ไทยสมายล์คว้า 3 รางวัลใหญ่จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก

ไทยสมายล์คว้า 3 รางวัล ประเภทสายการบินโดยเว็บไซต์ TripAdvisor ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย, สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบิน ยอดเยี่ยมระดับโลก

สายการบินไทยสมายล์ ได้รับ 3 รางวัล ระดับโลกจาก TripAdvisor Travellers’ Choice® Awards for Airlines จากเว็ปไซต์ TripAdvisor
1) สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย (Best Airline in Thailand)
2) สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
(Best Regional Airline in Asia Pacific)
3) 1ใน10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก (World’s Best Airline – Top 10)

สายการบินไทยสมายล์ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้งด้วยการคว้า 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัลสายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย ควบอีก 2 รางวัลในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก ประจำปี 2560 ประเภทสายการบิน โดยเว็บไซต์ TripAdvisor ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดังที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ลั่นเดินหน้าพัฒนาบริการระดับเวิลด์คลาสไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของนักเดินทาง เปิดประสบการณ์ใหม่บนเส้นทางบินใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง

กัปตันวรเนติ  หล้าพระบาง  รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า

“ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่สายการบินไทยสมายล์ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในฐานะสายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย (Best Airline in Thailand) สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Best Regional Airline in Asia pacific) และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก (World’s Best Airlines – Top 10) จากการรีวิวของผู้โดยสารทั่วโลก ประจำปี 2560 ประเภทสายการบิน โดยเว็บไซต์ TripAdvisor และการที่เราได้รับถึง 3 รางวัลในปีนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึงการทำงานอย่างหนักและการทุ่มเทของพนักงานไทยสมายล์ทุกคน ทำให้เราเชื่อมั่นว่า ไทยสมายล์มีความพร้อมที่จะแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค การบริการอย่างทุ่มเทถือเป็นหัวใจสำคัญของเรา และความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ touch point ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองรางวัลนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าในทุกๆ เที่ยวบินของไทยสมายล์อีกด้วย”

ผมในฐานะตัวแทนผู้บริหารและพนักงานสายการบินไทยสมายล์ทุกคนขอขอบคุณทุกๆ รีวิวจากผู้โดยสารทั่วโลก รวมถึงความทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานไทยสมายล์ทุกคน ผมขอยืนยันว่า สายการบินไทยสมายล์จะยังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานและพัฒนาต่อยอดการให้บริการที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นสายการบินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ภายในอนาคตอันใกล้นี้


ทั้งนี้เว็บไซต์ TripAdvisor ได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย, สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก เป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชื่อดัง เปิดให้สมาชิกและนักเดินทางทั่วโลกรีวิวและให้เรตติ้งสายการบินที่ชื่นชอบ โดยครอบคลุมสายการบินหลักทั่วโลก ให้คะแนนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ตลอดระยะเวลา 12 เดือน คะแนนที่ได้รับล้วนแสดงถึงความโดดเด่นของทั้งด้านบริการ คุณภาพ และความคุ้มค่าที่ลูกค้าชื่นชอบ

สายการบินไทยสมายล์ เป็นสายการบินลูกของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจสายการบินภูมิภาคในระยะพิสัยใกล้และระยะพิสัยกลาง ภายใต้รหัสสายการบิน“WE” โดยมีเป้าหมายเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส ที่มุ่งเน้นในมาตรฐานการให้บริการที่เยี่ยมยอดควบคู่ไปกับความคุ้มค่าของราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้านักเดินทางระยะสั้น แต่ขณะเดียวกันยังคงให้ความสะดวกสบายสูงสุด สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการบริการที่เป็นเลิศ สายการบินไทยสมายล์ให้บริการด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-body Fleet) จำนวน 20 ลำ โดยมีฐานปฏิบัติการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายการบินไทยสมายล์ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการในหลากหลายมิติเพื่อสอดรับกับความต้องการของนักเดินทาง โดยปัจจุบันเรามีแนวคิดหลักในการให้บริการ คือ FLY SMART, FLY SABAI, FLY THAI SMILE.

ปัจจุบัน สายการบินไทยสมายล์ให้บริการ 10 เส้นทางภายในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงราย หาดใหญ่ อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และกระบี่ นอกจากนี้ ไทยสมายล์ยังให้บริการเส้นทางข้ามภาคระหว่างเชียงใหม่และภูเก็ต พร้อม 13 เส้นทางบินต่างประเทศสู่ เสียมราฐ, ปีนัง, ฉางซา, ฉงชิ่ง, เจิ้งโจว, คยา, พาราณสี, ชัยปุระ, ลัคเนา, ย่างกุ้ง, โคตาคินาบาลู, พนมเปญ และจิตตะกอง โดยมีแผนที่จะเพิ่มความถี่การบินในเส้นทางในประเทศและเปิดตัวเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศต่อไป

โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น Foremost Hero Station ครั้งแรกใจกลางเมือง!!!

ส่ง ฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย สงกรานต์สุข ปี 3

ร่วมเดินทางกลับบ้านกับโฟร์โมสต์ ด้วยขบวนรถโค้ชสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โฟร์โมสต์นมโคแท้ 100% อยากเห็นครอบครัวคนไทย  แข็งแรงแบบ 100% ขอชวนคนไทยทุกคนร่วมส่งฮีโร่กลับบ้าน

นมโค 100% เหมือนกันหมด จริงเหรอ?
นมโคแม้จะผลิตจากน้ำนมดิบ 100% เหมือนกัน แต่มาตรฐานการผลิตที่ต่างกัน ก็ทำให้คุณค่าและคุณภาพของนมต่างกัน โฟร์โมสต์นมโคไทย มาตรฐานเนเธอร์แลนด์อยู่คู่ครอบครัวไทยมากว่า 60 ปีโดย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ส่ง ฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทยคณะผู้บริหารและดารา ร่วมตีธงปล่อยคาราวาน โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี 3 เพื่อส่งฮีโร่ ของครอบครัวกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย

โฟร์โมสต์  ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทย  ให้มีความแข็งแรง 100%
จับมือ เกรท – วรินทร ร่วมส่ง ฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัวตัวจริงให้แข็งแรง 100%กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในแคมเปญ “โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3

ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกครอบครัวไทยจะได้มีโอกาสพบปะหรืออยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โฟร์โมสต์ จึงจับมือ “เกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์” ดาราหนุ่มยอดกตัญญู ผู้เป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง มาร่วมส่ง “ฮีโร่” ผู้เสียสละกลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ โฟร์โมสต์ ได้เนรมิต “โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น (Foremost Hero Station)” สถานีขนส่งใจกลางเมืองเป็นครั้งแรก!!! ที่มาพร้อมกับรถโดยสารปรับอากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟระดับวีไอพี ที่สะอาดเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ยังได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ รสจืด น้ำนมโคแท้ 100% มามอบให้ดื่มกันฟรีๆ ตลอดการเดินทาง เสมือนเป็นของขวัญให้ผู้บริโภคในช่วงสงกรานต์  โฟร์โมสต์ผลิตภัณฑ์นมที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า 60 ปี โดยบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผุด “โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น” (Foremost Hero Station) สถานีขนส่งใจกลางเมืองเป็นครั้งแรก!!! ที่ยกขบวนรถโดยสารปรับอากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟระดับวีไอพี สะอาด เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดเต็มกับผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ รสจืด น้ำนมโคแท้ 100% ที่มามอบให้เหล่าฮีโร่ดื่มกันฟรีๆ ตลอดการเดินทาง โดยได้จับมือ “เกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์” ดาราหนุ่มยอดกตัญญู หนึ่งในตัวแทนของความเป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง ร่วมส่งเหล่า “ฮีโร่” กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทย ในบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเอง ณ สนามมอเตอร์ สปอร์ต แลนด์

