย์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, บริษัท ฟู้ดแคปปิตอล จำกัด

คุณเอ สัจเดย์, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, บริษัท ฟู้ดแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับลูกค้าและสื่อมวลชน เพื่อขอบคุณลูกค้า ที่อยู่กันมา 6 ปี The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand ตั้งใจจริงที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าพร้อมร่วมกิจกรรมลุ้นกินฟรีตลอดทั้งปี!


เครื่องดื่มปั่น หรือน้ำปั่นที่เราคุ้นเคยกันนั้น
CBTL คือ ผู้บุกเบิกเคล็ดลับความอร่อย? The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand โมเมนท์ดีๆ เริ่มต้นได้เพียงแค่มีกาแฟชั้นเยี่ยมในมือสักแก้ว ไม่เพียงแต่ชื่อร้านจะน่ารัก และมีความละมุนอยู่ในตัวแล้ว ที่นี่คัดสรรชาชนิดพิเศษ เกรดพรีเมียมที่คุณภาพและรสชาติดีที่สุดในโลก ให้บริการลูกค้า ทุกขั้นตอนการผลิตชาต้องอาศัยความพิถีพิถัน ตั้งแต่การเก็บ การคัดแยก และการบรรจุชาที่ไร่ เพื่อนำมาสู่ขั้นตอนการผลิตกระบวนการบรรจุภัณฑ์ที่ เดอะคอฟฟี่บีนแอนด์ทีลีฟ โรสติ้ง แอนด์ ดิสทรีบิวท์ชั่น (RAD) เมืองแคมาริลโล มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อความมั่นใจในชาคุณภาพชั้นเยี่ยม จากไร่ชาสู่ชาคุณภาพโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นอันดับแรก เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ดังสโลแกน “Simply the Best” อร่อยได้อารมณ์ฟินทั้งอาหารแบบชนะใจคนที่เราพามาแบบใสๆ ทั้งหอม ทั้งเนียน ดื่มเมื่อไหร่ก็สดชื่น

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Exclusive Workshop “Easy & COOL DIY DRINK by CBTL Tea & MONIN” มีอาหารเมนูจานเดียวทานให้ท้องอิ่มก่อนฟินกับบรรยากาศรอบๆ มีเครื่องดื่มให้หัวใจกระชุ่มกระชวยหวาน อร่อย ชื่นใจ ฉลองครบรอบ 6 ปี The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand Workshop ได้ลองทำเครื่องดื่มในสไตล์ของตัวเองด้วยค่ะ ชิมกันสนุกสนาน ช่วงท้ายสุดกับช่วงเวลาสำคัญ ช่วงเวลาเป่าเค้กฉลองครบรอบ 6 ปี เค้กทำเป็นสีม่วงสดในแบบ The Coffee Bean & Tea Leaf พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ บัตรกำนัลทานเครื่องดื่ม CBTL ฟรี 1 ปี, เครื่องชงกาแฟ, และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย

Toptotravel ขอขอบคุณและเป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อยที่มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรม 6th Year Anniversary: Experience the Finest Teas in the World by The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand ที่ The Coffee Bean & Tea Leaf อยากใช้เวลากับเพื่อน อยากหาที่นั่งคิดงาน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่หาพื้นที่เล็กๆ ให้ตัวเอง ช่วงเวลาทั้งหมดนี้ เรามีให้คุณได้ที่ CBTL
พร้อมเสิร์ฟ กาแฟ ชา ขนม และเมนูอาหารอร่อยอีกมากมาย

ร่วมกิจกรรมดี ๆ ก็รู้สึกประทับใจ สนุกและมีความสุขแล้วค่ะ ขอบคุณกิจกรรมดี ๆ แบบนี้มาก ๆ เลยค่ะ

QualityTimewithCBTL #CBTL_Thailand

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
มาลอง The Coffee Bean & Tea Leaf Thailand
ผ่านทาง Facebook และ Instragram
http://www.cbtlthailand.com
@CBTL_Thailand

ร้านอาหาร R.HAAN กับรางวัลแห่งความภาคภูมิ มิชลินไกด์ ๑ ดาว

ร้านอาหาร R.HAAN
สวรรค์ของคนรักอาหารไทย ใจกลางกรุงเทพ

ร้านอาหาร R.HAAN  คือ ชื่อของร้านอาหารไทยหน้าใหม่ แบบดั้งเดิมสุดพรีเมี่ยม ร้านอาหารนี้ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 131 ทองหล่อ ซอย 9 ร้านอาหารรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน

Wisdom of Thai Cuisine บรรยากาศโด่ดเด่นด้วยดีไซน์การตกแต่งศิลปะแบบไทย โถงทางเดินที่มีลายกระหนกบนผนังและฝ้าเพดาน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านเรือนไทย เชื่อมโยงทุกโซน  ด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็น รสชาติอาหารไทย และการตกแต่งแบบไทย

R.HAAN (ร้านอาหาร)  ร้านรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน ซึ่งมีเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นสไตล์การตกแต่ง การใช้ภาชนะ และเทคนิคการทำอาหาร

ในวงการอาหารไทยของบ้านเรา ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจเห็นภาพรางวัลดาวมิชลิน ที่สร้างสรรค์ร้านอาหารออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแต่
ละร้านล้วนสะท้อนให้เห็นตัวตนและแนวคิด จนในวันนี้เราได้พบกับเชฟชุมพล แจ้งไพร ถ่ายทอดความอุดมสมบูรณ์ของเมืองไทย ผ่านความประณีต วัตถุดิบพรีเมี่ยม ผ่านกรรมวิธีการปรุงแบบไทยแท้ตามต้นตำรับจนได้อาหารไทยชั้นเลิศอันน่าหลงไหล เชฟไฟแรงสูงที่ผ่านเวทีมาหลายครั้ง และยังเป็นหนึ่งในผู้เชฟ ร้าน R.HAAN  ภูมิปัญญาแห่งไทยทั้งหลายมารวมกันที่นี่เพียงที่เดียว กับรางวัลอันยิ่งใหญ่

ร้านอาหาร R.HAAN  เป็นร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining  ของคุณต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี ภายใต้แนวคิด “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ร่วมมือกับ เชฟชุมพล แจ้งไพร แสดงให้เห็นว่าร้านอาหารสามารถประสบความสำเร็จได้มากเพียงใด หากเชฟทุ่มเททั้งหัวใจและนำเสนอเมนูเลิศรสที่ได้รับแรงบันดาลใจภายใต้แนวคิด ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ร้านเปิดมาเพียง 6 เดือน
ในปี 2561 ได้รางวัล  เป็นมิชลิน 1 ดาว ในหนังสือ Michelin Guide Thailand 2019 (Bangkok ,Phuket & Phang-Nga)

วันนี้ คุณต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี มอบประสบการณ์รับประทานอาหารไทยร่วมสมัยในเเบบฉบับของ ร้านอาหาร  R.HAAN  ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ร้าน
มิชลิน 1 ดาว ของคุณต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี  ในส่วนของเมนูอาหาร ร้านติดดาวมีความน่าสนใจ โดยอาหารของที่นี่มีให้เลือก 3 สำรับด้วยกัน คือ สำรับตรี โท และเอก มีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละสำรับ วัตถุดิบของอาหารแต่ละจานนั้นผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากทั่วภูมิภาคในประเทศไทย ผ่านการปรุงละเอียดทุกขั้นตอน

เบื้องหลังครัวไทยร้านอาหาร  Totptotravel กำลังนั่งดื่ม Complimentary แบบไทย เครื่องดื่มชื่อว่า งามอย่างไทย เป็นโซดาผลไม้ พร้อมเปิดดูเมนู Exclusive Menu Samrub เมนูที่เราชิมในค่ำคืนนี้เป็น สำรับอาหารไทยฤดูฝนซึ่งอาหารเรียกน้ำย่อย  ทุกสำรับบนโต๊ะอาหาร นอกจากจะถูกแสดงออกด้วยรสชาติ อาหารไทยแท้  ที่คัดสรรและปรุงอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
แล้ว อาหารทุกจานในแต่ละสำรับนั้นยังแฝงความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์ ด้วยการใช้ภาชนะที่งดงาม เขียนลายด้วยมือช่างชั้นสูง ถอดแบบมาจากเครื่องต้น ที่ถูกใช้ในพระราชวังในสมัยรัตนโกสินทร์ที่หาชมยาก

เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย

ด้วยความที่ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย เป็นคนที่ชื่นชอบความท้าทาย รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ อาหารก็คือสิ่งมีชีวิตแบบหนึ่ง ในสังคมหนึ่ง ทั้งวัตถุดิบและรสชาติก็ต้องประยุกต์ ความจริงแท้

