Category Archives: Sports

Sports Lifestyle

เปิดตัวคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสไตล์สปอร์ต UNIQLO SPORT สปริง/ซัมเมอร์ 2017

ยูนิโคล่ ชวนลุกขึ้นมาแอคทีฟ
ผสานนวัตกรรมช่วยเพิ่มลุคมิกซ์แอนด์แมทช์ให้กับทุกวันของคุณ

ยูนิโคล่ ผู้นำตลาดเสื้อผ้าและแฟชั่นระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น เผยโฉม คอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกาย UNIQLO SPORT 17SS ต้อนรับ ซีซั่นส์สปริง ซัมเมอร์ ด้วยไอเท็มที่มาพร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้อย่างไม่มีสะดุด ทั้งความเบาสบาย แห้งเร็ว เหมาะทั้งการออกกำลังกาย และสวมใส่ในสไตล์สปอร์ตี้ ลุค ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ ตอกย้ำปรัชญาไลฟ์แวร์

“ป๊อก-มาร์กี้” ร่วมเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ UNIQLO SPORT รับสปริง-ซัมเมอร์

หลังจากได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีกับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกาย UNIQLO SPORT เมื่อปีก่อน ในปีนี้ยูนิโคล่จัดเต็มไอเท็มสปอร์ตแวร์ด้วยการขนคอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกาย ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมพร้อมฟังก์ชั่นอันหลากหลาย ที่เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย ให้ได้คล่องตัวกับกิจกรรมโปรดทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ คอลเลคชั่น  ออกกำลังกาย UNIQLO SPORT ชูนวัตกรรมเด่นอย่าง ดราย เอ็กซ์ (Dry-EX) เจเนอเรชั่นใหม่ของวัสดุที่แห้งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึมซับความชื้นได้เป็นอย่างดี น้ำหนักเบา และบาง ป้องกันการเกิดกลิ่น และเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นอีกด้วย สำหรับ ผลิตภัณฑ์ดราย เอ็กซ์ ในสปริง ซัมเมอร์ 2017


นวัตกรรมอย่าง ดราย เอ็กซ์ ถูกนำมาใช้สำหรับคุณผู้หญิง เป็นครั้งแรก เหมาะสำหรับใส่เล่นกีฬาโดยเฉพาะ เพื่อให้สวมสบายได้มากกว่าตลอดทั้งวันในทุกกิจกรรมสุดแอคทีฟ และแอริซึ่ม (AIRism) ที่มาพร้อมคุณสมบัติ 8 ประการเพื่อการออกกำลังกายที่สบายมากยิ่งขึ้น ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์ที่ให้ความรู้สึกนิ่มลื่น มีความยืดหยุ่นสูง เย็นสบายเมื่อสัมผัส เนื้อผ้าเบา อีกทั้งยังดูดซับและระบายความชื้นได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผิวรู้สึกแห้งสบาย

สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกาย UNIQLO SPORT ประจำซีซั่นส์ สปริง ซัมเมอร์ 2017 ประกอบไปด้วย

ดราย เอ็กซ์ ซีรีย์ (Dry EX Series) มอบประสบการณ์ของความแห้ง สบาย และคล่องตัวกว่าครั้งไหน เหมาะกับกิจกรรมออกกำลังกายที่เสียเหงื่อทั้งอินดอร์ และเอ้าท์ดอร์ อย่างวิ่งระยะไกล ชกมวย กอล์ฟ ฟุตบอล หรือเทนนิส
ประกอบด้วย;


เสื้อกล้ามสำหรับผู้หญิง (Dry-EX TOP TANK) เสื้อกล้ามที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง ที่มาพร้อมแผงผ้าตาข่ายด้านหลัง ระบายอากาศได้ดี แห้งสบาย ด้านข้างไร้ตะเข็บเพื่อความรู้สึกเรียบลื่นสบายผิว ชายเสื้อทำจากผ้าถักที่ลดการรัดและการเสียดสีกับผิวหนัง พร้อมตะเข็บและรอยเย็บมีขนาดเล็กลงเพื่อดีไซน์ที่ดูสะอาดตา


เสื้อยืดสำหรับผู้หญิง (Dry-EX CREW NECK T-SHIRT) เสื้อยืดออกกำลังกายทรงประสิทธิภาพ ออกแบบมาเพื่อสรีระของผู้หญิงโดยเฉพาะ ทำจากผ้าตาข่ายซึ่งระบายอากาศได้ดีเยี่ยมที่ใต้วงแขนและด้านหลัง จึงระบายเหงื่อได้อย่างรวดเร็ว และการถักทอไร้ตะเข็บแบบสามมิติทั้งตัว เพื่อตอบรับในทุกการเคลื่อนไหว


เสื้อยืดแขนสั้นทั้งแบบคอกลมและคอวีสำหรับผู้ชาย (Dry-EX SHORT SLEEVE T-SHIRT) เหมาะสำหรับทั้งใส่เล่นกีฬาและท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม ให้ได้เคลื่อนไหวแบบไร้ขีดจำกัดทั้งกลางแจ้งและในยิม และรู้สึกสบายตัวได้ตลอดแม้ยามเหงื่อออก



เสื้อโปโลดีไซน์สุดคลาสิคสำหรับผู้ชาย (Dry-EX SHORT SLEEVE POLO SHIRT PRINTED) มอบผิวสัมผัสคล้ายผ้าคอตตอน  หมาะสำหรับใส่เวิร์ค
เอ้าท์หรือใส่สบายๆ ในทุกวัน แห้งไวดีเยี่ยม คงความนุ่มสบายตลอดทั้งวัน

กางเกงสำหรับผู้ชาย (Dry-EX PANTS) มีทั้งแบบขาสั้น และขายาว ให้ได้เลือกให้เหมาะกับกิจกรรมออกกำลังกายของคุณ เนื้อผ้าดรายเอ็กซ์เรียบลื่นยาวนาน แห้งสบาย ไม่เกาะผิว มีผ้าตาข่ายที่ช่วงเอวและด้านข้างเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ ดีไซน์เอวยาวยืดพร้อมสายรัดให้กระชับเพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวก มีกระเป๋ากางเกงพร้อมซิปกระเป๋าด้านหลังให้เก็บของที่จำเป็น

เสื้อฮู้ดดรายเอ็กซ์มีซิป (Dry-EX FULL-ZIP LONG SLEEVE HOODIE) ดีไซน์สปอร์ต มีคุณสมบัติที่แห้งง่ายสามารถสวมใส่ไปได้ทุกที่ทั้งขณะและหลังออกกำลังกาย


แอริซึ่ม (AIRism) เสื้อผ้าออกกำลังกายที่ดัดแปลงมาจากเทคโนโลยีระบายความเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ของยูนิโคล่ในชื่อแอริซึ่ม (AIRism) ที่
การันตีความเย็นสบายจากแอริซึ่ม อินเนอร์แวร์ที่ครองใจผู้หญิงทั่วโลก
โดยเสื้อผ้าออกกำลังกาย แอริซึ่มนี้ ใช้วัสดุเดียวกันกับแอริซึ่ม อินเนอร์แวร์
ที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นช่วยระบายความร้อน  มีผิวสัมผัสที่นุ่ม มีความยืดหยุ่นสูง ดูดซับและซึมซับเหงื่อได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการออกกำลังกายที่เบาลงมาหน่อยอย่างวิ่งบนลู่ เทรนนิ่ง โยคะ หรือวิ่งจ็อกกิ้ง คอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกายแอริซึ่ม (AIRism) ประกอบไปด้วย;

บราเสริมทรง (COMFORT BRA) สวมใส่สบายพอดีตัว ช่วยกระชับหน้าอกอย่างมั่นใจให้เคลื่อนตัวได้สะดวก มีแผงตาข่ายด้านข้างเพื่อการระบายอากาศ พร้อมดีไซน์ทรง Y ด้านหลังเพื่อการเคลื่อนไหวที่ดีเยี่ยม

เสื้อกล้ามเสริมบรา (RACEBACK BRA SLEEVELESS TOP) ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ให้ได้เคลื่อนไหวอย่างกระชับยิ่งขึ้น

เสื้อกล้าม (AIRism TANK TOP) เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกายเบาๆ ไม่ว่าจะวิ่งบนลู่ เทรนนิ่ง หรือโยคะ