คุณพิมจันทร์  วิมุกตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์คัม
พิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม “โฟร์โมสต์” กล่าวว่า…

เพราะเข้าใจถึงความจำเป็นหลายๆ อย่าง ที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องเสียสละเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิด และบุคคลอันเป็นที่รัก เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหารายได้เพื่อที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “โฟร์โมสต์” ในฐานะผลิตภัณฑ์นมไทยมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า 60 ปี ที่มีเป้าหมายไม่เพียงแค่ต้องการที่จะสนับสนุนให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงผ่านโภชนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องการร่วมส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้แข็งแรง 100% อีกด้วย จึงขอเชิดชูความเสียสละของเหล่าฮีโร่เหล่านี้ ด้วยการสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ

คุณเกรท – วรินทร ปัญหกาญจน์ ดาราหนุ่มยอดกตัญญู ผู้เป็น “ฮีโร่” ของครอบครัวตัวจริง กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเหล่า “ฮีโร่” กลับบ้านพร้อมกันทั่วไทยในวันนี้ ด้วยความ มุมานะ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ จนทำให้ผมก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงการบันเทิงอยู่ทุกวันนี้ อาจจะทำให้ผมเป็น “ฮีโร่” ในดวงใจของใครหลายๆ คน แต่ในขณะเดียวกันความสำเร็จดังกล่าวอาจเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งนั่นก็คือ “ครอบครัว” หากไม่มีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ เป็นทั้งที่พึ่ง ให้ความอบอุ่น คอยเป็นกำลังใจ และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ก็อาจจะไม่มี เกรท – วรินทร ในวันนี้ ฉะนั้นผมจึงเชื่อว่า ครอบครัว  คือสิ่งสำคัญที่สุด พ่อและแม่คือ  “ฮีโร่”  ตัวจริง และ ครอบครัว คือ แรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้ผมกลายเป็น “ฮีโร่” ในดวงใจของคนอื่นๆ และในช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง  ผมจึงอยากขอเชิญชวนทุกๆ คน ใช้ช่วงเวลาอันมีค่า  ร่วมกับบุคคลอันเป็นที่รัก และให้ความดูแลเอาใจใส่สุขภาพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกับการสรรหาสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์กับร่างกายอย่างเช่น น้ำนมโคแท้ 100% ที่ดื่มได้ทุกคนครับ”

ในนามของ  โฟร์โมสต์ โดยบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสร้างสรรค์คุณค่าให้กับสังคมไทย เพื่อสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง และมีสุขภาพดี เราเชื่อว่าสงกรานต์นี้จะมีแต่ความสุข เมื่อทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน โฟร์โมสต์ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทยให้มีความแข็งแรง 100%” คุณพิมจันทร์ กล่าว

นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ ยังได้จัดทำไวรัลวิดีโอชวนกลับบ้านในวันสงกรานต์สุดซึ้ง ภายใต้ชื่อ ฮีโร่ ซึ่งถูกสร้างและดำเนินเรื่องราวจากเค้าโครงจริง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้สังคมฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วความแข็งแรงแบบ 100% ของสถาบัน “ครอบครัว” คือสิ่งสำคัญที่สุด เริ่มออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านช่องทาง www.facebook.com/ForemostMomTalk และ www.youtube.com/Foremostforlife

ติดตามภาพบรรยากาศกิจกรรมส่ง “ฮีโร่” ของครอบครัวกลับบ้าน
พร้อมกันทั่วไทย ในแคมเปญ “โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ForemostForLife.com/Hero
และ Foremost Family Facebook Fanpage

 

 

ร้านอาหารฝรั่งเศส อเล็กซ์ บราสเซอรี่ แอนด์ บาร์ : Alex Brasserie& Bar

เชฟ อาโนลด์ ดรูวิลล์ (Arnaud Drouvillé)
ผู้คิดค้นเมนูอาหารที่สั่นสะเทือน  วงการอาหารฝรั่งเศส

นับเป็นเวลากว่าสิบปี หลังจากการเปิดตัวของร้าน บิสโตรเมเนีย (Bistromania) ซึ่งเป็นกระแสหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ  และร้านอาหารคลื่นลูกใหม่ ย่านสุขุมวิท ซอย 11 ก็ไม่เปิดตัวใหม่ในรูปแบบร้านอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิมแนว บราสเซอรี่ (Brasserie)

ในค่ำคืนของวันที่ 5 เดือนเมษายน 2560 บนถนนสุขุมวินซอย 11 เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะต้องมาเยือนเพื่อลิ้มลองอาหารอันเลิศรสไปพร้อม ๆ กับดื่มด่ำบรรยากาศ nightlife แลนด์มาร์คแห่งใหม่ Grand Opening อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่พร้อมเสริฟคุณด้วยอาหารอินเตอร์หลากหลายชนิด และเป็นจุดนัดพบสังสรรค์รับประทานอาหาร หรือเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ด้วยการผสมผสานของร้านอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมี่ยมดั้งเดิมและบาร์ได้อย่างกลมกลืน จุดประกายความสนุกสนานด้วยเสียงเพลงในราคาที่เป็นมิตร

ในเซ็ปท์ art-de-vivre ซึ่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสแท้ บนพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. ประกอบด้วย ส่วนร้านอาหาร บาร์ และเล้าจ์ เตรียมพร้อมพบกับการรังสรรค์เมนูอาหารจากเชฟมืออาชีพ เครื่องดื่มคุณภาพที่คิดค้นและรักษามาตรฐาน โดยบาร์เทนเดอร์ผู้มากประสบการณ์ และนักดนตรีอาชีพ การจัดพื้นนั่งให้มีทั้งภายใน และภายนอกร้าน รวมกันประมาณ 170 ที่นั่ง และเคาน์เตอร์บาร์ ที่จัดวางอย่างโดดเด่นลงตัว สร้างมุมมองแบบพาโนรามา มองเห็นได้จากทุกทิศทาง การเลือกใช้วัสดุตบแต่งผิวเป็นคอนกรีตเปลือย โลหะ และตัดกับไม้สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นขึ้น จัดวางเก้าอี้หนังสีม่วงเบอร์กันดี สไตล์นิวยอร์กอินดัสเตียรลอฟท์ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และกระตุ้นความอยากอาหารโดยการทำครัวเป็นแบบเปิด สามารถมองให้ขั้นตอนการทำอาหารผ่านหน้าต่าง กระจกใส

ร้านอเล็กซ์ บราสเซอรี่ บริหารงานโดยเชฟจากประเทศฝรั่งเศส เชฟ อาโนลด์ ดรูวิลล์ (Arnaud Drouvillé) ผู้มีประสพการณ์ในตำแหน่งเอ็กซ์เซ็คคูทีฟเซฟจากร้าน Masaharu Morimoto ร้านเซฟกระทะเหล็กชื่อดัง ผู้คิดค้นเมนูอาหารที่สั่นสะเทือนวงการอาหารฝรั่งเศส โดยการรังสรรค์อาหารอาหารฝรั่งเศส สไตล์ฟิวชั่นโฮมเมด แบบผสมผสาน ที่ทุกท่านต้องประทับใจ