Authentic ถือเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งของแนวคิดอาหารทุกชนิด หัวใจสำคัญหลักๆ นอกจากการปรุงที่พิถีพิถันแล้ว อยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบ นอกจากที่ต้องเป็นวัตถุดิบคุณภาพดีเลิศแล้ว ยังต้องรักษาความสดไว้ให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน อาหารประเทศอะไรก็ตามถ้าได้วัตถุดิบชั้นเลิศจะทำให้จานนั้นอร่อยขึ้น

สำหรับเมนูแนะนำ  ขอเริ่มต้นกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง เมี่ยงปลาทูไทยเสวย ทำจากปลาทูไทย เข้ากันได้อย่างดี

นอกจาก นี้ยังมี ยำหัวปลีป่าน่องกบนาย่างถ่าน
Wild banana flower Spicy Thai salad with charcoal Grilled frog

ทอดมันกุ้งสามน้ำ
Deep Fried Thai river Prawn cake

หมี่กรอบชาววัง
Royal recipe, crispy rice vermicelli with sweet and and Sour Sauce from ‘Somsa’ in chive & coriander pastry shells

แกงเขียวหวานพริกขี้หนูสดสวนปิติกับปลาเก๋าแดงน้ำลึกทะเลระนอง
Freshly handmade  classic bird ‘eye green curry with “Ra-Nong” Deep sea Red grouper and GI’organic coconut from “Kho Pha-ngan”

ถึงพริกถึงขิงกลิ้งหมูกรอบ
Stir fried  pork belly  with Red curry crispy pork

น้ำพริกไข่ปูพริกขี้หนูสี่ภาค
Spicy Crab’s Roe Sauce  with four bird’s eye Chilli Dip

ผัดเผ็ดหมูป่าหน่อกระวานจันทรบูร
Stir Fried Spicy with boar with Red curry paste and Chantaboon Siam cardamom

สามสายสามกษัตริย์ต้มกะทิ
Ours’s ancient across Royal kingdom of Thailand, Lotus’s coconut soups with 3 kinds Rama 5 inspirations

ข้าวหอมมะลิใหม่ยโสธรและข้าวกล้อง 5 พลัง เสิร์ฟพร้อมหัวน้ำปลาแท้ระยองกับพริกขี้หนูปิติ

กับจานพิเศษ เนื้อแบล็คแองกัสจากสุพรรณบุรี surprise

เนื้อแบล็คแองกัสจากสุพรรณบุรี

ขนมสำรับไทยคู่กับชากาแฟ /Thai fruits & Petit Fours เสิร์ฟมาเหมือนเซ็ตขนมกินกับชา 4 จาน ประกอบด้วย

ข้าวตูข้าวตอกน้ำผึ้งเกสรดอกลำไย /Roasted sun dried rice with longan Honey and coconut
เสน่ห์จันทร์หอม /Flower shaped baked rice flour
วุ้นกรอบทองคำ/Gold crispy jelly
ลูกชุปมังคุดเสวย/Mangosteen shape stirred pound golden bean
หม้อแกงอินทผาลัมมะตูมเชื่อม, ข้าวเหนียวมะม่วงภักดี, ข้าวเม่าทอดกล้วยไข่กำแพงเพชร

สำหรับเมนูแนะนำ คือ สามสายสามกษัตริย์ต้มกะทิ เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ข้าวต้มที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงปรุงขึ้นโดยมี ปลาทู ปลาหมึก และ กุ้ง เป็นองค์ประกอบจุดเด่นของเมนูจานนี้ คือ เชฟเอาทั้งสาม มาต้มกับกะทิ แล้วค่อยเอาน้ำซุปใสรสชาติอร่อยมาราดลงไป ความอร่อยสดชื่นคล่องคอ และกลมกล่อม เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย

โดยภาชนะที่เลือกใช้นั้นเขียนลายด้วยมือช่างชั้นสูง ถอดแบบมาจากเครื่องต้นที่ถูกใช้ในพระราชวังในสมัยรัตนโกสินทร์ แอบสงสัย มิชลิน เค้าให้ดาวกันอย่างไร ในแง่ของการทำอาหารที่มีรากของความเป็นไทยแท้และมี Story ที่ทำให้ สาระของอาหารไทยบวกกับความเป็นไทยแบบต้นตำรับ

ขอบคุณ Exclusive Dinner ร้านอาหาร R.HAAN มิชลินสตาร์  ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับบรรยากาศมื้อค่ำลิ้มรสชาติต้นตำรับอาหารไทยที่พิถีพิถันการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างปราณีต ณ ร้านอาหาร รูปแบบ Fine Dining ที่มาจากแก่นแท้ภูมิปัญญาอาหารไทย

พบกับเมนูใหม่ของห้องอาหารได้แล้ววันนี้
ร้านอาหาร R.HAAN  “ภูมิปัญญาแห่งไทย” ทั้งหลายมารวมกันที่นี่
เพียงแห่งเดียว

ร้านอาหาร R.HAAN
131 Soi Sukhumvit 53 (Paidee-Madee) Klongtun Nua Wattana Bangkok 10110 Thailand

Tel. + 66 (0) 2 059 0433 – 34
+ 66 (0) 95 141 5524
Open Daily : 6.00 p.m. – 11.00 p.m.

#RHAAN #BestThaiRestaurant
#wisdomofthaicusine #ภูมิปัญญาอาหารไทย
#Michelinstar2019 #Michelinguide
#ร้านอาหาร R.HAAN มิชลินสตาร์

สิงห์บุรี จังหวัดที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง?

นวัตวิถี สิงห์บุรี Inno-Way ชุมชนที่มีวิถีชีวิตอันงดงาม ซุกซ่อนตัวอยู่อย่างมากมาย

จังหวัดสิงห์บุรี  ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี  โดยล่าสุด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสิงห์บุรี  เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในชุมชนมีทักษะ ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ในการต้อนรับของแต่ละชุมชน สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เมื่อพูดถึงชื่อจังหวัดนี้ ภาพที่ทุกคนมักจะนึกอันดับต้นๆ คือ ปลาช่อนแม่ลา จังหวัดสิงห์บุรี เป็นจุดผ่านไปในหลายจังหวัด ไม่ไกลจากตัวเมืองเราจะเห็นวิว
ภูเขาไกลๆ เห็นทุ่งนาเขียวขจี ขับผ่านแล้วรู้สึกดี สบายตา เรียกได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนาข้าว  มีแม่น้ำน้อยหรือที่เรียกว่าแม่ลา ลักษณะดินที่มีคุณสมบัตพิเศษ ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลกจริงๆ

ดังนั้น ปลาที่จังหวัดสิงห์บุรี จึงมีรสชาติที่อร่อยกว่าที่อื่น  และปลาช่อนนา ที่สิงห์บุรี ถือได้ว่าเป็นที่สุดของปลาช่อนในโลกนี้ เนื้อหวานอร่อย และถ้ามาที่สิงห์บุรีต้องไม่พลาด ปลาช่อนแดดเดียว ที่ใครก็หาซื้อได้ตามริมทาง อีกอย่างถ้าใครชอบปลาร้าขอบอกว่าที่นี้ ปลาร้าอร่อยที่สุดบนผืนแผ่นดินไทย อยากรู้ว่าจริงไหมต้องลองดู

Toptotravel  มีโอกาสร่วมทริป ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี สิงห์บุรี Inno-Way โดยการเดินทางในครั้งนี้  มีทั้งสื่อมวลชน  รวมไปถึงพิธีกร ทอดด์ ทองดี หรือ โทมัส เจมส์ ลาเวลล์ (Thomas James Lavelle) ซึ่งการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี  ทำให้เกิดชุมชนเข้มแข็งยั่งยืน ด้วยการนำนวัตกรรมผสมผสานกับวิถีชีวิตชุมชน ในการผลิตสินค้าท้องถิ่น หรือผลิตภัณฑ์โอทอป ทำให้ชุมชนมีรายได้และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีแบบแผนละเอียดอ่อน อันเกิดจากความเข้าใจของ นวัตวิถี ร่วมสุข ร่วมวิถี ร่วมสมัย

ปีนี้  เป็นปีที่รัฐบาล มีนโยบายเน้นการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดในการรองรับนักท่องเที่ยวและขาดทักษะ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี สิงห์บุรี Inno-Way ชวนให้นักท่องเที่ยวมาชมความงดงามของธรรมชาติ ที่จะทำให้ต่อมรับรสในปากค่อยๆ สร้างความสุขด้วยการได้ชิมอาหารท้องถิ่นของชุมชน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ตามความต้องการของชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ชุมชนท่องเที่ยวระดับหมู่บ้านวัตถุดิบแต่ละชนิดอย่างมีดีไซน์ เที่ยวทุ่งนา กินปลาช่อน และ เช้าวันนี้เรามาแวะตลาดนัดชุมชน OTOP นวัตวิถี บ้านตาลเดี่ยวใต้ ตามมาชมบรรยากาศด้วยกันคะ