เสื้อแขนสั้นแอริซึ่ม (ROUND NECK SHORT SLEEVE T-SHIRT) ที่ให้สัมผัสที่แห้งและเย็นสบายตลอดการสวมใส่แม้เวลาที่มีเหงื่อออก ให้ความรู้สึกคล้ายผ้าคอตตอน ทำให้กระฉับกระเฉง คล่องตัวตลอดทั้งวัน

เสื้อฮู้ดแอริซึ่ม ยูวีคัท (AIRism FULL-ZIP LONG SLEEVE HOODIE UV CUT) ดีไซน์สปอร์ต เบาสบาย เพิ่มความพิเศษสำหรับคุณผู้หญิงด้วย UV Cut ป้องกันรังสียูวีเหมาะสำหรับใส่ทำกิจกรรมเอ้าท์ดอร์


กางเกงยืดและเลกกิ้งแอริซึ่ม (AIRism PANTS and LEGGING) เพิ่มความยืดหยุ่นช่วยให้สวมใส่สบายทั้งแบบกางเกงผ้ายืดที่ให้ความยืดหยุ่นได้ดีเยี่ยม ดีไซน์ทันสมัยพอดีตัว สามารถสวมใส่ออกกำลังกาย หรือลำลองในวันสบายๆ เลกกิ้งแอริซึ่ม มีให้เลือกทั้งแบบครอปสี่ส่วนและแบบเต็มตัว ดีไซน์เอวสูงให้ได้กระฉับกระเฉงในทุกกิจกรรมแบบไม่ต้อง มีเทคโนโลยี UV Cut ช่วยป้องกันผิวสาวๆ จากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ท พร้อมสัมผัสเย็นสบาย สดชื่น
นอกจากนี้ยูนิโคล่ยังเชิญชวนทุกๆ คนร่วมกิจกรรม UNIQLO RUN งานวิ่งที่มีความเป็นญี่ปุ่นที่สุดในประเทศไทย ที่ทุกคนรอคอย ซึ่งยูนิโคล่จัดขึ้นเป็นปีที่สอง ให้ทุกคนได้ออกกำลังกาย พร้อมทดสอบประสิทธิภาพของเสื้อผ้าออกกำลังกาย UNIQLO SPORT ท่ามกลางกลิ่นอายบรรยากาศแบบญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2560

 

ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2560
เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป เหล่านักวิ่งทั้งหลายสามารถเลือกวิ่งได้สองระยะทางคือ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร ในราคา 790 บาท พร้อมร่วมเพลิดเพลินไปกับ Food Truck อาหารและขนมสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง จำกัดผู้ร่วมกิจกรรมเพียง 2,000 คนเท่านั้น!

ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
(ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี) โดยผู้สนใจสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ www.uniqlorun.com

เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ
โรงหนังหรู จับตรงจุด ยึดกลยุทธ์พันธมิตรขยายฐานผู้ชม ปีนี้เพิ่มอีก 3 ราย

ล่าสุดพร้อมรับส่งผู้ชมผ่านบริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท คาดส่งยอดขายตั๋วผ่านพันธมิตรทะลุ 60% ของยอดตั๋วทั้งหมด
มั่นใจทั้งปีรายได้รวมโตง่ายๆ อีก 10%

นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท  เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า  ภาพรวมรายได้ของโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีนฯ ในปี 2560 นี้เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ พันธมิตรจากเดิม 8 ราย ปีนี้จะเพิ่มอีก 3 ราย, สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี เปิดให้บริการครบทุกพื้นที่ เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้น  และรายชื่อภาพยนตร์เข้าฉายในปีนี้เป็นหนังทำเงินค่อนข้างมาก

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทำการตลาดหนักกว่าปีนี้เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้มากขึ้น ส่งผลให้ปีก่อนมีการเติบโตถึง 18% แต่ในปีนี้จากฐานผู้ชมและพันธมิตรที่ดีขึ้น
รูปแบบการทำตลาดทำได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน บวกกับปัจจัยบวกต่างๆ จึงทำให้ปีนี้การเติบโต 10% มีความเป็นไปได้สูงมาก ส่วนสำคัญมาจากกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียมที่มีกำลังซื้อและยังพร้อมใช้จ่ายกับการชมภาพยนตร์ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม

รูปแบบการจับมือกับพันธมิตรเพิ่มมูลค่าบริการพิเศษให้แก่ลูกค้า ถือเป็นรายได้ที่บริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ปีนี้บริษัทมุ่งจับมือกับพันธมิตรอีกอย่างน้อย 3 ราย ในกลุ่ม ยานยนต์, ไอศกรีม แลอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มโรงพยาบาล ในระดับพรีเมียม มั่นใจว่าจะทำให้ยอดตั๋วหนังที่เกิดจากพันธมิตรยังมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60% และอีก 40% มาจากการเข้ามาซื้อที่หน้าโรงเช่นปีที่ผ่านมา จากปกติต่อเดือนจะจำหน่ายตั๋วหนังได้ราว 8,000 ที่นั่ง ปีนี้จะเพิ่มเป็น 10,000 ที่นั่ง หรือเฉลี่ยต่อโรงมียอดเข้าชมที่ 40% จากราคาตั๋วหนังตั้งแต่ 900-1,400 บาท กับโรงภาพยนตร์ 5 โรง รวม 208 ที่นั่ง และกำลังพยายามเพิ่มอีก 20 ที่นั่ง

ล่าสุดปีนี้ได้จับมือกับบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด รุกทำตลาดรูปแบบมูฟวี มาร์เกตติ้ง เปิดตัวแคมเปญ World Class Experience by Jaguar Land Rover X Embassy Diplomat Screens

ร่วมมือระหว่างยนตรกรรมระดับโลกรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์กับโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิโพลแมทสกรีน ให้บริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท  รับส่งลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มลูกค้า VIP   ซื้อบัตร Embassy Gift Card มูลค่า 12,000 บาท  รวมถึงทำมูฟวี มาร์เกตติ้งในรูปแบบต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นนำเสนอสื่อโฆษณาแนวสร้างสรรค์ โปรโมชันส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ตลอดทั้งปี

จากแผนในปีนี้ที่จะเน้นทำ CRM มีการทำดาต้าเบส แมเนจเมนต์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอย่างมีระบบเพื่อให้ลูกค้าประทับใจการให้บริการแบบเพอร์ซันนัลลิสต์เซอร์วิส โดยแต่ละเดือนจะมีโปรแกรมสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยโปรแกรม Because you’re special!

ใน ขณะเดียวกัน จากกระแสดิจิตอล ดิสรัปทีฟ จึงมีการอินทิเกรตสื่ออนไลน์ออฟไลน์ นำเสนอช่องทางและรูปแบบสื่อสารมัลติ  แพลตฟอร์ม ที่สามารถสร้าง Brand Excitement ให้กับสินค้าของลูกค้า  เชื่อว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมโตขึ้นอย่างน้อย 10% มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 65-70% มาจากตั๋วหนังและเครื่องดื่ม 30%มาจากสปอนเซอร์และโฆษณา และอีก 5% มาจากงานอีเวนต์ที่จัดในโรงภาพยนตร์

ขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีจาก Guardian System

เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System
ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะ

สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี อุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง เพื่อการรณรงค์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

และอีกหนึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัย  บริษัท  เกียรติธนาขนส่ง  จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) รุกก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด บริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง
ผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีจาก Guardian System ประเทศออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมแนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT  ตั้งเป้าเติบโตรวม 10%  ในปีนี้

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์ และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษในประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ก่อตั้ง บริษัท เคจีพี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 62.5 ล้านบาท เป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มเกียรติธนาขนส่ง เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเติบโต พร้อมทั้งพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่กับการเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมุ่งยกระดับมาตรฐานการขนส่งของประเทศสู่มาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัย

KIAT กำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เติบโตรวม 10% ในปี 2560 นี้
และตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจใหม่

นอกเหนือจากการเติบโตจากธุรกิจหลักในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นโลจิสติกส์และการขนส่งวัตถุอันตราย และสินค้าพิเศษ ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัท เคจีพี จำกัด ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันเรื่องการขับขี่ปลอดภัยโดยตรง โดยเฉพาะกับรถบรรทุกขนส่งที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงสุด” นายคีรินทร์กล่าว
เกียรติธนาขนส่ง รุกขยายธุรกิจ ตั้งบริษัทลูก ลุยธุรกิจโซลูชั่นขับขี่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี

ย้ำอุบัติเหตุกว่า 70% มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถ
เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ Guardian System ป้องกันอุบัติเหตุด้วยเทคโนโลยี

กล้องอัจฉริยะพร้อมระบบเตือนภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ได้ผลจริง
ล่าสุด บริษัท เคจีพี จำกัด ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าและเทคโนโลยีทั้งหมดจาก Guardian System
แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Guardian System เข้ามาทำตลาดในประเทศ เพื่อเป็นการนำร่องในธุรกิจขับขี่ปลอดภัยของบริษัทในกลุ่ม KIAT โดยระบบดังกล่าวเป็นโซลูชั่นป้องกันอุบัติเหตุ

ตั้งแต่ในห้องโดยสารของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ KIAT คาดหวังว่าระบบดังกล่าว จะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบการขนส่งบนท้องถนนในประเทศและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งในทุกภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด

ทางด้าน นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคจีพี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขนส่งสินค้าบนท้องถนนมีความปลอดภัยนั้น
นอกจากความพร้อมในด้านตัวรถที่ต้องมีมาตรฐานสูงแล้ว ผู้ขับขี่รถ ยังถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ บนท้องถนน ซึ่งจากข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่ากว่า 70 % ของสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ได้แก่ การขับรถเร็วเกินกำหนด การละสายตา การหลับใน และสาเหตุอื่น ๆ
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การควบคุมชั่วโมงการขับขี่และการพักผ่อน การจัดหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย นโยบายหยุดงาน การย้ำเตือน การสุ่มตรวจ รวมถึงการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์ GPS และ กล้อง IVMS ซึ่งยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุที่ผู้ขับขี่ได้ บริษัท เคจีพี จำกัด จึงได้นำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System เข้ามาแนะนำให้กับผู้ประกอบการ หลังจากได้ทดลองใช้จริงกับรถขนส่งทุกคันของ KIAT เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานการขับขี่ปลอดภัยของรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อการขนส่งของประเทศ เพื่อความปลอดภัยให้กับคนในภาคอุตสาหกรรมขนส่งในประเทศและสังคมโดยรวม” นายเมฆกล่าว

นายเมฆ กล่าวต่อ เบื้องต้น บริษัทฯ ได้แนะนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จาก Guardian System ซึ่งเป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถบรรทุกด้วยเทคโนโลยี โดยระบบดังกล่าวประกอบด้วย กล้องจับสายตาของผู้ขับขี่ กล้องส่องถนน อินฟราเรท กล่องรับสัญญาณ มอเตอร์สั่นใต้ที่นั่งผู้ขับขี่ และกล่องประมวลผล ชุดอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในห้องโดยสารของผู้ขับขี่นี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่แบบ Real Time ตลอดเวลาของการขับขี่ ด้วยการสื่อสารผ่านดาวเทียมส่งข้อมูลและบันทึกภาพเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่ตลอดการปฏิบัติหน้าที่แบบ Real Time ซึ่งจะมีการตรวจสอบและประมวลผลตลอดเวลา ทันทีที่ตรวจพบเหตุการณ์ที่จะ

นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการละสายตาหรือการเหนื่อยล้า หรือการหลับในของผู้ขับขี่ ระบบจะส่งสัญญาณไปที่มอเตอร์ให้ทำการสั่นเตือนจากใต้ที่นั่งของคนขับพร้อมส่งเสียงเตือนผู้ขับขี่ ในขณะเดียวกัน ระบบก็จะส่งรายงานเหตุการณ์ไปยัง SafeGuard Center ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการกลางของ Guardian System เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ก่อนส่งกลับมาให้ผู้ประกอบการที่ใช้ระบบดังกล่าว โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ จะใช้เวลาทั้งหมดเพียง 2 นาที โดยที่ทีมงานบริหารการขนส่งของผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบรถบรรทุกทุกคันของบริษัทผ่านการเชื่อมต่อทาง Internet ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การนำระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มาใช้นี้ นับเป็นการมีส่วนสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานธุรกิจการขนส่งในประเทศสู่ระดับสากล ขับเคลื่อนให้ธุรกิจขนส่งไทยเติบโตบนรากฐานความมั่นคงอย่างยั่งยืน

ระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ จาก Guardian System มีให้เลือกใช้บริการ 2 รูปแบบ คือ การซื้อระบบ หรือ การใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน
กรณีซื้อระบบ ราคาอุปกรณ์เริ่มต้นที่ 59,500 บาท ต่อคัน และมีค่าใช้บริการโปรแกรม SafeGuard เดือนละ 2,000 บาทต่อคัน

กรณีใช้บริการระบบประจำแบบรายเดือน ราคาค่าใช้บริการอุปกรณ์และค่าใช้บริการโปรแกรม Safe Guard ราคาเริ่มต้นเดือนละ 4,500 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเบอร์โทรศัพท์ 0-2501-7330-8

Spice Up Thailand 2017

ทีเส็บ จับมือ วีซ่า และ ททท.
เปิดตัวโครงการ
Spice Up Thailand 2017
กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ผ่านการตลาดดิจิทัล

ทีเส็บ หรือ สำนักงาน ส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ ( องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท
ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ Spice Up Thailand 2017 (สไปซ์ อัพ ไทยแลนด์ 2017) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบอภิสิทธิ์สุดพิเศษให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ อาทิ ส่วนลดสำหรับที่พักโรงแรม 10% ส่วนลดสำหรับบริการ รถเช่ารับ-ส่งสนามบิน 50% คูปองส่วนลด  สำหรับการช้อปปิ้ง 500 บาท ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร 25% และส่วนลดค่ากรีนฟีสนามกอล์ฟ 50% เป็นต้น จากโรงแรม,สปาและโปรแกรมแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ, ช้อปปิ้ง,  ร้านอาหารต่างๆ, กอล์ฟ, บริการรับส่งและเช่ารถจากสนามบิน, บริการรถลีมูซีน, Tourist SIM Card และแพ็กเกจห้องประชุม เป็นต้น

 

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า”การส่งเสริมธุรกิจไมซ์ผ่านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีเส็บใช้เป็นช่องทางกระตุ้นตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริม Digital Economy (ดิจิตอล อีโคโนมี่) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจระดับมหภาค ทีเส็บดำเนินงานแคมเปญ Spice Up Thailand ร่วมกับ 5 พันธมิตร เพื่อกระตุ้นตลาดไมซ์ในต่างประเทศ สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นเวลาถึง 3 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเป้าหมายหลักอย่างตลาดไมซ์เอเซียและกลุ่ม CLMV

คุณสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนงานไมซ์ 46 งาน จาก 16 บริษัทของผู้จัดงาน ลงทะเบียนร่วมแคมเปญฯ  มีจำนวนการแลกรับคูปอง ( Redeem Coupon ) ประมาณ 43,000 ครั้ง สามารถสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ กว่า 20 ล้านวิว  โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับของการแลกรับได้แก่ ร้านอาหารช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวสปา และบริการรถเช่ารับ-ส่งสนามบิน ด้านนักเดินทางกลุ่มไมซ์  ที่มียอดการแลกรับคูปองเพื่อใช้สิทธิพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆ ของแคมเปญสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์เวียดนาม  สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง  ปากีสถาน ออสเตรเลีย แอลจีเรียและไทย  และในปี 2017 นี้ แคมเปญ Spice Up Thailand ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จัดงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโครงการ
กว่า 60 งาน ”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า
“ทางวีซ่าได้คัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกรวมทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยด้วยโดยสิทธิพิเศษในปีนี้มีทั้งรับฟรีของสมนาคุณหรือบัตรกำนัลและส่วนลดสูงสุดถึง50%, จากร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสปา/wellness สนามกอล์ฟบริการรถรับส่ง รถเช่า สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการและที่พิเศษเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ทุกครั้งที่จองโรงแรมในประเทศไทย ผ่าน www.booking.com/visain และชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าจะได้รับคูปองส่วน
ลดคิง-เพาเวอร์มูลค่า7% จากราคาที่จองทุกรายการ นอกจากนี้
วีซ่าได้ร่วมกับ Thai Travel Center (ไทย ทราเวล เซ็นเตอร์) และ
Asia-Discovery (เอเชีย ดิสคัฟเวอรี่) เสนอทางเลือกให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่ต้องการพักผ่อนต่อ และสามารถเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆในประเทศไทยในราคาพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆซึ่งนอกจากสิทธิพิเศษในฐานะนักเดินทางไมซ์โดยเฉพาะแล้ววีซ่ายังมีโปรแกรมสิทธิพิเศษ อีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งคนไทยและต่างชาติรวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับนักเดินทางไมซ์ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถิติการ
ใช้สิทธิพิเศษสูงเป็นอันดับแรกในปีที่ผ่านมา”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย
คุณนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า
“ในภาคอุตสาหรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้ว ยังใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ด้วย  ททท. จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ Spice Up Thailand 2017 เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ และช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมอีกด้วย”