ด้วยพรสวรรค์ของ เชฟ อาโนลด์ ผู้นำวัตถุจากแหล่งเมอริเตอร์เรเนียนมาผสมผสาน กับรสชาติความเป็นอาหารไทย อย่างลงตัวโดยคงรสชาติดั้งเดิมไว้ กลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัวของเชฟ ทั้งเมนู Pizza Beef Carpaccio และอีกหลากหลายเมนูประยุกต์แบบสร้างสรรค์ เช่น การนำสลัดแบบเวียดนามกับน้ำตกหมูมารวมกันเสริฟพร้อมสปริงโรลเป็นต้น”

และอีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด คือ สเต็กเนื้อลูกวัว แฮม และชีสจากสวิสเซอร์แลนด์ กับเห็ดและมะเขือเทศ มาอบรวมกัน ในแบบของฝรั่งเศสจากสูตรของ เชฟ อาโนลด์ ซึ่งเป็นการนำเนื้อส่วน Short Ribs 1.5 กก. ไปปรุงผ่านระบบสูญญากาศ (Vacuum) 48 ชั่วโมง กับโรสเมรี่ เกลือ และพริกไทย เสริฟพร้อมมัสตาร์ด ผักดอง ผลเบอร์รี่ เป็นเมนูสำหรับสองท่าน เหมาะสำหรับคนรักเนื้อพลาดไม่ได้ สำหรับเมนูของหวานนั้น เชฟ อาโนลด์ ได้นำศาสตร์แห่งศิลปะมาดึงดูดสายตา โดยการนำซอสผลไม้หลายสี มารังสรรค์เป็นงานศิลปะบนจานอาหาร พร้อมไอศครีมและช็อคโกแลตหลากหลายชนิดมาให้ลิ้มลอง

ทุกเมนูที่ร้าน นำเสนอให้ลูกค้าทุกท่านในราคาที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยจะน้อยกว่า 1,000 บาทต่อท่าน และราคาเซ็ทอาหารกลางวันจะอยู่ที่ท่านละ 300 บาทเท่านั้น เชฟ Arnaud ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารคุณภาพดี ในราคาไม่แพง ทางร้านจึงต้องการนำเสนออาหารคุณภาพที่ดีเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม ด้วยแนวคิดที่อยากจะนำเสนอมื้ออาหารค่ำที่เข้าถึงได้ทุกคน โดยวัตถุดิบของที่ร้านเน้นใช้ที่มีในประเทศ และมีบางส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีการตรวจสอบและอัพเดทกันทุกๆสามเดือน”

โซนเคาน์เตอร์บาร์ นำเสนอซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้งห้าสูตรใหม่ โดยบาร์เทนเดอร์ผู้มีประสพการณ์ พร้อมเสริฟเครื่องดื่มในราคาเหมาะสม อาทิเช่น แชมเปญ เบียร์ ไวน์ และค็อกเทล ตลอดค่ำคืน พร้อมร่วมสนุกสนานไปกับเสียงเพลงจากดีเจระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่เปิดแสดงสดตั้งแต่เวลา 21:30 ถึง 01:30 น. ตัวอย่างเช่น วันอาทิตย์ พบกับ Soon to be Hip-hop & RnB night

พบกับอาหารรสเลิศที่มีการผสมผสานรสชาตกันอย่างลงตัว กับการออกแบบสไตล์ไฮบริดของว่า อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตกลางคืนของคนเมืองที่ต้องการประสบการณ์ความสนุกสนานหลังอาหารค่ำ


สถานที่ตั้ง: ร้านอาหารฝรั่งเศส อเล็กซ์ บราสเซอรี่ (Alex Brasserie)
ชั้นล่างของโรงแรมเมอเคียว (Mercure Bangkok) เลขที่ 18 สุขุมวิท ซอย 11
เปิดบริการทุกวัน : เวลา 6 โมงเช้า ถึงตี 2
สำรองที่นั่ง: โทร 02 057 3079
https://www.facebook.com/AlexBrasserie/

พิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ วัดใหม่สิริกมลาวาส

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สามเณร หน่อเนื้อของสมณะ หมายถึงนักบวชชายในพระพุทธศาสนาที่มีอายุน้อย ยังมิได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ คำว่า สามเณร เป็นศัพท์เฉพาะในพระพุทธศาสนา เป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้เรียกนักบวชในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ไม่สาธารณะทั่วไป

ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณร เป็นโอกาสที่เหล่ากุลบุตรจะได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ธรรมะและปฏิบัติธรรมเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ทางพระวินัยกำหนดอายุอย่างต่ำไว้ประมาณ 7 ขวบซึ่งพอช่วยเหลือตัวเองได้ พระวินัยระบุว่าพอจะไล่กาไล่ไก่ได้ ส่วนสูงไม่มีกำหนดไว้ ผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปีจะบวชเป็นสามเณรตลอดไป ไม่บวชเป็นภิกษุก็ได้



วัดใหม่สิริกมลาวาส จัดพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๓/๖๐ ระหว่างวันที่  ๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐  โดยพระครูโชติญาณประยุต พระอุปัชฌาย์ (เจ้าอาวาส) ดำเนินการโดย พระอาจารย์ คำนวน กนตสีโล และพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน ณ.วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา) วังหิน กรุงเทพฯ

โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 13/60 ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 แล้วดำเนินโครงการโดยพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลและพระมหาธีรวัฒย์ ธีรวฒฑโน วัดใหม่สิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา)วังหิน ลาดพร้าว กรุงเทพฯพระอาจารย์ คำนวน กนตสีโลได้กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยาเสพติด เกม และอบายมุข





ดังนั้นในช่วงปิดภาคเรียนหากเยาวชนได้เรียนรู้พระพุทธศาสนาโดยผ่าน
การบวช การอบรม การฝึกจิตใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนควรที่ผู้ใหญ่จะร่วมกันสนับสนุนคนละไม้ละมือเพื่อให้ลูกหลานได้มีจิตใจที่อ่อนโยน มีระเบียบวินัยในการดำรงชีวิตต่อไปมากยิ่งขึ้น

อะไร? คือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

คำถามชวนสังคมไทยฉุกคิด จากไวรัลวิดีโอสุดซึ้งรับสงกรานต์ที่จะทำให้คุณอิ่มเอมกับคำว่า “ครอบครัว”

มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะรวยจน ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา แต่รากฐานสำคัญที่ชีวิตมนุษย์ทุกคนพึงมีก็คือ ครอบครัว  จุดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรัก  ความอบอุ่น ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ครอบครัวคือปลายทางของความรักความอบอุ่นที่เป็นพลังที่ทำให้ฝ่าฟันกับปัญหาอุปสรรค และนำไปสู่การสร้างสรรค์ให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นได้มากมาย ทว่าด้วยความจำเป็นหลายๆ อย่าง ทำให้ คนไทยจำนวนไม่น้อย ต้องเสียสละเดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิด และบุคคลอันเป็นที่รัก เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหารายได้เพื่อที่จะส่งกลับไปจุนเจือครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

