Category Archives: ข่าว

ถอดรหัสความสำเร็จ เซ็น เรสเตอร์รอง กับการเติบโตในตลาด ‘บุฟเฟต์’ ตลอด 3 ปี

เซ็น เรสเตอร์รอง หนึ่งในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เครือ เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เปิดดำเนินการครั้งแรก เมื่อปี 2534 ให้บริการในรูปแบบ A la carte โดยสามารถครองใจผู้บริโภคอย่างยาวนานมาตลอด 32 ปี ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มครอบครัว ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งหมด 55 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

เทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยน – ธุรกิจปรับตัว
จุดเริ่มต้นการให้บริการบุฟเฟต์ ของ เซ็น เรสเตอร์รอง เกิดขึ้นในปี 2564 ในช่วงหลังประกาศคลายล็อคดาวน์ ประกอบกับข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่โหยหาการทานบุฟเฟต์ มองหาความคุ้มค่า เน้นความหลากหลายของเมนูอาหาร ทำให้ สถิติการค้นหาบน Google Search ในช่วงเวลานั้นเพิ่มขึ้นถึง 430% และด้วยกระแสการบริโภคแบบบุฟเฟต์ของคนไทยมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทาง เซ็น เรสเตอร์รอง ตัดสินใจเพิ่มอีกหนึ่งรูปแบบการให้บริการ ประเภท บุฟเฟต์

การเติบโตของ ZEN Grand Premium Buffet ตลอดระยะเวลา 3 ปี

ในปี 2564 ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น เรสเตอร์รอง ปรับ 16 สาขาในขณะนั้น เพิ่มการให้บริการในรูปแบบบุฟเฟต์ รองรับความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบการทานบุฟเฟต์ วัตถุดิบพรีเมียม มากกว่า 80 เมนู และการให้บริการที่มีคุณภาพ ภายใต้การวางกลยุทธ์ Value Promotion เริ่มต้น 599+ เสิร์ฟความคุ้มค่าระดับพรีเมียม ซึ่งภายในปีแรกก็ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งแบรนด์บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นที่หลายคนให้ความสนใจและนึกถึง โดยสามารถขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ ช่วงอายุ 26 – 45 ปี ที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งเป็นวัยที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และแตกต่างจากกลุ่มลูกค้าเดิม จนสร้างรายได้เติบโตขึ้นกว่า 23%
ในปี 2565 ต่อมาในปีที่ 2 ทางแบรนด์ยังได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้กลยุทธ์การทำการตลาดใหม่อีกครั้ง ผ่านการ Revamp Menu ปรับ Mood & Tone เมนูใหม่ทั้งหมดให้มีความพรีเมียมกว่าเดิม พร้อมกับการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ จากเดิมที่มี 80 เมนู เพิ่มขึ้นเป็น 130 เมนู ในราคาเริ่มต้นเพียง 599+ ชูความคุ้มค่าของวัตถุดิบ คุณภาพอาการระดับพรีเมียม เกินราคาที่จ่าย ยกขบวนแซลมอนกว่า 20 เมนู ทั้งชาชิมิ ซูชิ และเนื้อ สั่งได้ไม่อั้น พร้อม
วาไรตี้เมนูอื่น ๆ ทั้งเมนูเย็น และเมนูร้อน รวมถึงเมนูของทอด เปิดให้บริการในรูปแบบบุฟเฟต์ รวม 29 สาขา

ซึ่งในปีนี้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 120% สร้างรายได้การเติบโต 41% ในปี 2566 เซ็น เรสเตอร์รอง เน้นกลยุทธ์การขยายสาขาเป็นหลัก เป็นไปตาม Growth Strategy ขององค์กร โดยการเปิดสาขาบนพื้นที่ใหม่ ๆ มุ่งเน้นการขยายไปที่น่านน้ำใหม่ เช่น ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการกินบุฟเฟต์แบบพรีเมียมได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีการขยายสาขาอีก 7 สาขา รวมกว่า 55 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยสาขาที่ให้บริการบุฟเฟต์มีทั้งหมด 37 สาขา

คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความสำเร็จของ เซ็น เรสเตอร์รอง หลังจากเปิดให้บริการในรูปแบบบุฟเฟต์มาตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา สามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม GEN Y – GEN Z ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นกว่า 200% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของแบรนด์ในตลาดบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี ทั้งยอดขายและการเพิ่มจำนวนสาขาที่ให้บริการบุฟเฟต์ได้มากขึ้นในทุกปี แต่ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังคงรักษามาตรฐาน โดยไม่หยุดพัฒนาต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมนู วัตถุดิบ และการให้บริการที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมในทุกองค์ประกอบ หวังสร้าง Brand Royalty การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และตัดสินใจกลับมาใช้บริการซ้ำแบบต่อเนื่อง คาดเติบโตกว่า 13% ภายในสิ้นปี”

โดยเป้าหมายในปี 2567 คือการ Revamp Menu ใหม่อีกครั้ง ความตั้งใจที่จะสร้าง Product ที่ดึงดูดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้มากขึ้นอีก โดยทางแบรนด์ได้มีการใช้ Data Analytic วิเคราะห์พฤติกรรมและทำความเข้าใจผู้บริโภคในกลุ่มนี้ เพื่อนำมาวางแผนการตลาด รวมถึงการคัดสรรเมนูให้ตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งพบว่า
-กลุ่ม GEN Y ชอบทานเมนูเย็น เช่น ซาชิมิ ซูชิ โดยเมนูแซลมอนจะได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน
-กลุ่ม GEN Z มองหาความคุ้มค่ามากกว่ากลุ่มอื่น มีการสั่งเมนูซาชิมิแซลมอล ซูชิแซลมอน มากกว่ากลุ่มอื่น
-ลูกค้ากว่า 70% จบท้ายมื้อด้วยขนมหวาน

ทำให้การ Revamp Menu ใหม่ในปีนี้ เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และตอบโจทย์ความต้องการในการเลือกสรรเมนูอาหาร โดยความพิเศษของเมนูไลน์อัพใหม่ ยกระดับความพรีเมียมไปอีกขั้น อัดแน่นไปด้วยความคุ้มค่ายิ่งขึ้น วัตถุดิบหลากหลายขึ้น เมนูที่มากขึ้นรวมกว่า 179 เมนู โดยเมนูใหม่มากขึ้นถึง 49 เมนู แต่ราคาเท่าเดิม ไม่บวกเพิ่ม

Tier 599+ Sushi & Aburi Lovers : อัดแน่นกับขบวนซูชิ และอะบุริที่หลากหลายเมนู มากกว่า 77 เมนู โดยใน Tier เริ่มต้นนี้มีเมนูใหม่ถึง 21 เมนูเลยทีเดียว ทั้งซูชิท้องปลาแซลมอนทอดซอสสไปซี่มิโสะ, ซูชิท้องปลาแซลมอนทอดซอสสไปซี่ ซูชิอิกะ, ซูชิยำครีบหอยเชลล์น้ำมันงา, ซูชิแมงกะพรุนกิมจิ, ซูชิทาโกะวาซาบิ

Tier 799+ Sashimi & Maki Lovers : ใครที่ชื่นชอบซาชิมิห้ามพลาด ทั้งเอ็นกาวะ ฮามาจิ โฮตาเตะ อูนางิ อากามิ และใน Tier นี้ยังเพิ่มหมวดที่หลากหลายมากขึ้น กับ Maki และ Sushi Don ทั้งแซลมอนบอมบ์มากิ ข้าวหน้าแซลมอนสับ โรลกุ้งคัตสึ โรลปูอัดครั้นชี่เทมปุระ และเมนูของหวานเจลลี่ ตบท้ายมื้อแบบฉ่ำ รวมกว่า 123 เมนู ซึ่งมีเมนูใหม่กว่า 32 เมนู

Tier 1199+ Premium Beef & Truffle lovers : พบกับเมนูเนื้อเกรดพรีเมียม ทั้งรูปแบบย่าง และกะทะร้อน, เมนู Truffle สุดพรีเมียม โดยเฉพาะ ซุปทรัฟเฟิล เสิร์ฟร้อนหอมละมุน และความหลากหลายเมนูซาชิมิเกรดพรีเมียม ชิ้นใหญ่ เต็มคำ ทั้งเอ็นกาวะ ฮามาจิ โฮตาเตะ อูนางิ อากามิ และเมนูบราวนี่ ที่เป็นของหวานด้วย รวมกว่า 179 เมนู เมนูใหม่รวมแล้วกว่า 49 เมนู