คุณอรอนงค์ สุดกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และวิเคราะห์การตลาด บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรมดาวน์โหลดคูปอง privilege จาก โครงการ Spice Up Thailand  ให้มากยิ่งขึ้น ทีเส็บ
จึงได้จัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ Plan More, Enjoy More (แพลน มอร์, เอ็นจอย มอร์) ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรม  ออกแบบแผนการเดินทางของตนเอง และแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียทาง
Facebook  (เฟซบุ๊ก) หรือ
Twitter Hashtag #PlanMoreEnjoyMore #SpiceUpThailand

ผู้ที่ได้ยอด Like & Share มากที่สุด จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศจากสายการบินไทย 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (โดยจะต้องเป็นประเทศที่
มีเส้นทางบินของสายการบินไทยเท่านั้น ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้น ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2560

ทั้งนี้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถรับสิทธิประโยชน์จากโครงการได้อย่างสะดวกด้วยการลงทะเบียน และดาวน์โหลด Spice Up Privilege Coupon ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ
www.spiceupthailand.com หรือรับSpice Up Privilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้างาน และแสดง Spice Up Privilege เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากบริการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เดือนนี้-ธันวาคม 2560
สอบถามและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.spiceupthailand.com


งานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ Spice up Thailand 2017
ในงานได้รับเกียรติจาก สริตา จินตกานนท์, ธวัชชัย กิตติศรีบูรณ์กุล, สุริพงษ์ ตันติยานนท์, นพดล ภาคพรต, มาลี โชคล้ำเลิศ และ อรอนงค์ สุดกังวาล มาร่วมงาน  ณ ห้องบอลลูม โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก เมื่อเร็วๆนี้

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 เวลา 18.00-20.00 น.
โครงการ จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom ชั้น 8 โรงแรม Sofitel So Bangkok สาทร

 

 

 

Beauty Industry Networking Night

สภาอุตสาหกรรม ร่วมกับ อิมแพ็ค
จัดงาน 
Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 

 

ตอบรับตลาดความงามมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาทโตสวนกระแสเศรษฐกิจสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอินฟอร์ม่า เอ็กซิบิชั่น เตรียมจัดงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 หรืองานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตรตอบรับตลาดความงามและเครื่องสำอางที่มีมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจติดอันดับ 1 ใน10 ของโลกในช่วง3-5 ปี โดยงานจัดขึ้นวันที่21-23 กันยายน 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศรวม650 บูธกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมผู้ร่วมเจรจาธุรกิจและชมงานกว่า 20,000 รายจากทั่วโลก สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอด 3 วันของการจัดงานสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ1,750 ล้านบาท

นายเชิญพร เต็งอำนวยรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมพยายามสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถในด้านการตลาด การค้าและการลงทุน การสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็ง โดยในปีนี้การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมฯเชื่อว่างาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017(BBAB2017) จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายหลักในการส่งเสริมผู้ค้ารายย่อยและพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตไทยให้สามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ

นางเกศมณีเลิศกิจจารองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกล่าวว่าอุตสาหกรรมความงามของโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง มาจากประชากรวัยทำงานอันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคด้านสุขภาพและความงามได้รับความนิยมมากขึ้นจากความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในวัยที่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพมีมูลค่าตลาดในประเทศสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกสามารถทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12แสนล้านบาทส่วนในเวทีโลกไทยครองอันดับที่ 17ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ส่วนในเอเชียไทยครองอันดับ 2 และรั้งอันดับ 1 ในระดับอาเซียนอีกด้วย

นายธนวัฒน์ เรืองเทพรัชต์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยกล่าวว่า สถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยหรือ inFASHเป็นสมาชิกกับองค์กรกลางชื่อ อินเตอร์คัลเลอร์ ผู้ดำเนินการจัดการประชุม INTERCOLOR เวทีที่ประเทศชั้นนําด้านการออกแบบของโลกรวมตัวกันเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสีวัสดุและเทรนด์การออกแบบในอนาคต ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลการวางตลาดของสินค้าเป็นระยะเวลา 24 เดือน เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจของการออกแบบในหลายอุตสาหกรรม เช่น แฟชั่นสิ่งทอ เครื่องสําอาง การตกแต่งบ้าน ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นสำหรับ inFASH อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และด้วยองค์ความรู้เหล่านี้สถาบันฯ จึงเข้าร่วมในงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ต่อเนื่องเป็นครั้งสอง จัดสัมมนา“Beyond Beauty Trends Conference” ร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องสี วัสดุ และเทรนด์ในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม อีกทั้งยังร่วมเปิด “Beau Tech – Incubation Zone” เพื่อส่งเสริมให้ผลงานของนักศึกษาเป็นที่รู้จักและสามารถต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย
ด้านนายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์จำกัดกล่าวถึงการจัดงานBeyond Beauty ASEAN-Bangkok ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียนจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4เพื่อผลักดันธุรกิจสุขภาพและความงามให้ก้าวไกล ขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดความงามในปัจจุบันพร้อมโชว์ศักยภาพของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง โดยในปีนี้มีการเปิดตัวโซนสปาและสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดความงาม อีกทั้งยังสานต่อความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทคินเท็กซ์ ผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าจากประเทศเกาหลี นำทัพผู้ประกอบการด้านความงามจากเกาหลีกว่า 250รายร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นปีที่ 2 พร้อมกันนี้ ยังจัดสัมมนาวิชาการให้ความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและแฟชั่นการประชุม ASEAN RETAIL BEAUTY SUMMIT การสัมมนาเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับการสักบนผิวหนังเพื่อความงาม ตลอดจนcentdegrésบริษัทออกแบบระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิ จีวองชีแอร์เมสลองแวงและคาร์เทีย เป็นต้น

สำหรับงาน BBABซึ่งผ่านการรับรองมาตราฐานการจัดงานนิทรรศการจาก UFI หรือสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก โดยในปีที่ผ่านมาได้รับสองรางวัลภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Show หรือ ART Campaign ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ในสาขา Bestof ASEAN Rising Trade Show และ Best of Highest Growth of ASEAN Pavilion เป็นการการันตีถึงคุณภาพของงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ได้เป็นอย่างดีทางคณะผู้จัดฯ จึงมุ่งหวังให้ BBAB 2017จะประสบผลสำเร็จและเป็นจุดนัดพบสำหรับคนในแวดวงอุตสาหกรรมความงามได้พบปะและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่คนในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม

อนึ่งงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2017
จัดขึ้นในวันที่ 21 – 23 กันยายน 2560
ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.beyondbeautyasean.com

 

เผยโฉมครั้งแรก ม้าลำพอง LaFerrari Aperta มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี
เฟอร์รารี่ในประเทศไทย

Ferrari 70th
Anniversary Celebration in Thailand

พร้อมเผยโฉมครั้งแรกของสุดยอดม้าลำพอง LaFerrari Aperta เพื่อสร้างปรากฏการณ์อันตื่นตาตื่นใจกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของรถซูเปอร์คาร์ลักชัวรี่ระดับตำนานแบรนด์ เฟอร์รารี่ จากสนามแข่งสู่ท้องถนน มุ่งตรงสู่ประเทศไทย พร้อมร่วมเฉลิมฉลองความมุ่งมั่นในวาระครบรอบ 70 ปี  การเผยโฉมของแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ ม้าลำพอง ทั่วโลก

คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธาน กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์

ในปี 2017 กว่า 60 ประเทศทั่วโลกจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและมอบประสบการณ์แปลกใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Driven by Emotion” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ เฟอร์รารี่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการมอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและเติมเต็ม สไตล์ที่โดดเด่นของเฟอร์รารี่ หรือนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับรถแต่ละรุ่นตลอด 70 ปีที่ผ่านมา

สำหรับในประเทศไทยจะมีการจัดงาน Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand  สุดยอดอลังการในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560
ณ อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยมี คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธาน กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และคุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บ. คาวาลลิโน มอเตอร์ จก.ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด

คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์  จำกัด กล่าวถึง  วัตถุประสงค์ของการจัดงาน Ferrari 70th Anniversary Celebration in Thailand ครั้งนี้ว่า ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของเฟอร์รารี่ ทั้งยังเป็นยานยนตร์สายพันธ์ Racing DNA ตัวจริง เพียบพร้อมไปด้วยความหรูหรา สมรรถนะ และสุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกกับ “เฟอร์รารี่” ทำให้วันนี้รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศอิตาลี กลายเป็นยนตรกรรมในฝันตั้งแต่ปีแรกจวบจนปีที่ 70 แห่งการเฉลิมฉลองในปีนี้ก็ยังคงอยู่ในหัวใจของแฟนม้าลำพองทุกคน

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้  นับว่าเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของเมืองไทยในการรวมตัวกันของสุดยอดรถเฟอร์รารี ที่จะร่วมขบวนมุ่งไปยังอุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยความงดงามและทรงคุณค่าแห่งตำนานในงานศิลปะที่คงทนผ่านกาลเวลาจวบจนถึงปัจจุบันจนเป็นที่ประจักษ์ดั่งเช่นมรดกโลก และอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ จึงเป็นสถานที่
อันทรงคุณค่าเฉกเช่นเดียวกับความเป็นสุดยอดซูเปอร์คาร์นั่นเอง

สำหรับวาระการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ คาวาลลิโน  มอเตอร์  พร้อมเผยโฉมไฮไลท์พิเศษสุดยอดม้าลำพอง LaFerrari Aperta  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี โดยรถซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ผสมผสานคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเข้ากับประสบการณ์ของการขับรถเปิดประทุน เป็นรถพลังงานไฮบริดชนิดเดียวกับรุ่นคูเป้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำเลิศ ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สไตล์ และความพิเศษ คือหัวใจของเฟอร์รารี่ และทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติที่สะท้อนผ่านรถยนต์รุ่นพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระนี้โดยเฉพาะ LaFerrari Aperta เป็นรถรุ่นลิมิเต็ด เอ็ดดิชั่น  มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ที่ผลิตมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษเพียง 209 คันทั่วโลกเท่านั้น และสำหรับในประเทศไทย ผู้ที่ได้มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของ มีเพียง 1 คันเท่านั้น

คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ในฐานะตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และสุดยอดดีลเลอร์เจ้าของรางวัล  “South East Asia Dealer of the Year” ในปี 2014 และ ปี 2015 และรางวัล  “Showroom of the Year” ปี 2015 รวมถึงรางวัล “Sales of the Year” ปี 2016 ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี แบรนด์เฟอร์รารี่ โดยเฟอร์รารี่ ในประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่ได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระสุดพิเศษนี้ โดยเชิญชวนเจ้าของรถเฟอร์รารี่ทั่วประเทศไทย

70 คัน ร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนขบวนคาราวานสุดยอดม้าลำพองจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมงานเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรม LaFerrari Aperta ในบรรยากาศสุดอลังการ โดยกิจกรรมคาราวานรถเฟอร์รารี่ดังกล่าวถือเป็นการรวมสุดยอดซูเปอร์คาร์ระดับตำนานสัญชาติอิตาลี ถึง 70 คัน ร่วมขับเคลื่อนขบวนสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน

ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี  เฟอร์รารี่   นอกจากงาน  ที่จะจัดขึ้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัด พระนครศรีอยุธยาแล้ว คาวาลลิโน มอเตอร์
ยังขอเชิญชวนแฟนพันธุ์แท้เฟอร์รารี่และคนรักรถซูเปอร์คาร์ทั้งหลาย ร่วมยลโฉม LaFerrari Aperta สัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี สุดยอดการดีไซน์ของยนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกของม้าลำพอง เฟอร์รารี่ รถสปอร์ตสุดหรูจากอิตาลีที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน

ที่ศูนย์การค้าพารากอน ชั้น Crystal Court M
ระหว่าง วันที่ 26-29 มีนาคม ศกนี้
ร่วมพิสูจน์ความล้ำสมัยของเฟอร์รารี่ได้แล้ววันนี้
ที่ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด
ตัวแทนจำหน่าย และซ่อมบำรุงรถยนต์ เฟอร์รารี่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

สอบถามรายละเอียด เฟอร์รารี่
เพิ่มเติมได้ที่  02-319-6109
อีเมล info@cavallino.co.th
เว็บไซต์ www.bangkok.ferraride alers.com

ทริปนี้ ไม่ไปไม่รู้ ชมการแข่งขันฟุตซอลท่าทรายแชมเปี้ยนชิพ จ.สมุทรสาคร

ศิลปินดาราจาก RS ALL TEAM พร้อมแล้วกับการแข่งขันฟุตซอล ท่าทรายแชมเปี้ยนชิพครั้งที่ 5 

ทริปนี้ไปที่ เมืองสามน้ำ ท่าฉลอม ไม่ไปไม่รู้ ..
การเดินทางไปยังเมืองท่าสมุทรสาครครั้งนี้ เพื่อร่วมชมพิธีปิดการแข่งขันฟุตซอลท่าทรายแชมเปี้ยนชิพ ที่ยิ่งใหญ่  และชมฟุตซอลทีมศิลปิน RS ปะทะ ทีม VIP จ.สมุทรสาคร  จัดขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2560  โดยการเชิญของพีอาร์สาวสวย คุณพาขวัญ ปิ่นทอง  (ปู)  แล ะทีมงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย จ.สมุทรสาคร



การเดินทางจาก กรุงเทพ 10 โมงเช้า มุ่งหน้า จังหวัดสมุทรสาคร จุดหมายแรก นมัสการ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจชาวมหาชัย) ต่อด้วยชมความงดงาม ของ ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร

ศาลหลักเมือง จังหวัดสมุทรสาคร  เป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทย และเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ประชาชนทั่วไป การสักการะเชื่อว่าหลักเมืองมีเทพยดาสิงสถิตย์  คอยปกปักษ์รักษา  มีอานุภาพที่จะดลบันดาลให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข มีความรุ่งเรืองสถาพรตลอดกาลปาวสาน

นมัสการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร (เจ้าพ่อวิเชียรโชติ)

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร หลังปัจจุบันเป็นอาคารเก๋งจีน ที่มีความสวยงามพร้อมตกแต่งอาคารทั้งภายในและภายนอกอาคาร  ด้วยศิลปะแบบจีน

เดินทางต่อ ต่อด้วยชมความงดงาม ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร

ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร

มื้อเที่ยงแวะ รับประทานอาหารกลางวัน ร้านนี้แนะนำอาหารอร่อย เจ้าของร้านมีฝีมือจริงๆ ราคาเป็นมิตร อร่อยคุณภาพ ราคาแบบบ้านๆ ริมเขื่อน อากาศเย็นดี  ที่นี่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย อร่อยมาก คนเยอะเต็มทุกโต๊ะ ใครมาแถวนี้ต้องห้ามพลาด ณ ร้านเจ๊ไพร ท่าฉลอม อิ่มกับอาหารมื้อกลางวันสุดอร่อยแล้ว ไปต่อที่ บ้านดอนไก่ดี หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่หลายคนยังไม่เคยมา