จุดเริ่มต้นยามเช้าของวันนี้  ที่บ้านตาลเดี่ยวใต้ กับงานเปิดตลาดชุมชนท่องเที่ยว otop นวัตวิถี บ้านตาลเดี่ยวใต้ หมู่ 1 ตำบลทองเอน จังหวัดสิงห์บุรี  โดยมี
นายสุทธิพงศ์ พุทธจันทรา นายอำเภออินทร์บุรี เป็นประธานเปิดงานตลาดนัดชุมชน OTOP นวัตวิถี บ้านตาลเดี่ยวใต้  ชุมชน OTOP นวัตวิถี ดำเนินงานภายใต้โครงการ  “ไทยนิยม ยั่งยืน”

เพื่อสร้างชุมชนเข็มแข็ง ยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และรายได้ให้แก่ชุมชน การสร้างตลาดใหม่ และเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ OTOP เข้ากับการท่องเที่ยว โดยการจำหน่ายสินค้าอยู่ในชุมชน โดยใช้เสน่ห์ภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ เปลี่ยนเป็นรายได้ ผลิตสินค้าและบริการ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระดับชุมชน ที่มีเสน่ห์ดึงดูดและมีคุณค่าพร้อมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือน และใช้จ่ายเงินในทุกกิจกรรมของชุมชน เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

แต่ถ้าเรื่องของอาหารพื้นถิ่น อาหารการกินของชาวจังหวัดสิงห์บุรี ช่วงที่มี
นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมชุมชนบ้านตาลเดี่ยวใต้ หลายท่านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า…มาที่นี่ไม่มีผิดหวังกลับไปแน่นอน เพราะเรื่องอาหารพื้นถิ่น มีมากมาย โดยมื้อเที่ยงวันนี้  Totptotravel ขอยกตัวอย่างอาหารท้องถิ่นที่เรามีโอกาสได้ลิ้มลอง ดังนี้ …
-ลาบมะเขื่อ
-ต้มส้มฟัก
-ปลาส้มทอด
-บัวลอยสามเกลอ / ขนมสามเกลอ / น้ำสามเกลอ
-กล้อยตากเคลือบช๊อกโกเเลต
-ขนมสอดใส่ / ขนมตาล

ส่วนสินค้า OTOP โดยชาวบ้านและคนในชุมชนนำสินค้าที่ผลิตเอง เช่น
พืช ผัก ผลไม้ น้ำพริกผลิตภัณฑ์ปลาร้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัด สินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน เสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋าถือ และของใช้ ที่นำมาจำหน่ายในราคาไม่แพง เดินเล่นสนุก เพลินๆ ไม่ร้อน หิ้วของกันเต็มไม้เต็มมือเลย ช่วยกันสนับสนุนสินค้าไทยชื่นใจกันทั้งหมู่บ้าน

สินค้าที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายส่วนใหญ่  เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและขึ้นชื่อว่าขายดีมากๆ  แทบจะผลิตไม่ทัน สั่งรอกันข้ามปี คือ กระเป๋าผ้า และ งอบแฟนซี สวยโดดเด่น ไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใคร อย่างนี้ไม่มาถือว่าพลาดอย่างแรง
พบกันที่ ตลาดชุมชนบ้านตาลเดี่ยวใต้ (เปิดทุกวันอาทิตย์ของต้นเดือน)

อิ่มท้องแล้ว เดินทางต่อไปยัง ถนนตก หมู่บ้านแรกเป็นหมู่บ้านยางคุ้ง มารวมกับวัดทองเลื่อน มาเปลี่ยนชื่อเป็นชุมชนชาวถนนตก ชื่อนี้ สืบเนื่องจากเมื่อในอดีตที่ยังไม่มีถนนตัดผ่าน มีเพียงลูกรัง ภายหลังได้มีการปรับปรุงถนนขึ้นใหม่  ซึ่งดำเนินการไปสิ้นสุดที่ถนนตก ทางโค้งของโรงพยาบาล ชาวบ้าน จึงได้ตั้งชื่อว่าถนนตก หรือ ชุมชนชาวถนนตก นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ด้วยความพิเศษของสภาพที่ตั้ง ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
คุณป้าสุกัลยา พาทีมงานไปต่อยังบ้าน นายบุญพา บุญคง หรือ คุณกบ หมู่ที่ 11 ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ภายในบริเวณโดยรอบ จัดเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจ และมุมแสดงกิจกรรมทางการเกษตร ด้วยความพิเศษของสภาพที่ตั้ง ชาวบ้านที่ดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการผลิต คุณกบเล่าต่อให้ฟัง ที่นี่ชุมชนมีรายได้และ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง มาเที่ยวที่นี่ได้ความรู้มาเติมสมองแบบไม่ต้องลงทุน

ปุ๋ยมูลไส้เดือน นำมาปรับสูตรแล้วออกมาจำหน่ายสร้างรายได้
-จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ที่มีวิธีการผลิตง่ายๆ โดยการการสังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นหัวเชื้อจากประเทศญี่ปุ่น
-มะนาวดอง การเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้มีราคาเพิ่มมากขึ้น

นอกจากสินค้าที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว  อาหารถิ่นที่ใครมาเยือนต้องได้ลองทาน มีเมนูอาหารคาว หวานขึ้นชื่อของหมู่บ้าน เพียงเพราะคำว่าขึ้นชื่อ พวกเรามีโอกาสได้ชิมฝีมือการทำอาหารท้องถิ่น ทีใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแท้ๆ  ของ นายกิตติภณ  มาหยา (หมูแดง)  รสชาติแบบดั่งเดิม lสูตรเฉพาะตามแบบฝีมือคนโบราณ

คุณหมูแดง ( กิตติภณ  มาหยา ) โดยเมนูแนะนำ เราได้ชิมกันในมื่อค่ำ ที่บ้านของคุณหมูแดงเอง  มีเมนูใดบ้างมาชมไปด้วยกันค่ะ
1.แกงส้มผักตบ
2.ต้มยำไก่บ้าน (ไก่พื้นเมือง)
3.แกงกล้วยกับหมู
4.ปลาช่อนแม่ลาแท้ทอดกรอบ (สูตรเฉพาะ)
5.น้ำพริกเผาปลาช่อน ตราถนนตก (สูตรโอท๊อปขึ้นชื่อ)
6.ขนมนักรบ ทำจากผลของลูกยอสดๆ

คุณหมูแดง เล่าถึงการทำอาหาร เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด คือเรื่องวัตถุดิบ เลือกเฉพาะวัตถุดิบสดใหม่ ไร้สารปนเปื้อน  ได้จากธรรมชาติไม่มีคัดสรรแล้วนำมาปรุงรสชาติและผ่านการคัดมาอย่างดี โดยเฉพาะ น้ำพริกเผาปลาช่อน ตราถนนตก ปลาชนิดเดียวอร่อย เพราะเดือนเป็นช่วงวางไข่จะมีไขมันสะสมอยู่ทำให้ปลาอร่อยกว่าปรกติ

ได้ฟังเรื่องราวของหมูแดง “แม่ครัวหัวป่า” กลายเป็นคำสากลในการเรียกบรรดาคนปรุงอาหารฝีมือฉกาจทั่วฟ้าเมืองไทย โดยอาหารที่ขึ้นชื่อในหมู่บ้าน ฝีมือการทำอาหารของ หมูแดง ที่หมู่บ้านให้ความไว้วางใจ จนได้รับตำแหน่งแม่ครัว ประจำหมู่บ้าน ทั้งแขกผู้ใหญ่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมหมู่บ้านนี้ ต้องห้ามพลาดได้ชิมฝีมือน้องหมูแดง ท่านนี้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ณ.หมู่บ้านแห่งนี้ เหมือนถูกออกแบบให้เรามีสมาธิกับท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ด้วยการนั่งชิมอาหารท้องถิ่น โดยข้างหลังของเราจะเป็นฉากไม้ ลดแสงเพื่อให้เรารู้สึกว่า ข้างหลังไม่มีอะไรต้องใส่ใจ จึ งให้สมาธิกับด้านหน้าอย่างเต็มที่และบรรยากาศดีแบบสวนเกษตรจริงๆ

ที่บ้านถนนตก หมู่บ้านแรก เป็นหมู่บ้านยางคุ้ง มารวมกับวัดทองเลื่อน มาเปลี่ยนชื่อเป็นชุมชนชาวถนนตก ในปัจจุบัน ชื่อนี้สืบเนื่องจากเมื่ออดีตที่ยังไม่มีถนนตัดผ่าน จะมีแต่ลูกรัง ภายหลังได้มีการทำถนนขึ้น ซึ่งดำเนินการไปสิ้นสุดที่ถนนตก ทางโค้งของโรงพยาบาล ชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อว่าถนนตก หรือ ชุมชนชาวถนนตก นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เรามาอยากรู้เรื่องมะนาวดอง ต้องมาที่ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรกรทฤษฏีใหม่ ประจำตำบลบางระจัน โดยได้รับคำคำแนะนำของ คุณป้าสุกัลยา พาทีมงานไปยังบ้าน นายบุญพา บุญคง หรือ คุณกบ อยู่หมู่ที่ 11 ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เป็นชาวบ้านที่ดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีอะไรบ้างไปชมกัน