และเพื่อเป็นการตอบแทนฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัว ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทุกครอบครัวไทยจะได้มีโอกาสพบปะ หรือ อยู่กันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา  โฟร์โมสต์  ในฐานะผลิตภัณฑ์ นมไทยมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ที่อยู่คู่ครอบครัวคนไทยมากว่า

60 ปี โดย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ไม่ได้แค่ต้องการที่จะสนับสนุนให้คนไทยมีร่างกายที่แข็งแรงผ่านโภชนาการที่ดีเท่านั้น แต่ยังร่วมสนับสนุนส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้แข็งแรงอีกด้วย จึง

ขอสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ อย่าง โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข ปี3  ภายใต้แนวคิด เพราะทุกคนคือ  ฮีโร่ ของครอบครัว”

โดยหนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์ภายใต้แคมเปญ โฟร์โมสต์ พากลับบ้าน สงกรานต์สุข  ปี3 คือ ไวรัลวิดีโอชวนกลับบ้านในวันสงกรานต์สุดซึ้ง ซึ่ง
โฟร์โมสต์ ได้มอบหมายให้ บริษัท เทอร์มินัล วัน จำกัด ครีเอทีฟเอเจนซี่ เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานภายใต้ชื่อ  ฮีโร่

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นการถ่ายทอดของนักมวยสู้ชีวิตที่ตระเวนออกชกมวยรอบตามงานต่างๆ ในทุหครั้งที่นักมวยถูกชก หยาดเหงื่อแรงงานที่กระเด็นออกมาเปรียบเสมือนเม็ดเงิน แต่จะถูกแบ่งสันปันส่วนให้กับ นายหน้า หรือ โปรโมเตอร์ จะเหลือถึงมือเพียงแค่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้นักมวยลดละความพยายามลงได้ เพียงต้องการหาเงิน  มาจุนเจือครอบครัว โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ความเป็นอยู่ที่สุขสบายของภรรยาและลูกสาวผู้ซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งสงกรานต์ปีนี้เขาก็มีโอกาสได้เดินทางกลับบ้านกับโฟร์โมสต์ที่เชิดชูเหล่า ฮีโร่ ผู้เสียสละของครอบครัวเฉกเช่นนักมวยผู้นี้ ให้ได้กลับภูมิลำเนาของตน เพื่อได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างอบอุ่น ซึ่งไวรัลวิดีโอชุดนี้ถูกสร้างและดำเนินเรื่องราวจากเค้าโครงจริง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้สังคมฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วความแข็งแรงแบบ 100% ของสถาบัน “ครอบครัว” คือสิ่งสำคัญที่สุด เริ่มออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 31 เมษายน 2560 ผ่านช่องทาง

www.facebook.com/ForemostMomTalk www.youtube.com/Foremostforlife

นอกจากนี้ โฟร์โมสต์ ยังได้จัดกิจกรรมอาสาพา  ฮีโร่  กลับบ้านพร้อมกัน
ทั่วไทย ในวันที่ 11 เมษายน 2560 นี้ ที่ โฟร์โมสต์ ฮีโร่ สเตชั่น (Foremost Hero Station) สถานีขนส่งใจกลางเมือง ณ สนามมอเตอร์ สปอร์ต แลนด์ (แดนเนรมิตเก่า) ถนนพหลโยธิน  กทม.

สงกรานต์สุข…เมื่อทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
โฟร์โมสต์ขอร่วมอยู่เคียงข้างครอบครัวคนไทยให้มีความแข็งแรง 100%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ForemostForLife.com/Hero
Foremost Family Facebook Fanpage
หรือ Call Center หมายเลข 02-657-5344

Spice Up Thailand 2017

ทีเส็บ จับมือ วีซ่า และ ททท.
เปิดตัวโครงการ
Spice Up Thailand 2017
กระตุ้นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ผ่านการตลาดดิจิทัล

ทีเส็บ หรือ สำนักงาน ส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ ( องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท วีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท
ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ Spice Up Thailand 2017 (สไปซ์ อัพ ไทยแลนด์ 2017) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบอภิสิทธิ์สุดพิเศษให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ อาทิ ส่วนลดสำหรับที่พักโรงแรม 10% ส่วนลดสำหรับบริการ รถเช่ารับ-ส่งสนามบิน 50% คูปองส่วนลด  สำหรับการช้อปปิ้ง 500 บาท ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร 25% และส่วนลดค่ากรีนฟีสนามกอล์ฟ 50% เป็นต้น จากโรงแรม,สปาและโปรแกรมแพ็กเกจฟื้นฟูสุขภาพ, ช้อปปิ้ง,  ร้านอาหารต่างๆ, กอล์ฟ, บริการรับส่งและเช่ารถจากสนามบิน, บริการรถลีมูซีน, Tourist SIM Card และแพ็กเกจห้องประชุม เป็นต้น

 

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า”การส่งเสริมธุรกิจไมซ์ผ่านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทีเส็บใช้เป็นช่องทางกระตุ้นตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริม Digital Economy (ดิจิตอล อีโคโนมี่) ของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไมซ์ให้เติบโตและเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจระดับมหภาค ทีเส็บดำเนินงานแคมเปญ Spice Up Thailand ร่วมกับ 5 พันธมิตร เพื่อกระตุ้นตลาดไมซ์ในต่างประเทศ สร้างความประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นเวลาถึง 3 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเป้าหมายหลักอย่างตลาดไมซ์เอเซียและกลุ่ม CLMV

คุณสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนงานไมซ์ 46 งาน จาก 16 บริษัทของผู้จัดงาน ลงทะเบียนร่วมแคมเปญฯ  มีจำนวนการแลกรับคูปอง ( Redeem Coupon ) ประมาณ 43,000 ครั้ง สามารถสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ กว่า 20 ล้านวิว  โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับของการแลกรับได้แก่ ร้านอาหารช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวสปา และบริการรถเช่ารับ-ส่งสนามบิน ด้านนักเดินทางกลุ่มไมซ์  ที่มียอดการแลกรับคูปองเพื่อใช้สิทธิพิเศษของสินค้าและบริการต่างๆ ของแคมเปญสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์เวียดนาม  สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง  ปากีสถาน ออสเตรเลีย แอลจีเรียและไทย  และในปี 2017 นี้ แคมเปญ Spice Up Thailand ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้จัดงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโครงการ
กว่า 60 งาน ”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า
“ทางวีซ่าได้คัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกรวมทั้งนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยด้วยโดยสิทธิพิเศษในปีนี้มีทั้งรับฟรีของสมนาคุณหรือบัตรกำนัลและส่วนลดสูงสุดถึง50%, จากร้านอาหารห้างสรรพสินค้าสปา/wellness สนามกอล์ฟบริการรถรับส่ง รถเช่า สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆที่เข้าร่วมรายการและที่พิเศษเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ ทุกครั้งที่จองโรงแรมในประเทศไทย ผ่าน www.booking.com/visain และชำระเงินด้วยบัตรวีซ่าจะได้รับคูปองส่วน
ลดคิง-เพาเวอร์มูลค่า7% จากราคาที่จองทุกรายการ นอกจากนี้
วีซ่าได้ร่วมกับ Thai Travel Center (ไทย ทราเวล เซ็นเตอร์) และ
Asia-Discovery (เอเชีย ดิสคัฟเวอรี่) เสนอทางเลือกให้กับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ที่ต้องการพักผ่อนต่อ และสามารถเลือกแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆในประเทศไทยในราคาพิเศษหรือรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆซึ่งนอกจากสิทธิพิเศษในฐานะนักเดินทางไมซ์โดยเฉพาะแล้ววีซ่ายังมีโปรแกรมสิทธิพิเศษ อีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งคนไทยและต่างชาติรวมถึงสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับนักเดินทางไมซ์ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสถิติการ
ใช้สิทธิพิเศษสูงเป็นอันดับแรกในปีที่ผ่านมา”