บรรยากาศ บริเวณ ร้านเจ๊ไพร ท่าฉลอม

หนูเล็กเบญจรงค์(หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี). 34 หมู่ 1 ตำบลดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครสถานีต่อไป ต่อที่ บ้านดอนไก่ดี หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งโครงการของที่นี้ หมู่บ้านดอนไก่ดี เห็นถึงความสำคัญของศิลปะไทย โดยสร้างโฮมสเตย์บ้านดอนไก่ดี เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและอยากเรียนรู้ฝึกฝนศิลปะไทยแหล่งผลิตเบญจรงค์ฝีมือเยี่ยม ชาวบ้านที่นี้มีอาชีพทำเบญจรงค์ จนได้ชื่อว่าหมู่บ้านเบญจรงค์

เดินชมวิถีชีวิต แบบสมดุล ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ บ้านเก่าของคนท่าฉลอม เครื่องเบญจรงค์  เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และปัจจุบันมีชื่อเสียง จนกลายเป็น  สัญลักษณ์ที่ประสานกัน ระหว่างเครื่องถ้วยกับรูปไก่ ซึ่งมาจากชื่อหมู่บ้าน

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตซอล ท่าทราย แชมป์เปียนชิพ ครั้งที่ 5

ด้วยวิถีชีวิต แบบสมดุล ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ บ้านเก่าของคนท่าฉลอม เครื่องเบญจรงค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ประสานกัน ระหว่างเครื่องถ้วยกับรูปไก่ ซึ่งมาจากชื่อหมู่บ้าน

ช่วงบ่าย ตามกำหนดการเดินทาง สู่ตำบลท่าทราย ที่ สนามกีฬาท่าทราย ต้านยาเสพติดคลองครุ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตซอล ท่าทราย แชมป์เปียนชิพ ครั้งที่ 5 ต้ายภัยยาเสพติด   ชิงถ้วยรางวัลของ  ร้อยตำรวจโทอาทิตย์ บุญญะโสภัต  อธิบดีกรมการปกครองและชิงถ้วยของ  นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยมี  นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย ข้าราชการ  ผู้บริหาร พนักงาน องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย และ  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน และประชาชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก  หลังจากพิธีเปิดเสร็จสิ้น ก็เป็นการแข่งขันฟุตซอลคู่พิเศษ  ระหว่างทีม  VIP  สมุทรสาคร นำโดยนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กับทีมรวมดารา นักแสดงจากค่าย RS ออลสตาร์



นายสิริบูรณ์ ทองบางเกาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย กล่าวว่า การแข่งขันฟุตซอล ท่าทราย แชมป์เปียนชิพ ครั้งที่ 5 ต้ายภัยยาเสพติด จะจัดระหว่างวันที่ 3-12 มีนาคม 2560 ที่สนามกีฬาท่าทราย  ต้านยาเสพติดคลองครุ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำหนดจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 5 ประเภท  ได้แก่

1.ประเภทเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 12 ปี
2.ประเภทเยาวชนชายอายุไม่เกิน 14 ปี
3.ประเภทเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 16 ปี
4.ประเภทหญิงทั่วไป
5.ประเภทประชาชนทั่วไป

การจัดงานมีวัตถุประสงค์  เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก  และเยาวชนให้มีความสามารถทางด้านกีฬาฟุตซอล มีสถานที่ในการแสดงออกทางด้านกีฬารู้จักการเล่นที่ถูกวิธี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และสร้างพื้นฐานการเป็นนักกีฬาที่ดีให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนตลอดจนการต่อต้านยาเสพติด

ประทับใจการจัดสถานที่และ ระเบียบในบริเวณการจัดงาน  ของทีมงาน  องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย จ.สมุทรสาคร Toptotravel  ต้องขอขอบคุณที่จากใจจริง ที่ให้โอกาส เรียนเชิญ เข้าร่วมพิธีปิดการแข่งขันฟุตซอลท่าทรายแชมเปี้ยนชิพ ครั้งที่ 5 ที่ จ.สมุทรสาคร สุดยอดนักเตะมืออาชีพ  กับลีลาแบบ VIP ของท่านประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครกับทีมศิลปินหญิงจากอาร์สยาม ในการแข่งขันฟุตซอลท่าทรายแชมเปี้ยนชิพ แล้วพบกันใหม่ในปีหน้าค่ะ

เดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ ไวทัลลิตี้”ครั้งที่ 3

มหกรรมวิ่งสุดมันส์ กลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดา ชวนนักวิ่งสุดฮิป
มาสนุกในรูปแบบ ไนท์ รัน

งานวิ่งที่ Night run ที่สุดยอดมาก ประตูเข้างานก็จะเปิดแล้วนะคะ!
งานในปีนี้ เอไอเอ ไวทัลลิตี้ ชวนเหล่านักวิ่งมาสัมผัสประสบการณ์ Glow in the Dark ที่น่าตื่นตาตื่นใจ งานเดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ ไวทัลลิตี้ เป็นงานที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนหันมาสนใจทำกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมกับได้รับความสนุกสนาน สอดคล้องกับเป้าหมายของเอไอเอที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เอไอเอ ไวทัลลิตี้ เป็นโครงการดูแลสุขภาพแนวใหม่ ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมปัจจุบัน ทั้งการออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส โยคะ รับประทานอาหารคลีน เช่น ผัก ผลไม้ หรือแม้แต่คนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว ซึ่งสมาชิกของโครงการเอไอเอ ไวทัลลิตี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากพันธมิตร รวมไปถึงได้รับส่วนลดค่เบี้ยประกันของแบบประกันที่ร่วมในโครงการ ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่สามารถมอบทั้งความคุ้มครอง การมีสุขภาพดี พร้อมทั้งส่วนลดพิเศษแก่ลูกค้าครบภายในโครงการเดียว


นอกจากนี้ เอไอเอ ไวทัลลิตี้ ยังเตรียมกิจกรรมสนุกๆ พร้อมของที่ระลึกเก๋ๆ ไว้รอที่บูธ อาทิ Move Your Body ซึ่งเป็นการถ่ายภาพตามท่าทางที่กำหนดไว้ สำหรับคนบ้าพลังไปสนุกกันต่อที่เกมส์ต่อยมวย We Will Knock You ไม่หมดแค่นั้น ยังมี Jumpin’ Jive เกมส์กระโดดข้ามแท่งกีดขวาง และตบท้ายกับ Bicycle Race เกมส์ปั่นจักรยาน ซึ่งงานนี้ ได้ชวนสิงห์นักปั่นอย่าง “นาวิน เยาวพลกุล หรือ นาวิน ต้าร์” มาร่วมท่าประลองความเร็วในเกมส์นี้ และ “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของเอไอเอ ที่มาร่วมกิจกรรมและร่วมวิ่งไปพร้อมกับเหล่านักวิ่งกว่าหมื่นชีวิต ส่วนคนชอบถ่ายภาพห้ามพลาดบูธ Instaprinta แค่โพสต์ภาพเก๋ๆ ลงโซเชี่ยล มีเดีย พร้อมใส่ #TMRbyAIAVitality ก็มีสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลพิเศษจากเอไอเอ ไวทัลลิตี้ แน่นอน

กลับมาสร้างสีสันและความสนุกสุดมันส์ให้แก่เหล่านักวิ่งผู้มีดนตรีในหัวใจเป็นปีที่ 3 กับกิจกรรม เดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ ไวทัลลิตี้ (The Music Run™ by AIA Vitality) มหกรรมการวิ่งบนเส้นทางแห่งดนตรีสไตล์อินเตอร์แอคทีฟตลอดระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และพิเศษยิ่งกว่าทุกปีด้วยกิจกรรมการวิ่งช่วงกลางคืนเป็นครั้งแรก เพื่อให้นักวิ่งรู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนานไปกับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ทั้งวิ่ง-เต้น-เล่น-ร้องไปกับ 5 โซนดนตรี ได้แก่ ร็อค ป๊อป โอลด์สคูล ฮิปฮอป และแดนซ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงสี พร้อมสนุกสุดเหวี่ยงกับคอนเสิร์ตจากวงดนตรีสุดฮิตอย่าง Getsunova กับThe Music Run สนุก เร้าใจ ได้สุขภาพ

เดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ ไวทัลลิตี้ ปีที่ 3 ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากเหล่านักวิ่ง โดยอันที่จริงงานนี้ถูกกำหนดวันไว้ในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ปี 2559 แต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั่วประเทศเสียใจมากที่สุด ทำให้งานนี้ถูกเลื่อนมาจัดขึ้นในวันนี้ 25/2/60 คนไทยตื่นตัวกับการดูแลสุขภาพ และสนใจการออกกำลังกายมากขึ้น