1.ปุ๋ยมูลไส้เดือน  ผลิตเอง ใช้เอง เหลือจากการใช้งาน ก็ออกมาจำหน่ายสร้างรายได้ เป็นไส้เดือนพันธุ์แอฟริกันไนท์ครอเลอร์กินไว ขี้ไว สะสมในระยะเวลา 20 วันเก็บออกมาใช้งานได้ทันที ขายในราคา 20 บาท/ถุง

2.จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง นำหัวเชื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น เพาะพันธ์ุด้วยไข่ คุณสมบัติ เป็นการขยายรากพืช รากเยอะ ผลผลิตดูดอาหารได้เยอะ ส่งผลผลิตได้มาก ข้อดีอีกทาง คือ ช่วยบำบัดน้ำเสีย ด้านปศุสัตว์

3.มะนาวดอง เก็บไว้กินนานๆ อยากกินต้มฟักมะนาวดอง ต้มผักกาดมะนาวดอง เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้มีราคาเพิ่มมากขึ้น จากการขายมะนาวลูก จะตก ที่ลูกละ 50 สต. 2 ลูก 1 บาท ปรับสูตรแล้วมาทำมะนาวดอง จะได้ผลผลิตลูกละ 5 บาท

ทั้งหมดนี้ คือ นวัตวิถี เมืองสิงห์บุรี การมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ต้นแบบการเป็นแหล่งเรียนรู้การพัฒนาและจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นวิถีชีวิต วิถึการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนแบบที่เรามอบความวางใจให้ จังหวัดสิงห์บุรี เป็นพัฒนศักยภาพชุมชนต้นแบบสู่มาตรฐานระดับสากล

ช่วงบ่ายของวันนี้ คุณทอดด์พาทีมงานมาเที่ยวชมวัดวิหารแดง ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เริ่มต้นสบายๆ อย่างสนุกสนาน ด้วยการต้อนรับ แบบสนุกสนานของชาวบ้าน รำกลองยาว เป็นการแสดงศิลปะพื้นบ้าน โดยมี
คุณสุกัลยา สืบเพ็ง เป็นเล่าประวัติความเป็นมาของวัดร้างในอดีต วัดวิหารแดง หลวงพ่อแดง เดิมเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ที่ ตำบล บางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ห่างจากอนุสาวรีย์วีระชนบางระจัน ประมาณ 6 กิโลเมตร จากหลักฐานบางอย่าง (เช่นอิฐก่อสร้างวิหาร) เชื่อได้ว่า วัดวิหารแดง เป็นวัดสมัยเดียวกันกับ “วัดโพธิ์เก้าต้น”ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย กราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยไปฟังเรื่องราวต่อไป

การเดินทางของ ทอดด์ ทองดี นวัตวิถี เมืองสิงห์บุรี

วัดวิหารแดง หมู่ 11 ตำบลบางระจัน อำเภอค่ายบาง
ระจัน จังหวัดสิงห์บุรี 16150

หยก สุริยา เจ้าแรกของสิงห์บุรี
ปิดท้ายทริปนี้ ด้วยการชมต้นไม้ที่สร้างชื่อให้กับหมู่บ้าน “หยก สุริยา”
และ “หยก ม่วงสุริยา”ของคุณลุงนพดล บุษบงค์ อายุ 59 ปี ในอดีตคุณครูผู้หลงไหล ต้นไม้ กล้วยไม้ จัดสวน ไม้ดอก ไม้ประดับ คุณลุงนพดลฝันอยากมีสวนสวย และร้านขายต้นไม้เป็นของตนเอง

ต้นหยก มีรูปแบบการเจริญเติบโตแตกต่างกันออกไป  โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
-รูปเขากวาง (Forming a cluster) ประกอบด้วยกิ่งแขนงแตกเป็นกลุ่ม รอบโคนต้น คล้ายเขากวาง บนขอบหรือสันกิ่งมีใบและหนามขนาดเล็กเป็นระยะ ๆ เช่น หยกพันธุ์มงคล และพันธุ์มังกรแดงหยก

-แผ่เป็นรูปพัด (Fan shaped) เป็นต้นเดี่ยวที่แขนงติดกันเป็นแผงรูปพัด แนวสัน (ridges) เป็นริ้วอยู่ทั่วแผง มีใบและหนามอยู่บนสัน ต่อมาใบจะร่วงเหลือแต่บริเวณใกล้ เรือนยอด (crowing tip) ส่วนหนามจะคงอยู่ทั่วแผง เช่น หยกพันธุ์ทองนพเก้าและพันธุ์ทองคํานพคุณ

-แบบคลื่น (branched crested) เป็นต้นเดี่ยวที่แขนงติดกันเป็นแผงสวยงาม เป็นระนาบเดียวรูปพัด แต่จะพัฒนาแผ่ซ้อนเป็นร่อง  คลื่นคล้ายงูเลื้อย (forming a snaky ridge) เช่น หยกพันธุ์เบญจรงค์ และ พันธุ์ทับทิม เนื้อหยกจะมี 2 ลักษณะ คือ หยกเนื้อทึบ ซึ่งเนื้อหยกจะมีคลอโรฟิลล์ข้างในสีเขียว และหยกเนื้อใส เนื้อข้างในจะใสไม่มีสีคลอโรฟิลล์ หยกเนื้อใสจะเจริญเติบโตช้ากว่าหยกเนื้อทึบ หยกทั้งสองชนิดมีชื่อเรียกสายพันธุ์ต่าง ๆ หรือในวงการค้าเพื่อไม่ให้เกิดการสับสบในเรื่องชื่อ จึงใช้ โทนสีบนแผงของหยก เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

โดยหลังเกษียณอายุราชการ คุณลุงนพดล มีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่สร้างชีวิตใหม่กับแรงบันดาลใจ คือ ต้นหยกที่คุณลุงพยายามศึกษาข้อมูล จากการอ่านหนังสือ ค้นคว้า ทดลอง ลงมือทำหลายครั้ง จนเป็น เจ้าแรกของสิงห์บุรีที่ทำสำเร็จพร้อมขายส่งออกอย่างมหาศาล ทำรายได้เข้าสู่ครอบครัว จากความตั้งใจครั้งนี้ คุณลุงนพดล ซื้อที่ดินกว่า 3 ไร่ พร้อมบ้านพัก ที่สำคัญ ได้เปิดเป็นร้านขาย ต้นไม้หลากหลายชนิด อย่างที่ใจต้องการ ในร้านที่ชื่อว่า สวน ตะวันแสนภูมิ การจัดสวนด้วยตัวเอง สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ไม่ยุ่งยากแวะมาหาต้นไม้ราคาถูกกลับบ้านกันคะ

ขอบคุณ :  
โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี
สำนักงานพัฒนาชุมชน จังหวัดสิงห์บุรี  

อโนทัย ร้านหวานใจของคนรักเนื้อ!

Arno Thai อโณทัย ร้านอาหารจานด่วน
ที่เราสามารถไปกินได้ทุกวัน!

ส่งต่อความหมายใหม่ที่ซ่อนเอาไว้ในชามก๋วยเตี๋ยวส่งต่อความหมายใหม่
ที่ซ่อนเอาไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว เมื่อ ร้านขายเนื้อ แอนด์ สเต๊กเฮ้าส์  อย่าง Arno’s Butcher and Eatery มาเพิ่มเติมความอร่อยแบบไทยๆ ชื่อร้านเก๋ไก๋ สไตล์ อโณทัย (Arno Thai) โดยที่ร้านนี้มี 2 เมนู อย่างก๋วยเตี๋ยวและผัดกระเพราหลากชนิด

ร้านล่าสุดในเครือ Arno’s Butcher and Eatery ซึ่งนอกจากเนื้อสเต็กและอาหารทะเล ที่มีให้เลือกหน้าร้านตามปกติแล้ว ยังมีเมนูยอดฮิต  อย่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อ-หมู และผัดกะเพราต่างๆ

วันนี้เรามาที่สาขาที่ 2 พิกัดสาขานี้อยู่ที่ สุคนธสวัสดิ์ 28 คนรักเนื้อฟินจนถึงขีดสุดอาหารมีกลิ่นหอม เคล็ดลับความอร่อยของทางร้านเริ่มจากการคัดเนื้อวัวคุณภาพดี ใช้ร้านเนื้อเจ้าประจำจาก Arno’s Butcher and Eatery