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย
คุณนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า
“ในภาคอุตสาหรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นได้ชัดว่า กลุ่มนักเดินทางไมซ์เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังใช้จ่ายสูง การจับจ่ายใช้สอยของนักเดินทางกลุ่มนี้ นอกเหนือจากการใช้จ่ายในการเดินทางมางานประชุมหรืองานแสดงสินค้าแล้ว ยังใช้จ่ายในส่วนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ด้วย  ททท. จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักให้การสนับสนุนกิจกรรมโครงการ Spice Up Thailand 2017 เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ และเพื่อเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก ที่สามารถผสมผสานแผนการเดินทางเชิงธุรกิจเข้ากับกิจกรรมเชิงพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยแคมเปญนี้นำเสนอสิทธิพิเศษของสินค้าและบริการที่อำนวยความสะดวกให้นักเดินทางไมซ์ และช่วยให้ขยายระยะเวลาพำนักในประเทศไทยจากการใช้เวลาท่องเที่ยวพักผ่อนหลังจากเสร็จสิ้นทริปเดินทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมอีกด้วย”

คุณอรอนงค์ สุดกังวาล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ และวิเคราะห์การตลาด บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรมดาวน์โหลดคูปอง privilege จาก โครงการ Spice Up Thailand  ให้มากยิ่งขึ้น ทีเส็บ
จึงได้จัดกิจกรรมออนไลน์ แคมเปญ Plan More, Enjoy More (แพลน มอร์, เอ็นจอย มอร์) ให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์ร่วมกิจกรรม  ออกแบบแผนการเดินทางของตนเอง และแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียทาง
Facebook  (เฟซบุ๊ก) หรือ
Twitter Hashtag #PlanMoreEnjoyMore #SpiceUpThailand

ผู้ที่ได้ยอด Like & Share มากที่สุด จะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศจากสายการบินไทย 1 รางวัล 2 ที่นั่ง (โดยจะต้องเป็นประเทศที่
มีเส้นทางบินของสายการบินไทยเท่านั้น ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้น ช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม 2560

ทั้งนี้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถรับสิทธิประโยชน์จากโครงการได้อย่างสะดวกด้วยการลงทะเบียน และดาวน์โหลด Spice Up Privilege Coupon ผ่านช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ
www.spiceupthailand.com หรือรับSpice Up Privilege Coupon Booklet ที่จุดลงทะเบียนเข้างาน และแสดง Spice Up Privilege เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากบริการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่เดือนนี้-ธันวาคม 2560
สอบถามและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.spiceupthailand.com


งานแถลงข่าว เปิดตัวแคมเปญ Spice up Thailand 2017
ในงานได้รับเกียรติจาก สริตา จินตกานนท์, ธวัชชัย กิตติศรีบูรณ์กุล, สุริพงษ์ ตันติยานนท์, นพดล ภาคพรต, มาลี โชคล้ำเลิศ และ อรอนงค์ สุดกังวาล มาร่วมงาน  ณ ห้องบอลลูม โรงแรมโซ โซฟิเทล แบงค็อก เมื่อเร็วๆนี้

วันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 เวลา 18.00-20.00 น.
โครงการ จัดขึ้น ณ ห้อง Ballroom ชั้น 8 โรงแรม Sofitel So Bangkok สาทร

 

 

 

ลีวายส์® เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า

เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ฟื้นตำนานสินค้าป้ายส้มสัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®

ลีวายส์®เปิดตัวลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S ให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมการเดินทางครั้งใหม่ของตระกูลลีวายส์®501®  นำทัพโดยรุ่น 501® Skinny

สิ่งที่ลีวายส์®ปรับเปลี่ยนจะกลายเป็นมรดกและมีคุณค่ากับแบรนด์ซึ่งเกิดจากการที่ทุกคนที่ให้ความสำคัญกับเราผ่านการสวมใส่แสดงออกถึงตัวตน

พื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S


501®Skinny
ลีวายส์®ได้ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะรุ่นไอคอนตลอดกาลอย่างลีวายส์® 501® ที่มีการปรับเปลี่ยนโฉมกว่า 40 ครั้ง ภายใน 144 ปีที่ผ่านมา ลีวายส์®ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย โดยได้ปลุกตำนานไอคอน ยอดฮิตนำมาปรับโฉม (Remaster) ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่ชื่นชอบความเข้ารูป (skinny) อย่างรุ่น 501®CT(Customized & Tapered) ที่นำเอาตำนาน 501® มาปรับโฉมเข้ารูปเล็กน้อยแต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นต้นแบบและแก่นของ 501® ที่มีกระดุมเป็นเอกลักษณ์ (Button Fly) และรุ่น 505C ที่ปรับโฉมมาจาก ยีนส์ชาวร็อคอย่างลีวายส์®505
ขากางเกงถูกออกแบบให้ดูสลิมและเข้ารูปมากขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกด้วยสไตล์เอวสูง โดยในปีนี้ได้สร้างสรรค์อีกหนึ่งไอคอนใหม่ ลีวายส์® 501® สกินนี่(Levi’s® 501® Skinny)

การออกแบบและปรับโฉมที่ใช้เวลากว่า 18 เดือนมีการรับฟังแนวคิดจากแฟนๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่โรงทอผ้ายีนส์โคนมิลล์ เพื่อยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของผ้ายีนส์ 501® ที่แท้จริง ทำให้ 501®Skinny เอกลักษณ์ของเนื้อผ้ายีนส์ที่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สวมใส่ได้จริงทั้งชายและหญิง ด้วยต้นขาและปลายขาเข้ารูปพร้อมรอยขาดแบบวินเทจ

Orange Tab
จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ยุค 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ลีวายส์® ในยุคนั้นได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นออเร้นจ์แท็บขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มนักปฏิวัติด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ราคาเหมาะสม ทำให้ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บกลายเป็นต้นแบบของสตรีทแฟชั่น
มีอิทธิพลต่อการแต่งกายกระแสหลัก 90% ของคนในยุคนั้น ถ้าไม่ได้ใส่
ลีวายส์® ก็จะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของ ออเร้นจ์แท็บ ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะ
สมและคนรักยีนส์ ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้มซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บแบบเรียบง่าย “Line Eight Construction” ใช้ด้าย เป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติการเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก

คอลเลกชั่นลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บแฝงด้วยกลิ่นอายของเหล่าบุปผาชนเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่หรือสาวกลีวายส์®ที่ชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์วินเทจ รวมถึงผู้ที่มองหาความมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สำหรับผู้ชาย รุ่น 510 Skinny ทรงเอวต่ำสวมใส่สบายและตัดเย็บให้แนบกระชับ และ 505C แบบขาสั้นสวมใส่สบาย สำหรับผู้หญิง รุ่น 721 High Rise เอวสูงเข้ารูปตกแต่งด้วยรอยขาด และกระโปรงทรงเอซิปหน้า นอกจากนี้ยังมีแจ็คเก็ตยีนส์กระดุมแป๊กกับเสื้อยืดคอกลมลาย Iconic ซึ่งทุกสินค้ามีเอกลักษณ์ป้ายส้มและจุดเด่นต่าง ๆ ตามแบบวินเทจในอดีต