มร. แซง ฮุย ลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ เอไอเอหวังว่ากิจกรรม เดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ ไวทัลลิตี้ มอบประสบการณ์การออกกำลังกายที่สนุกและแปลกใหม่ให้กับคนรักสุขภาพทุกท่าน รวมทั้งยังมอบมิตรภาพที่ดีในหมู่นักวิ่ง ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากนี้ คนไทยจะหันมาออกกำลังกายและดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเอไอเอก็ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนไทยต่อไปอย่างต่อเนื่อง

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร

รับเทรนด์อสังหาฯ ยุค 4.0 เชื่อมโยงเทคโนโลยีสู่การบริการที่เหนือกว่า

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร มั่นใจเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืน เปิดโรดแมพธุรกิจปี 60 เสริมแกร่งด้วยการทรานส์ฟอร์มองค์กรเพื่อความเป็นเลิศทั้งด้านบริการและบุคลากร สู่ยุคอสังหาฯ 4.0 ผ่านโปรเจ็กต์สำคัญ อาทิ Big Data และ Total Solution ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางโอกาสและความท้าทาย


นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า โลกก้าวส่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และ กระแสทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงสู่ดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ภาคธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้ และท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน แต่เทคโนโลยีคือพระเอกที่ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจในแง่มุมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจใช้ความได้เปรียบทางเทคโนโลยีขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจ ในขณะเดียวกันบางธุรกิจต้องปิดตัวไปเพราะไม่สามารถยืนหยัดได้ จึงมั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสมาคมโฆษณาดิจิทัลฯ ระบุว่าสื่อดิจิตอลโตไม่หยุด มูลค่าเม็ดเงินโฆษณาของปี 2559 อยู่ที่ 9,883 ล้านบาท เติบโตขึ้น 22% จากปี 2558

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้นำทางด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงได้กำหนดแผนการดำเนินงานในปี 2560 ภายใต้ยุทธศาสตร์หลักคือก้าวสู่ความเป็นเลิศทั้งด้านบริการและบุคลากรโดยการนำโซลูชั่นทางเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบ่งเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่

1. วางรากฐาน Big Data สู่การรวมศูนย์ข้อมูล ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ทำให้พลัสฯ มีฐานข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมาก (Big Data) เข้าใจลูกค้าในทุกกลุ่ม จึงเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการจัดระบบฐานข้อมูลลูกค้า โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งมีความหลากหลายและมีปริมาณมหาศาลเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ความสนใจในด้านต่างๆ ตลอดจนการพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย นำมาบริหารจัดการด้วยระบบดิจิตอล เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภค ความต้องการของผู้ซื้อ ส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ในการต่อยอดการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำ เกิดการเข้าถึงข้อมูลร่วมกัน สามารถนำข้อมูลที่มีมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับการบริการทั้งด้านงานขาย บริการหลังการขาย งานซ่อมบำรุง การให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ สามารถดูแลลูกค้าได้เหมาะสมในทุกความต้องการและทุกจังหวะเวลา

2. การขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Property Technology (PropTech) ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคดิจิตอล ผ่านการต่อยอดจากเว็บไซต์ www.plus.co.th ให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และ www.plussoleagent.com เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ ในการนำเสนอบริการให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงการดูแลผู้อยู่อาศัยผ่านแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า Home Service Application เป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการลูกบ้านในโครงการ บมจ.แสนสิริ (บริษัทแม่) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ

3. การตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มด้วย Total Solution (การบริการแบบครบวงจร) เนื่องจากปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น การบริการที่ครบวงจร ผ่านองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดเป็นสิ่งที่พลัสฯ ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลลูกค้าต่างประเทศโดยเฉพาะ อาทิ กลุ่มลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตลอดจนเป็นการสนับสนุนโครงการของแสนสิริที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศ โดยทีมพิเศษนี้สามารถให้คำปรึกษารอบด้าน ในการบริหารทรัพย์สินให้พร้อมใช้งานและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยให้คำปรึกษาทั้งด้าน การคำนวณทิศทางราคาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ดูแลจัดการด้านการปล่อยเช่า การหาผู้เช่าให้กับลูกค้า รวมถึงช่วยประสานงานกับเอเจนซี่ในต่างประเทศ ในรูปแบบ One Stop Service

“การแข่งขันในโลกธุรกิจปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ แต่เป็นการนำนวัตกรรมและไอเดียมาสร้างเป็นโมเดลธุรกิจที่เพิ่มคุณค่าและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ พลัสฯ มั่นใจว่าแผนงานดังกล่าวข้างต้น จะเป็นรากฐานที่สำคัญสู่การเติบโตในอนาคต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับเทรนด์ใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมาแรงในภูมิภาคนี้ ซึ่งแม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทกับพฤติกรรมผู้บริโภคแต่หากเรามีการพัฒนาตัวเองให้เท่าทันอยู่เสมอ และนำมาซึ่งการบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เชื่อว่าลูกค้าก็จะยังมีความต้องการใช้บริการในรูปแบบที่ต้องมีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญและไว้ใจได้ ดังนั้นเราจึงจะมุ่งมั่นจะพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เป็นบริษัทที่อยู่ในใจของลูกค้าตลอดไป”

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น คาดว่าจะพื้นตัวในครึ่งปีหลัง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หากพิจารณาในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นอีกปีที่ท้าทาย ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย ตามปัจจัยบวกจากโครงการลงทุนโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในต่างจังหวัด

“ในปีนี้ยังคงเห็นโครงการใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับบน และที่น่าสนใจคือโครงการระดับ Super Luxury จะเป็นดีมานด์เพื่อการอยู่อาศัยจริง จากแนวโน้มความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมือง สอดคล้องกับข้อมูลราคาขายโดยเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ที่มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย โดดเด่นกว่าราคาขายของโครงการพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง และพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และอีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตามองคือการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีการนำที่ดินที่มีอยู่แล้ว (Land Bank) ออกมาพัฒนาเร็วขึ้น ทั้งในโซนสุขุมวิท อโศก หรือทองหล่อ ส่วนหนึ่งคือการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมที่มีการเติบโตสูงและยังมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและลงทุนในระยะยาว” นายอนุกูล กล่าว

ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 970 ล้านบาท อยู่ในรับทรงตัวเมื่อเทียบกันปีก่อนหน้า และสอดคล้องกับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยรายได้ดังกล่าวมาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (ตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาฯ) 40% และอีก 60% เป็นรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ปัจจุบันมีโครงการที่บริหารทั้งสิ้น 188 โครงการ

เว็บไซต์ www.plus.co.th

 

นวัตกรรมที่ทำให้ Samsung อยู่แนวหน้าของโลก

นวัตกรรมสุดล้ำผสานโซลูชั่นที่ดีเยี่ยม
นิยามใหม่…ของระบบการชำระเงินในเมืองไทย

Samsung Pay แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย นวัตกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่ เปิดตัวแล้ว  “ซัมซุง เพย์”  (Samsung Pay)  ช่วยผลักดันประเทศไทยไป   สู่สังคมไร้เงินสด  (Cashless  Society)   ตามยุทธศาสตร์ National e-Payment  ของรัฐบาล โดยมีภาครัฐ  พันธมิตรทางการเงิน และร้านค้าชั้นนำเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ ผ่านสมาร์ทโฟน หลังผู้บริโภคไทยให้การตอบรับซัมซุง เพย์ อย่างดีเยี่ยม หลังเปิดให้ใช้งานในไทยเมื่อ เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งซัมซุง พร้อมจะขยายพื้นที่การให้บริการระบบซัมซุง เพย์ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เอื้อต่อการใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยยิ่งขึ้น

นายวิชัย พรพระตั้ง  รองประธานองค์กร  ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงเริ่มให้ผู้บริโภคไทยได้ใช้งานซัมซุง เพย์ ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่  ผ่านสมาร์ทโฟน ที่ใช้ง่าย ปลอดภัย ครอบคลุมมากที่สุด ตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น มาสเตอร์การ์ด วีซ่า ธนาคารกรุงเทพ กรุงศรี คอนซูมเมอร์  ธนาคารกสิกรไทย เคที ซี ซิตี้แบงก์ และธนาคารไทยพาณิชย์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุน  เพื่อให้บริการซัมซุง เพย์ ได้อย่างสมบูรณ์ จาก
ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