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Zenjapaneserestaurant
หรือ Line @ZENGroupTH

Austrian Lifestyle Week 2024

Austrian Lifestyle Week 2024 สัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความยั่งยืนของออสเตรีย กิจกรรมตลอดทั้งสัปดาห์ที่จะชูความโดดเด่นทางด้านอาหาร ไวน์ และแฟชั่นของออสเตรีย พร้อมฉลองครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ออสเตรีย

กรุงเทพฯ 21 มีนาคม 2567 – สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย กรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย (Austrian National Tourist Office) และสถานเอกอัครราชทูตออสเตรียแผนกพาณิชย์ (Advantage Austria) จัดงาน ‘Austrian Lifestyle Week 2024’ โดยมี 3 ธีมที่เป็นไฮไลท์สำคัญ (ศาสตร์การทำอาหาร ไวน์ แฟชั่น) เพื่อเน้นย้ำถึงความมีชีวิตชีวาของออสเตรีย และวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 18-24 มีนาคม 2567 มีการจัดงานต่าง ๆ มากมาย เพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบความสัมพันธ์ของประเทศไทยและออสเตรีย รวมถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ 155 ปีระหว่างทั้งสองประเทศ และ 70 ปีของภารกิจประจำถิ่นในกรุงเทพฯ และเวียนนา ตามลำดับ

ไฮไลท์ของงาน Austrian Lifestyle Week 2024 ได้แก่ การแข่งขันทำอาหารกระชับมิตร (20 มีนาคม) ระหว่างเชฟชาวออสเตรีย Max Stiegl และเชฟชาวไทย มาโนช พึ่งพร้อม กิจกรรมชิมไวน์สุดพิเศษ (21 มีนาคม) เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น) และแฟชั่นโชว์ที่นำสมัย (22 มีนาคม)

เชฟมาโนชเชื่อว่าหัวใจของอาหารไทยคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติดั้งเดิม วัตถุดิบคุณภาพ และเทคนิคการทำอาหารขั้นสูง ความหลงใหลของเขาคือการค้นหาการผสมผสานที่ลงตัวและความสมดุลของรสชาติไทยที่มีทั้งรสหวาน เผ็ด เปรี้ยว และเครื่องเทศต่าง ๆ โดยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น

ในขณะที่เชฟ Max สร้างสรรค์อาหารออสเตรียแบบดั้งเดิมโดยการผสมผสานประเพณีการทำอาหารฝรั่งเศสควบคู่ไปกับอาหารสไตล์บูร์เกนลันด์ (Burgenland) ที่ยั่งยืน ทำให้เกิดความสร้างสรรค์ในอาหารออสเตรียแบบดั้งเดิม เทศกาล Sautanz (หรือ ‘Sow Dance’) ประจำปีของเขาถือเป็นเรื่องในตำนาน นั่นคือการนำหมูมาประกอบอาหารในทุกส่วนเพื่อเป็นการแสดงถึงการรู้คุณของวัตถุดิบ

ชาว Epicureans รวมถึงแอนโทนี บูร์เดน (Anthony Bourdain) ผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อลิ้มลองอาหารจานพิเศษที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเชฟ Max เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวัตถุดิบตามฤดูกาลของภูมิภาคในการรังสรรค์เมนูของเขา ร้านอาหารของเชฟ Max เสิร์ฟเมนูปลาสดจากทะเลสาบ Neusiedl ที่อยู่ใกล้เคียง เนื้อสัตว์ป่าจากเทือกเขา Leitha เนื้อแกะจากฟาร์มของเขา สัตว์ปีกจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง และสมุนไพรจากสวนส่วนตัวของเขาเอง

เอ็มมานูเอล เลห์เนอร์-เทลิค (Emanuel Lehner-Telic) ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย กล่าวว่า “การแข่งขันทำอาหารไทย-ออสเตรียจะเปิดโอกาสให้คนไทยได้ค้นพบประเพณีการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของออสเตรีย การจัดงานครั้งนี้เป็นการเชิญชวนให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหลากหลายภายในงานและสัมผัสถึงเสน่ห์ของประเทศออสเตรีย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเลิศรส ภูมิประเทศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอยู่มากมาย การท่องเที่ยวด้านอาหารของออสเตรียกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจด้านความยั่งยืน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเทศในแถบยุโรปหลายแห่ง”