Levi’s 501® Tailor Truck
และเพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ พบกับลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสกับลีวายส์®ออเร้นแท็บคอลเลกชั่นและลีวายส์® 501® สกินนี่ พร้อมย้อนกลับไปในอดีตภายใต้บรรยากาศในยุค 60S ตื่นตาไปกับโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา

สนุกกับการตกแต่งยีนส์ที่แสดงออกถึงตัวตนของตัวเองกับโซน Levi’s® Tailor Shop พร้อมรับป้ายทอ (Patch) ที่ระลึกจัดทำขึ้นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะสามารถติดตามตารางการเดินทางของ Levi’s 501®Tailor Truck ฟื้นตำนานสินค้าลีวายส์® ป้ายส้ม สัญลักษณ์ของความมีสไตล์ของเหล่านักปฏิวัติพร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ยีนส์เคลื่อนที่กับลีวายส์® 501® Tailor Truck

บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาด โดยมุ่งเน้นในภูมิภาคเอเชีย และแบรนด์ลีวายส์® สัญลักษณ์แฟชั่นยีนส์ชั้นนำระดับโลก  นำโดย มร. ปีเตอร์ ฮอร์นบี  รองประธานกรรมการ กลุ่มสินค้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และ วรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน THE LAUNCH OF LEVI’S® REMASTER AND LEVIS® ORANGE TAB COLLECTION

เปิดตัวแคมเปญ ลีวายส์® รีมาสเตอร์ (Levi’s® Remaster) นำสินค้ายอดนิยมอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีสไตล์ในยุคแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมและเสรีภาพกลับมาปรับโฉมใหม่อีกครั้ง นำโดยลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ (Orange Tab) หรือลีวายส์®ป้ายส้ม ปลุกวิญญาณหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เคยฝากไว้ในยุค 60S และลีวายส์® 501® สกินนี่ (Levi’s® 501® Skinny) น้องใหม่ในตระกูลลีวายส์® 501® ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงนับเป็นการปรับโฉมกางเกงในตำนานครั้งล่าสุดของลีวายส์®ลีวายส์® ได้เนรมิตลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ให้เป็นเสมือนพื้นที่ของเหล่าหมู่ชนในช่วง 60S – 70S มารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงเสรีภาพผ่านสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ตามกระแสใคร โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่ลีวายส์® 501® Tailor Truck อันประกอบไปด้วยโซนเวอร์ชวลเรียลลิตี้ (Virtual Reality) ของยูเรก้าแล็บ (Eureka Lab) ศูนย์คิดค้นออกแบบและวิจัยกางเกงยีนส์ลีวายส์® ด้วยประสบการณ์เสมือนจริงแบบ 360 องศา พร้อมนิทรรศการที่จะพาคุณย้อนกลับไปในอดีตผ่านตำนานในปีต่าง ๆ ของยีนส์501® รวมถึงการจัดแสดงกางเกงยีนส์ 501® ลิมิเต็ด เอดิชั่น ประจำปี 2017 นี้ โดยมี หนุ่มเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ในฐานะที่เคยไปบุกยูเรก้าแล็บซานฟรานซิสโก้ ถิ่นกำเนิดของยีนส์ลีวายส์® ปิดท้ายด้วยแฟชั่นโชว์จากบรรดานายแบบนางแบบที่นำสินค้าคอลเลกชั่นนี้มามิกซ์แอนด์ แมทช์ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว โดยมี จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ รับหน้าที่พิธีกร

คุณวรรณภาณี ทัศนาญชลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “แคมเปญลีวายส์® รีมาสเตอร์ นี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของลีวายส์® จากจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดกางเกงยีนส์ตัวแรกในปี 1873 ที่กลายเป็นเครื่องแบบของคนงานเหมือง สู่ปี 1969 แห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม โดยลีวายส์® ได้เลือกนำยีนส์ไอคอนรุ่นที่เป็นตำนานอย่าง ลีวายส์®ออเร้นจ์แท็บ และ ลีวายส์® 501® สกินนี่ มาปรับโฉมใหม่ภายใต้การดำเนินงานของเหล่าดีไซน์เนอร์ผู้เชี่ยวชาญการตัดเย็บยีนส์ของลีวายส์® ซึ่งจะยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายอันเป็นของเอกลักษณ์ในยุคนั้นผสานเข้ากับความนิยมของผู้สวมใส่ในปัจจุบัน”

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อเสียงและตำนานของออเร้นจ์แท็บ ที่ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะสมและคนรักยีนส์เป็นอย่างดี ในปีนี้ลีวายส์®ได้ปลุกตำนานและสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ยอดฮิตจากช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานออเร้นจ์แท็บ มาผลิตใหม่ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งเนื้อผ้า รูปทรง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นับเป็นครั้งแรกที่ลีวายส์®ผลิตยีนส์สไตล์ดั้งเดิมซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากออกมาอีกครั้ง โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือป้ายแท็บลีวายส์® สีส้ม ซิปยี่ห้อ Talon ใช้การเย็บย้ำบาร์แท็คแทนการตอกหมุด มีวิธีการตัดเย็บเรียบง่ายแบบ “Line Eight Construction” ใช้ด้ายเป็นสีโทนเดียวทั้งตัว มีหูร้อยเข็มขัด 7 หูมากกว่าแบบมาตรฐาน กระดุมทำจากทองแดง มีกระเป๋าหลังที่ใหญ่กว่าปกติ การเดินตะเข็บในแบบคู่ที่ใช้โทนสีที่ตัดกัน และป้ายหนังด้านหลังถูกตีพิมพ์ด้วยหมึกสีดำเป็นครั้งแรก”

ภายในงานได้รับความสนใจจากแขกผู้มีเกียรติผู้ชื่นชอบยีนส์ อาทิ วิภาวี คอมันตร์, นาขวัญ รายนานนท์, รพีพร วงศ์ทองคำ, ปณิธี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ

เพื่อให้ลูกค้าลีวายส์®ในประเทศไทยได้สัมผัสกับตำนานยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ลีวายส์® ได้ส่ง ลีวายส์® 501® Tailor Truck ออกเดินทางไปให้ลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมจัดแคมเปญยิ่งใหญ่ประจำปี ‘ลีวายส์®เท่วันนี้ ลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี’ เพียงซื้อสินค้าลีวายส์® 1 ชิ้น สามารถรับสิทธิลุ้นใส่ลีวายส์®ฟรี 10 ปี ตั้งแต่ วันที่ 17 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2560 สามารถติดตามรายละเอียดการร่วมกิจกรรม และ ตารางการเดินทางของ ลีวายส์® 501® Tailor Truck ได้ที่

www.levisthailand.com
www.facebook.com/levis.thailand
หรือ แฮชแท็ก #LevisOrangeTab #LiveinlevisTH

 

เที่ยว ตาก หลากสไตล์

ไหว้พระขอพรพระเจ้าตากสิน


ตาก มีมากกว่าที่คิด!  
เพราะสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดตาก ที่มากไป
ด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งขุนเขา  ป่าไม้  สายน้ำตก วิถีชีวิต วัฒนธรรม วัดวาอารามอันสวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศแห่งการชอปปิ้งของเมืองชายแดนอันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นตากฝั่งตะวันออกที่มีอำเภอเมืองตากเป็นศูนย์กลาง และตากฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอดเป็นศูนย์กลาง