มิส แอล คิม รองประธานกลุ่มธุรกิจการชำระเงิน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์

นวัตกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่ เปิดตัวแล้ว  “ซัมซุง เพย์” (Samsung Pay) ช่วยผลักดันประเทศไทยไป
สู่สังคมไร้เงินสด  (Cashless  Society)   ตามยุทธศาสตร์ National e-Payment ของรัฐบาล โดยมีภาครัฐ  พันธมิตรทางการเงิน และร้านค้าชั้นนำเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ ผ่านสมาร์ทโฟน หลังผู้บริโภคไทยให้การตอบรับซัมซุง เพย์ อย่างดีเยี่ยม หลังเปิดให้ใช้งานในไทยเมื่อเดือน ต.ค.  ที่ผ่านมา
ซึ่งซัมซุง พร้อมจะขยายพื้นที่การให้บริการระบบซัมซุง เพย์ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เอื้อต่อการใช้งานของ
ผู้บริโภคชาวไทยยิ่งขึ้น
นายวิชัย พรพระตั้ง  รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงเริ่มให้ผู้บริโภคไทยได้ใช้งานซัมซุง เพย์ ระบบการชำระเงิ ปแบบใหม่ผ่านสมาร์ทโฟน ที่ใช้ง่าย ปลอดภัย และครอบคลุมมากที่สุด ตั้งแต่เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น มาสเตอร์การ์ด วีซ่า ธนาคารกรุงเทพ กรุงศรี คอนซูมเมอร์  ธนาคารกสิกรไทย เคทีซี  ซิตี้แบงก์ และธนาคารไทยพาณิชย์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุน  เพื่อให้บริการซัมซุง เพย์ ได้อย่างสมบูรณ์จากห้างสรรพสินค้า และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

นอกเหนือไปจากบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำข้างต้นแล้ว ซัมซุง เพย์ ยังรองรับ การใช้งานร่วมกับบัตรกาแล็คซี่ กิฟต์ พรีเพดการ์ดที่ซัมซุง ร่วมนำเสนอกับมาสเตอร์การ์ด รวมถึงบัตรสมาชิกของร้านค้าชั้นนำ  อีกจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ ซัมซุง เพย์ จึงได้รับกระแสตอบรับที่ดี  จากผู้บริโภคทั้งในแง่ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เพราะผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องพกเงินสด หรือบัตรเครดิตหลายๆ ใบ ลดความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม และสำคัญที่สุด ซัมซุง เพย์ ยังเป็นระบบการชำระเงินที่เข้ากับแนวคิดสังคมไร้เงินสด ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก

ซัมซุง เพย์ เป็นนิยามใหม่ของระบบการชำระเงินในเมืองไทย แม้ว่าแนวคิดกระเป๋าเงินดิจิตอล (digital wallet) จะเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศ แต่ซัมซุง เพย์ ก็ได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจากผู้บริโภค หลังจากเปิดให้บริการเพียง 4  เดือน อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า   การใช้ระบบกระเป๋าเงินดิจิตอลเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการนั้น มีข้อดีทั้งในด้านความสะดวกสบาย และปลอดภัย แต่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยมากกว่า โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้วิธีการชำระเงินผ่านระบบกระเป๋าเงินดิจิตอลมากขึ้น เมื่อมั่นใจว่าระบบกระเป๋าเงินดิจิตอลนั้น มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับที่สูงมากพอ ซึ่งระบบการรักษาความปลอดภัยของซัมซุง เพย์ นั้นได้รับการยอมรับจากพันธมิตรการเงินชั้นนำมากมายว่า มีความปลอดภัยสูงมาก และพันธมิตรทางการเงินเหล่านี้ยังยินดีมอบสิทธิพิเศษเฉพาะผู้ใช้งานซัมซุง เพย์ ถือเป็นเครื่องรับประกันได้เป็นอย่างดี

มิส แอล คิม รองประธานกลุ่มธุรกิจการชำระเงิน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ซัมซุงตั้งใจนำเสนอแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ทันสมัย รวมถึงระบบกระเป๋าดิจิตอลให้กับผู้บริโภคทั่วโลก จึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้แนะนำซัมซุง เพย์ สู่ประเทศไทย โดยใช้กลยุทธ์การนำเสนอบริการซัมซุง เพย์ ที่ออกแบบสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ซัมซุง ใช้กับตลาดประเทศอื่นๆ เช่นกัน

“เราทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อผลักดันการใช้งานระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน ที่ทั้งรวดเร็ว และปลอดภัยในประเทศไทย และเราคาดหวังว่า ซัมซุง เพย์ จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวไทยสะดวก ง่าย และรวดเร็วกว่าที่เคย”


ซัมซุง เพย์ การชำระเงินรูปแบบใหม่ผ่านสมาร์ทโฟน โดดเด่นด้วยคุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่

1.ใช้ง่าย หลังจากลงทะเบียนใช้งานซัมซุง เพย์ แล้ว เมื่อต้องการชำระเงิน ก็แค่หยิบสมาร์ทโฟนออกมา เลือกบัตรที่ต้องการ สแกนลายนิ้วมือยืนยันตัวตน และแตะสมาร์ทโฟนกับเครื่องรูดบัตร เพียงเท่านี้ก็สามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างง่ายดาย

2.ปลอดภัย อุ่นใจด้วยระบบโทเคน (Tokenization) ที่สร้างเลขบัตรดิจิตอล แทนการใช้เลขบัตรเครดิตจริงในการชำระเงิน ปลอดภัยขึ้นอีกขั้นด้วยระบบยืนยันตัวตนผ่านลายนิ้วมือทุกครั้งที่ชำระเงิน และระบบรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่ง คือ ซัมซุง น็อกซ์ (Samsung Knox) ตู้เซฟที่ช่วยปกป้องข้อมูล ตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์จนถึงซอฟต์แวร์ ซึ่งยังไม่มีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใดทำได้

3.ครอบคลุมมากที่สุด เพราะซัมซุง เพย์ รองรับเทคโนโลยี MST (Magnetic Secure Transmission) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับเครื่องรูดบัตรเครดิตที่ใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย และยังรองรับเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของระบบการจ่ายเงินอีกด้วย ไม่ว่าที่ใดที่รับบัตรเครดิต ก็รองรับซัมซุง เพย์ ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใส่บัตรเครดิตได้มากสุดถึง 10 ใบ รวมทุกสิทธิประโยชน์ในเครื่องเดียว โดยไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าสตางค์ หรือบัตรเครดิตให้ยุ่งยากอีกต่อไป

เชิญชวนคนไทย  ให้มาใช้ ซัมซุง เพย์ ผ่านการโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ซัมซุง เพย์ ไม่ใช่เพียงระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ แต่ยังเป็นไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายรูปแบบใหม่ของคนไทยที่สะดวกสบาย นอกเหนือจากนี้ กิจกรรมต่างๆ จะมุ่งให้ความรู้ด้านความปลอดภัย อีกทั้งยัง  ทำการสื่อสารการตลาด
ณ. จุดชำระเงิน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน รวมถึงการจับมือกับสถาบันการเงินต่างๆ  และ ร้านค้ารายใหม่
เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ใช้  ซัมซุง เพย์

การเปิดให้บริการ ซัมซุง เพย์  ในประเทศไทย จะมีส่วนสำคัญช่วยในการปฏิรูปประเทศ   ตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมล้ำหน้า ที่จะมาปฏิวัติการจับจ่ายของคนไทย และสร้างสรรค์สังคมรูปแบบใหม่แบบสังคมไร้เงินสด สุดท้ายนี้ ซัมซุง คาดการณ์ว่า การใช้ซัมซุง เพย์ จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างเนื่อง และซัมซุง ยังวางแผนที่จะขยายการใช้งานซัมซุง เพย์ ให้ครอบคลุมบัตรทุกรูปแบบในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น บัตรพรีเพดรูปแบบอื่น นอกเหนือจากกาแล็คซี่ กิฟต์, พรีเพดการ์ด และบัตรเดบิต