Arno Thai นอกจากก๋วยเตี๋ยวก็ยังมีผัดกะเพรา เราเลือกสั่งก๋วยเตี๋ยว เราสามารถจับคู่เส้นกับเนื้อได้ตามใจชอบ เนื้อมีให้เลือกหลายประเภท ทั้งเนื้อเปื่อย เนื้อน่องลาย เอ็นแก้ว ซี่โครงติดกระดูก และเนื้อปาเลรอง (Paleron)

ส่วนผัดกะเพราเนื้อสะโพกที่หั่นเนื้อมาเป็นชิ้นขนาดลูกเต๋าเต็มปากเต็มคำแอบกระซิบบอกว่าหากไม่ชอบรสเผ็ดจัดก็สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ 4 แบบ

Arno’s Butcher and Eatery ร้านขายเนื้อและสเต๊กเฮาส์คุณภาพใน ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 20 เจ้าของร้านชาวฝรั่งเศสอย่าง อาร์โนด์ คาร์เร ผู้อยู่เมืองไทยมานาน

Arno Thai เมื่อเนื้อดีไม่จำเป็นต้องแพง เอามาผัดกะเพราหรือใส่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อก็อร่อยนอกจากจะเป็นร้านอาหารแนวไทยริมทาง ร้านขายเนื้อที่ทุกคนสามารถซื้อกลับบ้านแบบเดียวกับที่ Arno’s  สาขานี้ตั้งอยู่ที่ซอยสุคนธสวัสดิ์ 28 ร้านอยู่ปาก ซอย สามารถจอดรถได้ที่ลานข้างหลังร้าน

พิกัด:
ร้านอโณทัย : สาขาสุคนธสวัสดิ์ 28
เวลาเปิดปิด 11.00-20.00​น.
มีที่จอดรถด้านใน
arno.thai@arnosgroup.com
http://www.arnosgroup.com

ต้นตำหรับพิซซ่าแป้งบาง โดนใจทำไมดีขนาดนี้!

เด็ดไม่แพ้ต้นตำรับ MAD DADDY PIZZA HOUSE ประชาชื่น 12

ใครที่เป็นแฟนอาหารอิตาเลี่ยน คงพอจะคุ้นเคย กับ Pizza เราเคยคิดว่า ถ้ากินพิซซ่าแป้งหนาๆ เดี๋ยวกินไม่หมดถาด ส่วนตัวไม่ชอบแบบแป้งหนา เพราะมีแต่แป้งจริงๆ ทั้งหนา ทั้งเหนียว มีแต่รสแป้ง แบบขนมปัง ไม่รู้สึกถึงความอร่อยของหน้าพิซซ่าเลย  เอาจริงๆ  มันเหมือนขนมปังรสพิซซ่ามากกว่า

มาเจอ  พิซซ่าร้านนี้แม้ด แด๊ดดี้ พิซซ่า เฮ้าส์  เพราะเพื่อนแนะนำพิซซ่าอิตาเลียน  สไตล์โฮมมี่  บรรยากาศร้านจากบ้านพัก ที่ถูกออกแบบตกแต่งสไตล์ฝรั่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่าย ได้กลิ่นอายของความสุข เสิร์ฟเมนูแป้งพิซซ่า 16 หน้า เหนียวนุ่ม ขึ้นรูปกันสดๆ เอาเข้าเตาอบ

สำหรับเมนูของร้าน เชฟที่นี่ให้ความสำคัญกับทุกวิธีการทำพิซซ่า ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมแป้งที่หมักยีสต์ การนวดแป้งพิซซ่าด้วยมืออย่างเดียว ทำให้แป้งพิซซ่ามีความเหนียว นุ่ม สดใหม่ เก็บในอุณหภูมิที่เมหาะสม  ขึ้นรูปกันสดๆ หลังจากอบ แผ่นแป้งตรงกลาง  จะบางเหนียว-นุ่ม
ตัวขอบโป่งฟู อบด้วยเตาฟืน เวลาทานคำแรก รู้สึกได้ถึงความชุ่มฉ่ำของน้ำมะเขือเทศจากอิตาลี ที่หอมอบอวนอยู่ในปาก ซึ่งความเปรี้ยว อมหวานของมะเขือเทศ มีความอร่อยที่แตกต่าง ทำให้รสชาติของพิซซ่าอร่อยแบบสูตรดั้งเดิม ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่าง

เพราะพิซซ่า คืออาหารเรียกน้ำย่อย  ดังนั้น วันนี้ เรามาเลือกพิซซ่าในแบบที่เราชอบ หลากหลายถึง 16 แบบ ทุกถาดไม่ธรรมดา สุดยอดความอร่อยแบบชีสเน้นๆ พาครอบครัว คนรัก หรือนัดเพื่อนๆ มาสังสรรค์ นั่งฟังเพลงกันเย็นๆ ชิลล์ๆ กันดีกว่า

Tasteful Pizza

Mad Daddy Pizza House พิชช่าบาง กรอบตรงขอบทำให้กิน Pizza หน้าใดๆ ก็อร่อยยิ่งขึ้น เพลินๆ หมดถาดใหญ่  ง่ายโดยไม่รู้สึกว่าเลี่ยนค่ะ   แป้งบางกรอบ เวลากิน ได้รสชาติของหน้าเต็มๆ กรอบ อร่อยแบบไม่ต้องปรุง
หรือใส่ซอสอะไร

Mad Daddy Pizza House   เป็นพิชซ่า เตาฟืน ร้านอิตาเลียนเล็กๆ  ย่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เพราะว่า พิซซ่า ร้าน Mad Daddy Pizza House จุดเด่น คือ สามารถชมเชฟประกอบอาหาร ทำพิซซ่าได้  อย่างใกล้ชิด เชฟ
เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์  ทำสดใหม่ร้อนๆ ถาดต่อถาด อบจากเตาฟืน สั่งแล้งนั่งรอ ได้กลิ่นกลิ่นหอมฟุ้งเป็นเอกลักษณ์ แบบฉบับอิตาเลียนแท้ และ รสสัมผัสที่หอมอย่างลงตัว

เราไม่ได้แค่ชอบบรรยากาศของร้าน  ร้านไม่ใหญ่มาก ตกแต่งสวย เดินหิวๆ ควรมาจบที่ร้านนี้ อร่อย ราคาน่ารัก ระหว่างรอพิซซ่าแอบคุยกับเชฟ และที่สำคัญเราสามารถชมการทำพิซซ่าได้อย่างใกล้ชิด กับคอนเซ็ปครัวแบบเปิด ไม่ว่าเพื่อนๆ จะไปนั่งทานคนเดียว หรือไปเฮฮากับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวที่นี่เป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์การกินพิซซ่าที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่าแน่นอน ต้องมา

นอกจากพิซซ่าแล้วก็ยังมีพาสต้า สเต็ก สลัด และ อาหารทานเล่นอีกหลายอย่าง นอกพิซซ่าที่นี่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากต่างประเทศ แถมมือหนักให้หน้าเยอะ รสกลมกล่อม สำหรับท่านที่ชอบแอลกอฮอล์ ที่ร้านมีให้ทานกับเบียร์ หรือไวน์ ขายปลีกราคาถูก อิ่มอร่อยราคาสบายกระเป๋า

เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์

ส่วนพิซซ่าเราชอบ   Pizza Prosciutto Crudo & Pizza Saporita
(พิซซ่าพาร์ม่าแฮม & พิซซ่าเบคอนรมควันและมะเขือเทศสด) และ MAD Balloon (ลูกโป่งแป้งพิซซ่าอบเตาฟืน  เสิร์ฟคู่กับซาลซ่ามะเขือเทศสด) ส่วน Caesar Salad  (ซีซ่าร์สลัด) หนึ่งในเมนูพิเศษที่หาทานได้เฉพาะที่
นี่เท่านั้น

มาสัมผัสถึงรสชาติที่ดีที่สุด เป็นเมนูที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี รสชาติประทับใจมากที่ถึงขีดสุด

จนในที่สุด ความอร่อยแบบไม่รู้ลิมิตก็เกิดขึ้น  นอกจากนั้นยังมี Creamy Broccoli Soup  เมนูซุปสุดพิเศษ ที่เป็นซุปบรอคโคลี่ หอมอร่อย ที่เชฟตั้งใจทำสุดๆ อร่อยหอม กรอบนุ่ม ต้องมาลอง เตาฟืนแบบที่ MAD  DADDY  ได้เลยค่ะคุณขา

ปิดท้ายด้วย Strawberry Panna Cotta (พานาคอตต้าสตรอเบอรี่) เป็นเมนูที่รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว

อิ่มที่สุด!  มื้อนี้พลาดหนัก เพราะความหิวมันเรียกร้อง ปลอบใจตัวเองเพราะผู้หญิงอ้วนคือผู้หญิงอบอุ่น  ถ้ามาที่ร้านขอแนะนำว่าต้องนั่งทานด้านในร้านบรรยากาศเตาฟืน ที่เชฟเคน ศวิษฐ์ ตยางคานนท์   นวดแป้งและทำพิซซ่าโชว์กลางร้าน หอมกรุ่นเกินห้ามใจ

ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
อร่อย ราคาน่ารัก ไม่พูดเยอะเจ็บคอไปชิมกัน
ร้าน MAD DADDY PIZZA HOUSE
FB : MAD DADDY PIZZA HOUSE
TEL : 096-225-3964

 

เพราะอยากรู้เลยต้องมาลอง

จัดหนักแค่ไหน!
บุฟเฟต์ที่ทำให้ให้มื้อค่ำนี้ ฟินกว่ามื้อไหนๆ

ชวนกันมาดื่ม พร้อกับอิ่มอร่อยสไตล์ไทยๆในค่ำคืนวันเสาร์ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค กรุงเทพฯ

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีเป็นไทยกันก่อน เพราะวันนี้ Toptotravel  พาไปชิมอาหารค่ำมื้อพิเศษ บอกเลยขากินต้องหลงรักร้านนี้เข้าอย่างเต็มเปา

ก้าวแรกที่รู้สึก บรรยากาศโล่งๆ สบายๆๆ ที่ไลน์อาหารสัมผัสกับเมนูและมื้ออาหารสุดหรู ที่ได้เชฟ เชฟธีรเทพ ดิษาภิรมย์ หรือ ’เชฟต่อ’ และห้องอาหารบิสโทรเอ็มขอเชิญทุกท่านมาลิ้มลองโปรโมชั่นSaturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทยๆ ในค่ำคืนวันเสาร์ ที่ทางห้องอาหารได้คัดสรรเมนูเด็ดจากหลากหลาย ภูมิภาคทั่วประเทศมาปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ทุกเมนูที่ทยอยออกมาก็ทำเอาเซอร์ไพร้ส์อยู่เหมือนกัน บรรยากาศสบายๆ อิ่มอร่อยถูกปากทั้งครอบครัวด้วยราคาที่เป็นมิตรเพียงท่านละ 900 บาท/เน็ท  เท่านั้น

 

เราเลือก  Saturday Night Thai Food Feast ที่นี่  เพราะความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและมีวิธีการปรุงที่ดีต่อสุขภาพโดยอาหารทั้งหมดผ่านรสมือจาก ’เชฟต่อ’ โดยการนำรสชาติอาหารไทยแบบโบราณให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพมารังสรรค์เป็นเมนูยอดฮิตที่ถูกปาก ให้เห็นถึงเสน่ห์ของรสชาติแบบไทยๆ ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทานเล่นแบบไทยๆ อาทิ ทอดมันปลากราย, ปอเปี๊ยะ, ไส้กรอกอีสาน ตลอดจนเมนูยำๆตำๆสุดแซ่บมากมาย พร้อมเมนูซุป ที่เลือกซดคล่องคอ อย่างต้ำยำกุ้งและต้มข่าไก่ ตามมาด้วยเมนูเอาใจคนรักเส้นอย่างผัดไทและก๋วยเตี๋ยวหมูและเนื้อตุ๋นพร้อมน้ำซุปรสกลมกล่อมไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอาหารในโรงแรม แล้วรสชาติจะอ่อน บอกเลยคิดผิด รับประกัน

เริ่มต้นที่ ม็อคเทลตัวนี้ชื่อเกร๋ๆ อย่าง “พวงหยก” Mocktail เพิ่มความสดชื่น มีส่วนผสมของน้ำสับปะรดและน้ำมะนาวเป็นเบส เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนแต่ละเมนูไล่ระดับรสชาติของอาหารได้อย่างลงตัวมากๆ ซึ่งสำหรับการทานอาหาร

ส่วนไฮไลท์จะอยู่ที่สเตชั่นบาร์บีคิว ใครชอบแบบปิ้งย่าง  ก็มีพ่อครัวไว้คอยบริการ เราสามารถเลือกวัตถุดิบไปให้เชฟปิ้งย่างกันได้สดๆ ปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งสดตัวใหญ่ๆ เนื้อกุ้งแน่นๆ เลือกทานได้ตามใจชอบ ทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโต, ปลาหมึก, คอหมูย่าง, ไก่สะเต๊ะ และเนื้อสตริปลอยด์ รวมไปถึงผัดไทย สูตรเด็ด เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยการปรุงด้วยสูตรตำรับ และน้ำจิ้มสุดฟินเกินห้ามใจ ของห้องอาหารบิสโทรเอ็ม

ตบท้ายด้วยผลไม้นานาชนิดและของหวานสไตล์ไทย อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ลอดช่อง และอื่นๆ พร้อมเครื่องดื่มซอล์ฟดริ้ง หรือหากใครที่เป็นสายดื่มยังสามารถสั่งโปรโมชั่นฟรีโฟลวเพิ่มได้ โดยจ่ายเพิ่มเพียง 450 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์ และ 650 บาทเน็ท สำหรับฟรีโฟลวเบียร์และไวน์ ดื่มเพลินได้ไม่อั้นตลอด 3.5 ชั่วโมง อันนี้ขอรับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

หิวกันแล้วใช่ไหม? หากมื้อนี้คุณยังไม่ได้วางแพลนหรือมีร้านอาหารในใจ ขอแนะนำให้คุณรีบพุ่งตัวไปด่วนๆ

‘Saturday Night Thai Food Feast’ บุฟเฟต์อาหารเย็นสไตล์ไทย พร้อมให้คุณมาลิ้มลองความอร่อยในค่ำคืนวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:30 – 22:00น. ณ ห้องอาหารบิสโทรเอ็ม ตั้งอยู่บนชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ทเมนท์ สุขุมวิท พาร์ค ภายในซอยสุขุมวิท 24 การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า  ลงสถานีพร้อมพงษ์ และสำหรับท่านที่ขับรถมาที่นี่สะดวกมากที่จอดรถรองรับสำหรับลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ

ช้าอยู่ทำไม รีบไปกัน
สอบถามข้อมูลหรือสำรองที่นั่ง ติดต่อ +66 (0)2302 5555
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นของทางห้องอาหารและทางโรงแรม
www.facebook.com/marriottsukhumvitpark

ใครกำลังจะไปเที่ยว กรุงโซล เชิญทางนี้

“แพรวา” แชร์ประสบการณ์เที่ยว “กรุงโซล
ประทับใจ…ทุกโมเม้นท์ ในงาน “I Seoul U”


เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล

เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ให้สนใจไปเที่ยว “กรุงโซล” โดยมี คุณคิม คุก จิน รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว รัฐบาลกรุงโซล มาเป็นประธานเปิดงาน นอกจากนี้ ยังได้เชิญดารานักแสดงวัยรุ่น แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ จาก ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ให้มาแชร์ประสบการณ์และโมเม้นท์ความประทับใจที่ได้จากการไปท่องเที่ยว
กรุงโซล ให้กับผู้ร่วมชมงานได้รับฟังอย่างสนุกสนาน  I Seoul U ภายใต้
คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก”

แพรวา ณิชาภัทร เล่าความประทับใจที่ได้ไปเที่ยว กรุงโซล ให้ฟังว่า ตอนนี้ สถานที่เช็กอินแห่งใหม่ของวัยรุ่นเกาหลี มีชื่อว่า Seoullo 7017 (ซออุลโล 7017) สวนลอยฟ้ากลางเมืองแห่งเดียวของโลก บนทางเดินลอยฟ้า หน้าสถานีรถไฟ Seoul Station ตรงนี้ น่าสนใจมาก เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่คนไปเที่ยวกรุงโซลจะต้องไปเช็กอิน ยิ่งไปตอนอากาศหนาวๆ โรแมนติกมากค่ะ

เส้นทางเดิน Seoullo 7017 ถือได้ว่าน่าเดินและสะดวกมาก เพราะเชื่อมต่อกับสถานี โซลสเตชั่นแล้ว ยังเชื่อมไปถึงตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง และทางไปภูเขานัมซาน ได้อีกด้วย แล้วทางเดินลอยฟ้าแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับอาคารร้านค้าใกล้เคียง ซึ่งจะมี ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ และเอ้าท์เลตขายสินค้าแบรนด์ต่างๆ มีกิจกรรรมให้ช้อป ให้นั่งชิลล์ ชมเมืองเพียบเลยค่ะ

สถานที่อีกแห่งที่ แพรวา ชอบมากๆ คือ ย่านฮงแด (Hongdae) ตรงนี้จะเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นและฮิปสเตอร์เกาหลี ถ้าไปเดินจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่มีสีสัน ควรไปเดินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า เป็นต้นไป รับรองว่าจะเพลินตา…เพลินใจ กันอย่างแน่นอน เพราะร้านค้าย่านนี้ จะนำสินค้าอัพเดทสไตล์วัยรุ่นเกาหลีมาวางขายแข่งกัน รอบๆ ก็จะมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งแบบเก๋ๆ ให้ แชะภาพ เซลฟี่ อวดเพื่อนๆ ในโซ

แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต…ที่ใครไปเที่ยว กรุงโซล แล้วต้องไปเกือบทุกคน ก็คือ หอคอย N Seoul Tower โดยเฉพาะคนที่มีคนพิเศษไปเที่ยวด้วย ก็จะชื่นชอบที่นี่มาก มีวิวทิวทัศน์สวยงามให้ถ่ายรูป และมีกิจกรรมคล้องกุญแจรัก “โรแมนติกจริงๆ” ก่อนคล้องกุญแจรัก จะเขียนชื่อตัวเองกับคนรัก เมื่อคล้องแม่กุญแจเสร็จ ให้โยนลูกกุญแจทิ้งไป เชื่อว่าจะทำให้ความรักยืนยาวและไม่พรากจากกัน ไปเที่ยวได้ทั้งตอนกลางวัน และ ตอนกลางคืน เพราะสวยสวยไม่แพ้กัน ยิ่งช่วงฤดูหนาว จะยิ่งเพิ่มดีกรีความโรแมนติกให้มากขึ้นไปอีก แพรวาไปแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ

สิ่งที่แพรวา เลิฟและเชื่อว่าคนไปเกาหลี ส่วนใหญ่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือ อาหาร มีหลายๆ เมนูที่กินแล้วติดใจ อย่างเช่น เนื้อย่างเกาหลี, ไก่ตุ๋นโสม,
ต็อกป็อกกี นอกจากนี้ ยังมี ตลาดกวางจัง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก่าแก่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโซล มีของขายเยอะมาก ของกินก็เยอะ มีร้านกินบิบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี ใครอยากลองแบบรสชาติแบบเกาหลีแท้ๆ ต้องมากินที่นี่ เดินเที่ยว…เดินช้อป สนุกมากๆ ค่ะ และที่ กรุงโซล ก็ยังมี ศูนย์การค้าและสวนสนุกที่มีชื่อเสียง Lotte World เรียกได้ว่าไปเที่ยว กรุงโซล ได้ครบทุกอารมณ์ ช้อป ชิม ชิลล์ และโรแมนติก ที่สำคัญเดินทางไปสะดวก และ ราคา
ก็ไม่สูงมากด้วยค่ะ

สำหรับ การจัดงาน I Seoul U ได้จำลองบรรยากาศ “กรุงโซล” มาจัดแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) พร้อมกับมีกิจกรรมเล่นเกมโยนลูกเต๋าท่องเที่ยวกรุงโซล, กิจกรรมล็อกกุญแจคู่รักที่นัมซัน, เดินทะลุมิติไปสู่กรุงโซล พร้อมกับชมจำลองบรรยากาศกรุงโซลในยามค่ำคืน ที่สวยงามและมีสีสัน เพื่อให้
ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสวิถีชีวิตตามแบบฉบับชาวเกาหลี ที่อาศัยอยู่ใน กรุงโซล” และรับข้อมูลการท่องเที่ยวที่อัพเดท

ไฮไลท์ของงาน I Seoul U ก็คือ ผู้เข้าร่วมงานทุกๆ คน จะได้รับ “สิทธิ์ลุ้น” รับบัตรเงินสด T-Money Card ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับงาน I Seoul U ซึ่งบนบัตรได้สกรีนภาพศิลปิน BTS ขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังฮอตฮิต และเป็นที่ต้องการของแฟนคลับอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยว “กรุงโซล” สามารถเยี่ยมชม

การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ (โซล) ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน
จัดงาน I Seoul U ภายใต้คอนเซ็ปต์  “ไลฟ์ โซล เพลย์กราวด์ อินแบงคอก” (Live Seoul Playground in Bangkok) ขึ้นที่บริเวณ ลาน Work & Play
ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9

www.visitseoul.net
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email : iseouluthailand@hotmail.com

โครงการ Eat Local Locallicious

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดประกวด 20 สุดยอดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Food Tourism ภายใต้โครงการ
“Eat Local : Locallicious”

นอกจากจะเปิดตัว  โครงการ “Eat Local : Locallicious” แล้ว  ภายใต้โครงการยัง เน้นโปรโมตเส้นทางอาหารถิ่น เส้นทางเรียนรู้วัตถุดิบพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมด้านอาหารร่วมกับเชฟชุมชน เส้นทางอาหารอร่อย อาหารห้ามพลาด ร่วมกับพันธมิตรส่งเสริมการขาย โดยทุกการใช้จ่ายสามารถรับสิทธิพิเศษมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวใน 55 เมืองรองทั่วประเทศ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองโดยใช้อาหารเป็นเครื่องมือในการทำ Destination Marketing ผลักดันสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร Food Tourism ให้เป็นจุดขายทางการตลาด กระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อกระจายโอกาสเชิงรายได้ลงสู่เมืองรอง ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมประกวดจากหลายภาคี อาทิ แพลน บี มีเดีย ในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์หลักของโครงการ HQHotelquickly ในการสนับสนุนดีลพิเศษที่พักของผู้เข้าประกวด สายการบินไทยแอร์เอเชียสนับสนุนตั๋วเครื่องบินการเดินทางแก่ผู้เข้าประกวด รวมถึง Take Me Tour Wongnai และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าประกวดในด้านต่างๆ ซึ่งผลที่ได้รับหลังจากโครงการนั้นจะก่อให้เกิดการแชร์ประสบการณ์กินที่น่าสนใจในหมู่นักท่องเที่ยว เกิดทริปกินเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ได้ยอดขายที่เป็นรูปธรรม ทั้งยังเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวหน้าใหม่

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2018-2020 ซึ่งอาหารเป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราว ของแต่ละชุมชนนั้นๆได้อย่างมากมาย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวีตของคนในท้องถิ่น โดยจากการสำรวจและวิจัยพบว่าเทรนด์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการเสาะแสวงหาสถานที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครไป (Off the Beaten Path) มองหาอาหารท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ชอบเสพเรื่องราวและค้นหาความสามารถของตัวเองผ่านการเรียนรู้ร่วมกับคนในท้องถิ่น และมีหัวใจที่ต้องการสนับสนุนสินค้าชุมชนโดยตรง ซึ่ง ททท. มองว่าแคมเปญของ locallicious จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมือรอง สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

การเฟ้นหาสุดยอด 20 ทริปสายกินใน 55 เมืองรองนั้นได้มุ่งเป้าผู้เข้าร่วมประกวดไปที่ กลุ่ม Food Lover กลุ่มเชฟรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักศึกษา Bloggers สายกิน-เที่ยว ​กลุ่มบริษัททัวร์ และ local expert ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านอาหาร (Food Experience) รู้แหล่งกิน-เที่ยวแบบเจาะลึก ทั้งมีความชำนาญและใฝ่รู้ทางด้านอาหาร ซึ่งแนวทางของการออกแบบทริปนั้นสามารถเน้นการทำกิจกรรมลงมือทำผสมกับการได้ชิม ลิ้มลอง อาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน บรรยากาศการกินอาหารในสถานที่แปลกใหม่แบบไทยเท่ห์ ซึ่งการออกแบบทริปสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การเจาะลึกตะลุยแหล่งวัตถุดิบแล้วนำมาเรียนรู้กับเชฟท้องถิ่น การลุยตลาดเด็ดที่ขาชิมไม่ควรพลาด การทำอาหารเมนูสูตรชนเผ่ากับเชฟชุมชน และการสร้างประสบการณ์กินสุดว้าวที่หาจากที่อื่นไม่ได้ โดยเกณฑ์การตัดสินนั้นจะมาจากการการคัดเลือกจำนวน 2 รอบ โดยรอบที่ 1 จะตัดสินจากคัดเลือกบวกกับคะแนนจากการ like และ share โพสต์ของผู้เข้าแข่งขัน โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 40 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ซึ่งคณะกรรมการของโครงการจะเป็นผู้ทำการคัดเลือก 20 ทริปสุดท้ายจาก 40 ทริปที่เข้ารอบ โดย 20 ทีมสุดท้ายจะสามารถนำมาทริปมาทำการขายจริงแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งกรรมการผู้ตัดสินของโครงการนั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านทั้งทางด้านอาหาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการตลาด รวมถึงทางด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณนพดล ภาคพรต (รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ) คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร (ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดการตลาดธนาคารไทยพาณิชย์) คุณกิตติ พรศิวะกิจ (นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย) คุณยอด ชินสุภัคกุล (ผู้บริหารจาก Wongnai Media) คุณ ณพีรา เตชาชาญ (ผู้บริหารจาก Napira Travel Stylist) และ คุณนพพล อนุกูลวิทยา (ผู้บริหารบริษัท Take Me Tour)

โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมแรก จะได้รับรางวัลรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 370,000 บาท ในส่วนการแข่งขันรอบที่ 2 ผู้เข้ารอบ 20 ทีมจะมาแข่งขันขายทริปจริง โดยผู้ที่ได้ยอดขายสูงสุด 5 ทีมแรก จะได้รับรางวัลเท่ายอดขาย ยิ่งขายมาก ยิ่งได้มาก