ตาก จังหวัดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล  เป็นสถานที่ที่มีความงดงามทางธรรมชาติและอากาศดี สามารถเที่ยวได้ตลอดปีเป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนล่างของไทย มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ

วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช

มาจังหวัดตาก ต้องห้ามพลาด วัดดอยข่อยเขาแก้ว หรือ วัดพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ที่ ริมถนนเลี่ยงเมือง ตำบลแม่ท้อ วัดดอยข่อย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 20 เมตร เป็นที่ตั้งโบราณสถานที่ชาวบ้านเรียกว่า  วัดพระเจ้าตากสิน

สมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ดำรงตำแหน่ง  พระยาตาก พระองค์ได้เสี่ยงทายที่วัดนี้ โดยกล่าวว่า  “ถ้าข้าพเจ้ามีบุญญาบารมีมากพอที่จะเป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ ได้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน ขอให้
ไม้เคาะระฆังที่จะขว้างไปยังถ้วยแก้วซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณ 5 วา ให้ถูกจำเพาะท่อนกลางที่คอดกิ่วของถ้วยแก้วแล้วแตกหักออกไป ขออย่าให้ส่วนอื่นของถ้วยแก้วแตกเสียหาย ฯลฯ”

 

ปรากฏว่า เมื่อพระองค์ขว้างไม้เคาะระฆังออกไป ก็เป็นอย่างที่พระองค์ได้เสี่ยงอธิษฐาน เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของบรรดาพุทธบริษัท  ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยข่อยเขาแก้ว


จนเล่าลือกันว่า พระยาตากเป็นผู้มีบุญญาธิการและบารมีที่มหัศจรรย์ยิ่ง ภายหลังจากการเสี่ยงทายแล้ว พระองค์ได้ให้ช่าง  นำลูกแก้วไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์  วัดดอยข่อยเขาแก้วลูกหนึ่ง อีกลูกหนึ่ง ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ขออนุญาตนำไปติดไว้ที่ยอดเจดีย์วัดกลางสวนดอกไม้ หลายปีผ่านไป ลูกแก้วที่ติดยอดเจดีย์ทั้งสองแห่งนั้น ได้หลุดหายไป เนื่องจากยอดพระเจดีย์ได้หักพังลงมา

วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย โบสถ์ มีใบเสมาคู่ที่แสดงว่า  พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ เจดีย์และพระพุทธบาทจำลองอยู่ในโบสถ์ ด้านหน้ามีเจดีย์ 1 องค์ บรรจุอังคารบิดา มารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันวัดนี้ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2545

เมื่อเวลาผ่านมานับร้อยปี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560  วัดพระเจ้าตากสินมหาราชได้มีการบูรณะ และฉลองพระอุโบสถ เพื่อเป็นศิริมงคล แก่ชาวจังหวัดตากตซึ่งได้คณะท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล  เป็นทุนแรงสำคัญในการสร้างบุญครั้งนี้

แหล่งท่องเที่ยวของ  จังหวัดตาก ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้  แต่จะประทับใจ
สักแค่ไหนคุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้ !!!

ทำไมต้อง เก้าสิบสี่ไนน์ตี้โฟร์ คอฟฟี่?

คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room

เป็นคำถามยอดฮิตประจำร้าน ซึ่งที่มาของ 94°Coffee มาจากการเลือกใช้อุณหภูมิน้ำในการชงกาแฟ ที่ทำให้รสชาติและกิล่นที่ดีที่สุด นั่นคือ 94°C 200°F ทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน94° Coffee


94° Coffee สาขา Golden Place พระราม 9  ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เป็นคาเฟ่ในอารมณ์ของการนั่งเล่น รื่นรมย์ เรียบหรู สไตล์อิตาเลี่ยน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีที่นั่งหลายมุม หลากหลายแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกในสไตล์ที่ชอบ และเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกันในร้านได้ยาวนานขึ้น สถานที่จอดรถกว้างขวางในการชงกาแฟ ซึ่งถือว่า 94 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิของน้ำที่ “ดีที่สุด” ในการชงกาแฟ “ทางร้านเลยตั้งค่ามาตรฐาน การชงกาแฟไว้เท่ากัน หมดที่ 94 องศา

คุณนงนภา วงศ์วารี (กลาง) กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จํากัด สายงานธุรกิจ ร้านกาแฟเป็นคำถามยอดฮิตประจำร้าน ซึ่งที่มาของ 94°Coffee มาจากการเลือกใช้อุณหภูมิน้ำในการชงกาแฟ ที่ทำให้รสชาติและกิล่นที่ดีที่สุด นั่นคือ 94°C 200°F ทำให้เกิดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน  94° Coffee   สาขา Golden Place พระราม 9  ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เป็นคาเฟ่ในอารมณ์ของการนั่งเล่น รื่นรมย์ เรียบหรู สไตล์อิตาเลี่ยน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีที่นั่งหลายมุม หลากหลายแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสไตล์ที่ชอบ และเพิ่มปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกันในร้านได้ยาวนานขึ้น สถานที่จอดรถกว้างขวางในการชงกาแฟ ซึ่งถือว่า 94 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิของน้ำที่ “ดีที่สุด” ในการชงกาแฟ “ทางร้านเลยตั้งค่ามาตรฐาน การชงกาแฟไว้เท่ากัน หมดที่ 94 องศา

16 ปี 94°Coffee ร้านกาแฟสด แบรนด์ไทยแบร์นแรกที่ปลุกกระแมกาแฟสด เป็ฯธุรกิจที่ไม่มีวันตาย เป็นเรื่องของ Lifestyle ที่จะอยู่กับคนเราไปตลอด รูปแบบอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และพฤติกรรมของผู้บริโภค
ปัจจุบันลูกค้าไม่ได้มี Loyalty ต่อแบรนด์เพียงอย่างเดียว แต่จะมองหา Experience ที่ดี หาสถานที่ตอบโจทย์กับ Lifestyle ในยุคใหม่ ที่ไม่ได้ยึดติดการทำงานในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว หรือประชุมเพียงในห้องประชุมเพียงเท่านั้น

เชฟตูน เชฟหนุ่มหล่อที่คุ้นหน้ากันดี จากหลากหลายรายการ 94 Coffee กับเชฟตูน

คอนเซ็ปต์ Simply Luxury Living Room คุณนงนภา วงศ์วารี กรรมการบริหาร บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จํากัด สายงานธุรกิจ ร้านกาแฟ (94°Coffee) เตรียมเปิดตัวโฉมใหม่ 94°Coffee คอฟฟี่ คาเฟ่ แบรนด์ไทย ที่มาพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ชิลของลูกค้าในปัจจุบัน ในคอนเซ็ปต์  Simply Luxury Living  ในงาน “94°Coffee Revival” เพิ่มอรรถรสในงานด้วยการคว้า 2 หนุ่ม ศิลปินและนักแสดง คู่เพื่อนซี้สุดจิ้น ที่กลับมาออกงานร่วมกันอีกครั้ง เต๋า – เศรษฐพงศ์ เพียงพอ และ คชา – นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ มาร่วมนำเสนอเมนูอาหารโปรด และลงมือทำเมนูพิเศษให้แฟนๆ ได้ร่วมประมูล เพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนสร้างอาคาร “นวมินทรบพิตร 84 พรรษา” พร้อมพบกับ เชฟตูน – ธัชพล ชุมดวง Guest Chef ของ 94°Coffee จะมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเมนูสุดพิเศษที่รังสรรค์โดยเฉพาะ เพื่อลูกค้าคนสำคัญของ 94°Coffee