สำหรับระยะเวลาของโครงการนั้นจะถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงได้แก่ช่วงแรกในเดือนมิถุนายน จะเป็นช่วงประชาสัมพันธ์เพื่อรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน ช่วงที่ 2 คือเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ผู้เข้าแข่งขันสร้างสรรค์ทริปท่องเที่ยวสุดครีเอทิฟ และช่วงที่ 3 ในเดือนสิงหาคม ผู้เข้าแข่งขันจะทำการประชาสัมพันธ์ทริปของตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ และช่วงสุดท้ายคือเดือนกันยายน จะเป็นช่วงแข่งขาย โดยจะขายทริปผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thelocallicious.com และจะมีการจัดงานขาย 20 สุดยอดฟู้ดทริป “Thailand Food Tourism Mart” ที่ศูนย์การค้าชั้นนำ โดยมีกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ กิจกรรม workshop กับเชฟชื่อดัง มินิคอนเสริต์จากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมสำหรับครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย โดยตลอดระยะเวลาของโครงการจะมีการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องทั้งช่องทาง Online และ Offline และมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากมาย อาทิ แพคเกจ 3 วัน 2 คืนโรงแรม รีสอร์ทห้าดาวในพื้นที่เมืองรองอาทิ สันธิญา เกาะยาวใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา, ภูใจใส, katiliya mountain resort & spa จังหวัดเชียงราย, มันนอกไอส์แลนรีสอร์ท (munnork island resort) เป็นต้น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับเที่ยวเมืองรองจากแอร์เอเชีย และ voucher ร้านอาหารมากมาย และพบกับดีลห้องพักสุดพิเศษจาก HotelQuickly.com สำหรับสมาชิก Locallicious เท่านั้น

โครงการ Locallicious ได้จัดพิธีเปิดโครงการไปอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยมี คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมผู้สนับสนุนโครงการ อาทิ PlanB Media, HotelQuickly.com, Air Asia, Major Cineplex, Wongnai Media, TakeMeTour โดยมีกิจกรรมไฮไลท์เปิดตัวโครงการได้แก่ โชว์ทำอาหารจากเชฟกะทะหล่อโดยนายสุรกิจ เข็มแก้ว หรือ เชฟปิง ที่จะมาสร้างประสบการณ์อาหารแบบเชฟเทเบิ้ลจากวัตถุดิบท้องถิ่นในงาน

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการหรือสนใจสมัครเข้าประกวดสามารถรับรายละเอียดได้ที่
Facebook: thelocallicious
เว็บไซต์ www.Thelocallicious.com

กินกิน เที่ยวเที่ยว ใกล้กรุงกันดีกว่า ตลาดอิงน้ำสามโคก

ตลาดอิงน้ำสามโคกสุดคึกคักฉุดเศรษฐกิจชุมชนโตต่อเนื่อง พร้อมช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น

มาชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิด ตลาดเล็กๆ มีเจ้าเสือพ่นน้ำเป็นสัญลักษณ์ ชาวบ้านใจดี ร้านค้าจัดน่ารัก น่าเดินเล่นและซื้อหาของ ด้วยความผูกพันของชาวชุมชน พร้อมใจกัน  สรรหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาและฝีมือของท้องถิ่นออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ชม ชิม ช้อป อาทิเช่น ข้าวแช่ แกงมะตาด ขนมจีนชาวน้ำ หรือการปักสะไบมอญ  ด้วยอัธยาศัยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวสามโคกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมภายในตลาดอิงน้ำสามโคก

ชวนไปหาของอร่อยแถวสามโคก ปทุมธานี ตลาดนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ด้วยบรรยากาศชุมชนที่ยังคงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีความเป็นอยู่ ซึ่งมีแม่น้ำลำคลองเป็นเส้นทางสัญจร เป็นตลาดเก่าดั้งเดิมที่ทำมาค้าขายทางเรือกันมาอย่างราบรื่นหลายชาติพันธุ์ชาวไทย ชาวมอญ ชาวจีน และชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาจาก
เริ่มโครงการจนเป็นที่ประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

นอกจากนั้นยังเสริมสร้างให้เด็ก เยาวชน ในท้องถิ่น โดยมีเวทีในการแสดงทางวัฒนธรรม เกิดทัศนคติที่ดีและหวงแหนชุมชน ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเองผ่านการแสดงในทุกวันจัดกิจกรรมที่เวทีการแสดง

ธรรมชาติยังดีเหมือนเดิม มีชุมชนอาศัยอย่างปกติทีความเป็นกันเองกับผู้มาเยี่ยมเยือนมีร้านค้าพอสมควรมี ร้านอาหารให้เลือกทานมีร้านอาหารริมน้ำอร่อยมีศาลเจ้าติดริมน้ำมีมุมสวยๆหลายมุมให้จับภาพมี ร้านกาแฟมุมสวยให้พักผ่อน ร้านผัดไทยกุ้งสดขายดี มีร้านหมูสะเต๊ะอร่อย มีร้านทอดมันกุ้งทอดให้ลอง มีกล้วยทอดให้ชิม มีห่อหมกร้านอร่อยให้ซื้อกลับบ้าน แล้วมานั่งทานขนมจีนซาวน้ำ

จังหวัดปทุมธานีเผยผลสำเร็จโครงการถนนสายวัฒนธรรม  ตลาดอิงน้ำสามโคก ชาวชุมชนพร้อมใจต้อนรับนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ จีน มุสลิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของภาครัฐ เตรียมนำความสำเร็จจากโครงการนี้เป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป

นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวในงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการ ถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ว่า หลังจากจังหวัดปทุมธานี ได้จัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา พบว่าชาวชุมชนที่เคยค้าขายอยู่ในตลาดอิงน้ำสามโคก

ทั้งที่เลิกค้าขายไปแล้วและที่ออกไปค้าขายที่อื่นตามการเปลี่ยนแปลงของชุมชน ได้กลับมาค้าขายในพื้นที่ตลาดอิงน้ำสามโคกอีกครั้งเป็นจำนวนมาก จากที่ก่อนเปิดโครงการมีร้านค้าเพียง 20 กว่าร้าน จนในปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำนวนนักท่องเที่ยวจากที่เคยมีเพียงไม่เกิน 100 คน/วัน ในช่วงวันหยุด ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 คนต่อวันและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งจากการประเมินตามร้านค้าพบว่าในแต่ละวันที่ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมมีเงินหมุนเวียนภายในชุมชนกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหากนับจากวันเริ่มโครงการ มีเงินสะพัดภายในตลาดเกือบ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน

“การจัดโครงการถนนสายวัฒนธรรม ตลาดอิงน้ำสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นการเปิดเส้นทางและพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีพื้นที่ในการนำเสนอและจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ กินดีอยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของภาครัฐ ความสำเร็จที่เกิด
ขึ้นจากโครงการนี้ จะเป็นแนวทางในการส่งเสริมพัฒนา เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดสู่โครงการอื่นๆ อีกมากมาย” รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าว

ตลาดอิงน้ำสามโคก ตั้งอยู่ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พาครอบครัวเดินมาเดิเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำแบบใกล้กรุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน อาหารอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยอิทธิพลไทย รามัญ
จีน มุสลิม จากชาวบ้านในพื้นที่ ราคาไม่แพง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น อาคารที่ว่าการอำเภอสมัย รัชกาลที่ 6 อนุสาวรีย์สุนทรภู่ วัดบางเตย ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ
พร้อมมุมถ่ายรูป ชิค ชิคทั้ง  Wall Art  วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยลงทางด่วน ที่ด่านถนนบางพูน (รังสิต-ปทุมธานี) ลงแล้วเลือกไปทางปทุมธานี ขับตรงมาอีกไม่ไกลเจอสามแยกไฟแดงโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส แล้วเลี้ยวขวา ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆไม่ต้องขึ้นสะพานไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ขับตามป้ายปทุมธานีไว้ จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขับข้ามสะพานตรงมา จะเจอสะพานข้ามแยก (สันติสุข) ไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้เลี้ยวขวาใต้สะพานไปทางอำเภอสามโคก ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตปั้ม PT ไว้และต่อมาจะเจอวัดบางเตยนอกและวัดบางเตยกลางจะอยู่ติดกัน ข้ามสะพานข้ามคลองเล็กๆลงมาชิดขวาไว้จะเจอช่องทางให้กลับรถ (ตรงที่กลับรถ มีป้ายบอกว่า สถานีตรวจคนเข้าเมือง  จังหวัดปทุมธานี) เลี้ยวขวาที่ช่องกลับรถเข้าซอยมา จอดรถที่ท่าน้ำ

ตลาดอิงน้ำสามโคก เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 09.00–16.00 น.