เต๋า คชา ควงคู่ ลิ้มลองคอนเซ็ปต์ใหม่ Simply Luxury Living Room ที่ 94°Coffee การเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญไปกับ“94°Coffee Revival” ซึ่งกำหนดจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 16.00 – 19.00 น. ณ ร้านกาแฟ 94°Coffee
(สาขา โกลเด้น เพลซ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม)ราคากลางๆ ไม่แพงมาก

CHARITY WITH TAO – KACHA
อากาศร้อนแบบนี้ 94 coffee ร่วมประมูลเมนูพิเศษของ 94°Coffee กับคู่เพื่อนซี้สุดจิ้น เต๋า – เศรษฐพงศ์ เพียงพอ และ คชา – นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์   รายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำเข้าสมทบทุนสร้างอาคาร “นวมินทรบพิตร 84 พรรษา” พฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 17.00 – 19.30 น.
ณ ร้าน 94°Coffee สาขา โกลเด้น เพลซ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

94° Coffee สาขา Golden Place พระราม 9
ตกแต่งสวย ภายใต้บรรยากาศสวนดอกไม้ เหมาะแก่การนัดหมายเพื่อพบปะสังสรรค์ สถานที่จอดรถกว้างขวาง
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 181 ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10130
วันเปิดให้บริการ : ทุกวัน
เวลาเปิดให้บริการ : 07.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 0 2934 4076

 

Beauty Industry Networking Night

สภาอุตสาหกรรม ร่วมกับ อิมแพ็ค
จัดงาน 
Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 

 

ตอบรับตลาดความงามมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาทโตสวนกระแสเศรษฐกิจสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมกับ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอินฟอร์ม่า เอ็กซิบิชั่น เตรียมจัดงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017 หรืองานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตรตอบรับตลาดความงามและเครื่องสำอางที่มีมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจติดอันดับ 1 ใน10 ของโลกในช่วง3-5 ปี โดยงานจัดขึ้นวันที่21-23 กันยายน 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทั้งไทยและต่างประเทศรวม650 บูธกว่า 1,500 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมผู้ร่วมเจรจาธุรกิจและชมงานกว่า 20,000 รายจากทั่วโลก สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอด 3 วันของการจัดงานสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ1,750 ล้านบาท

นายเชิญพร เต็งอำนวยรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมพยายามสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถในด้านการตลาด การค้าและการลงทุน การสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็ง โดยในปีนี้การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมฯเชื่อว่างาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2017(BBAB2017) จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายหลักในการส่งเสริมผู้ค้ารายย่อยและพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิตไทยให้สามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อย่างมีศักยภาพ

นางเกศมณีเลิศกิจจารองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกล่าวว่าอุตสาหกรรมความงามของโลกยังคงเติบโตต่อเนื่อง มาจากประชากรวัยทำงานอันเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคด้านสุขภาพและความงามได้รับความนิยมมากขึ้นจากความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในวัยที่ดูแลรักษาสุขภาพอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพมีมูลค่าตลาดในประเทศสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกสามารถทำรายได้ให้ประเทศถึง 40% หรือกว่า 1.12แสนล้านบาทส่วนในเวทีโลกไทยครองอันดับที่ 17ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางรายสำคัญ ส่วนในเอเชียไทยครองอันดับ 2 และรั้งอันดับ 1 ในระดับอาเซียนอีกด้วย

นายธนวัฒน์ เรืองเทพรัชต์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยกล่าวว่า สถาบันวิจัยแฟชั่นแห่งประเทศไทยหรือ inFASHเป็นสมาชิกกับองค์กรกลางชื่อ อินเตอร์คัลเลอร์ ผู้ดำเนินการจัดการประชุม INTERCOLOR เวทีที่ประเทศชั้นนําด้านการออกแบบของโลกรวมตัวกันเพื่อคาดการณ์แนวโน้มสีวัสดุและเทรนด์การออกแบบในอนาคต ล่วงหน้าก่อนฤดูกาลการวางตลาดของสินค้าเป็นระยะเวลา 24 เดือน เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจของการออกแบบในหลายอุตสาหกรรม เช่น แฟชั่นสิ่งทอ เครื่องสําอาง การตกแต่งบ้าน ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นสำหรับ inFASH อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และด้วยองค์ความรู้เหล่านี้สถาบันฯ จึงเข้าร่วมในงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ต่อเนื่องเป็นครั้งสอง จัดสัมมนา“Beyond Beauty Trends Conference” ร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องสี วัสดุ และเทรนด์ในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิในแวดวงอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม อีกทั้งยังร่วมเปิด “Beau Tech – Incubation Zone” เพื่อส่งเสริมให้ผลงานของนักศึกษาเป็นที่รู้จักและสามารถต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย
ด้านนายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์จำกัดกล่าวถึงการจัดงานBeyond Beauty ASEAN-Bangkok ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียนจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4เพื่อผลักดันธุรกิจสุขภาพและความงามให้ก้าวไกล ขานรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดความงามในปัจจุบันพร้อมโชว์ศักยภาพของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง โดยในปีนี้มีการเปิดตัวโซนสปาและสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมต่อความต้องการของตลาดความงาม อีกทั้งยังสานต่อความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทคินเท็กซ์ ผู้นำด้านการจัดแสดงสินค้าจากประเทศเกาหลี นำทัพผู้ประกอบการด้านความงามจากเกาหลีกว่า 250รายร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นปีที่ 2 พร้อมกันนี้ ยังจัดสัมมนาวิชาการให้ความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและแฟชั่นการประชุม ASEAN RETAIL BEAUTY SUMMIT การสัมมนาเชิงปฎิบัติการเกี่ยวกับการสักบนผิวหนังเพื่อความงาม ตลอดจนcentdegrésบริษัทออกแบบระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิ จีวองชีแอร์เมสลองแวงและคาร์เทีย เป็นต้น

สำหรับงาน BBABซึ่งผ่านการรับรองมาตราฐานการจัดงานนิทรรศการจาก UFI หรือสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก โดยในปีที่ผ่านมาได้รับสองรางวัลภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Show หรือ ART Campaign ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ในสาขา Bestof ASEAN Rising Trade Show และ Best of Highest Growth of ASEAN Pavilion เป็นการการันตีถึงคุณภาพของงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok ได้เป็นอย่างดีทางคณะผู้จัดฯ จึงมุ่งหวังให้ BBAB 2017จะประสบผลสำเร็จและเป็นจุดนัดพบสำหรับคนในแวดวงอุตสาหกรรมความงามได้พบปะและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่คนในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม

อนึ่งงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2017
จัดขึ้นในวันที่ 21 – 23 กันยายน 2560
ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.beyondbeautyasean.com

 

เที่ยวทั่วไทย อร่อยไปทั่วโลก Lifestyle ทันทุกกระแสข่าว การเงิน อสังหาฯ IT บันเทิง แฟชั่น