นอกจากนี้ มิชลิน ไกด์ยังได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าจะกลับมาเยือนออสเตรียอีกครั้ง พร้อมกับการคัดเลือกระดับชาติที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 รางวัลนี้ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เชฟ Max รับตำแหน่งเชฟที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก ที่ได้รับดาวมิชลิน ด้วยวัยเพียง 20 ปี และน่าจะโดนใจนักชิมชาวไทยที่ติดตามมิชลิน ไกด์ เห็นได้จากร้านอาหารหลากหลายแห่งในกรุงเทพฯ และภาคใต้ของประเทศไทยที่อยู่ในระดับดาวมิชลิน

จากอาหารไปสู่วงการแฟชั่น งานแสดงแฟชั่นโชว์ออสเตรียที่จะจัดขึ้น (Austrian Fashion Show) จะเน้นเทรนด์สไตล์ล่าสุดในโอต์กูตูร์ (Haute couture) โดยมีคอลเลกชันพิเศษจาก Conches, Plural และ Thang de Hoo จากออสเตรีย และคุณเอก ทองประเสริฐ (Ek Thongprasert), Wonder Anatomie และ Sirintra จากประเทศไทย การแสดงนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ค้นพบการออกแบบและเนื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดความยั่งยืนจากทั้งสองประเทศ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์แฟชั่นระดับพรีเมียมอื่น ๆ อีกมากมาย

Austrian Lifestyle Week 2024 ยังตรงกับวันครบรอบ 155 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรีย และครบรอบ 70 ปีของภารกิจประจำกรุงเทพฯ และเวียนนา ไทยและออสเตรียเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ด้วยการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพ การค้า และการเดินเรือ งานนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมสามารถกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและปูทางไปสู่ความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศอีกด้วย

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.advantageaustria.org/th/events/next/en

STYLE Bangkok 2024

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิด “งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ” ในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00น. โดยมีนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมให้การต้อนรับ ณ ฮอลล์ 4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

STYLE Bangkok 2024 มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2567 แบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ วันพุธที่ 20 – ศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีกวันเสาร์ที่ 23-อาทิตย์ ที่ 24 มีนาคม 2567 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ที่สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com Facebook/Instagram/TikTok : Style Bangkok Fair
หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

เครือ รพ. พญาไท-เปาโล รุกตลาด EEC เปิดโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2

ชลบุรี – 19 มีนาคม 2567- เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เดินหน้าขยายการให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ล่าสุดประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 สอดรับกับนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจรของภูมิภาคอาเซียน

โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 เป็นโรงพยาบาลทั่วไป สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้มากถึง 1500 คนต่อวัน และผู้ป่วยในจำนวนรวมทั้งสิ้น 113 เตียง โดยโรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการให้บริการด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชลบุรีและใกล้เคียง โดยสืบเนื่องมาจากความสำเร็จของโรงพยาบาลพญาไทศรีราชาสาขาแรก ที่ให้บริการแก่ประชาชนมาเป็นเวลากว่า 28 ปี เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กลุ่ม BDMS ให้บริการด้านการแพทย์เฉพาะทางในหลากหลายสาขา โดยเน้นการบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพสูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ประกันตน จนเป็นที่ไว้วางใจและยอมรับในเขตอุตสาหกรรม EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นเขตพัฒนาพิเศษที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า “โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เป็นโรงพยาบาลที่ทางกลุ่มมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการให้บริการรักษาผู้ป่วยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเล็งเห็นว่าทุกขั้นตอนการรักษามีความสำคัญ อีกทั้งความพร้อมของทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

นายอัฐ กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เป็นสำคัญของโรงพยาบาล โดยเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ได้สรรหาบุคลากรทางการแพทย์สาขาต่างๆ และมอบทุนการศึกษาต่อสำหรับแพทย์และพยาบาล รวมถึงจัดระบบการเรียนการสอนพิเศษสำหรับทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อเพิ่มความชำนาญในการรักษาโรคเพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในกรุงเทพฯ

การนำแอปพลิเคชัน Health Up เข้ามาใช้ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายจบในคลิกเดียวบนมือถือ เช่น ดูประวัติการรักษา นัดหมายแพทย์ ข้อมูลความรู้สุขภาพ รวมถึงบริการ Telecare ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขต EEC มีประชากรหลั่งไหลเข้ามาอยู่ในพื้นที่กว่าสี่แสนคน และมี lifestyle ของคนยุคใหม่

นายอัฐ เผยว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 และเริ่มเปิดให้บริการประกันสังคมครั้งแรกเมื่อปี 2542 โดยเน้นคุณภาพและมาตรฐาน ทำให้เพิ่มยอดผู้ประกันตนได้มากถึง 250,000 คน และได้รับรางวัลโรงพยาบาลประกันสังคมในดวงใจในปีที่ผ่านมา ต่อมาปีนี้ได้รับโควต้าเพิ่มอีก 115,000 คน เมื่อพิจารณาถึงความต้องการที่เพิ่มเติมของผู้รับบริการ จึงมีการขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับเหล่านี้ ในเขต EEC ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่อเนื่อง ความต้องการในการดูแลสุขภาพก็สูงขึ้น เพื่อรองรับผู้ทำงานและกลุ่มแรงงาน ดังนั้น เครือ รพ. พญาไท-เปาโล ได้ลงทุนในการขยายโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในเขต EEC โดยการเปิดตัวโรงพยาบาลใหม่ รพ. พญาไทศรีราชา 2 เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลเดิมและมีความตั้งใจที่จะพัฒนา รพ. พญาไทศรีราชา 2 ให้เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศทางการแพทย์ในอนาคต ในปี 2568 เครือ รพ. พญาไท-เปาโล
ยังวางแผนลงทุนในการเปิดดำเนินการโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน จำนวน 225 เตียง เพื่อเป็นที่พึ่งพาทางด้านสุขภาพของชาวชลบุรีและบริเวณใกล้เคียงในอนาคต

ด้าน นายแพทย์ชาญชัย ลี้สมประสงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ได้ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรก ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ มีการพัฒนาทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้โรงพยาบาลกลายเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในพื้นที่ และผู้ประกันตนได้รับการบริการอย่างคุ้มค่า กล่าวว่า โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา มุ่งมั่นที่จะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในเขต EEC โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม มีระบบที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเครือข่ายที่เข้าถึงได้ง่ายทุกพื้นที่โดยเฉพาะในภาคตะวันออกที่เป็นเขตอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการดูแลประชากรอย่างทั่วถึง จึงมีการขยายบริการให้สามารถรองรับผู้ประกันตนประมาณ 500,000 คน โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 ได้เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกันตนและผู้ป่วยทั่วไป สำหรับ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาแห่งแรกจะพัฒนาเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ โดยปรับปรุงพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับผู้ใช้บริการระดับพรีเมียมและผู้ประกันตนที่ต้องการการรักษาโรคเฉพาะทางหรือโรคซับซ้อน โดยได้เริ่มให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด การผ่าตัดหัวใจ และขยายศูนย์การผ่าตัดผ่านกล้องทุกระบบ นอกจากนี้ยังมีการขยายศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และอีกหลากหลายสาขา ที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวนกว่า 280 ท่าน

ในปีที่ผ่านมาศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลได้รับการรับรองคุณภาพระดับโลก AACI จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับประกาศนียบัตรรับรอง Trauma 3 ในการบริหารจัดการฉุกเฉิน และกำลังดำเนินการขอรับรอง TEMSA ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ยึดหลักความปลอดภัยใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. Patient Safety 2. Personnel Safety และ 3. Public Safety เพื่อพร้อมให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลพญาไทศรีราชาและเครือข่าย สามารถตอบโจทย์และเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในจังหวัดชลบุรีและใกล้เคียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ประสบสภาวะอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเชื่อถือ

พญ. ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (จำกัด) มหาชน กล่าวถึงการขยายธุรกิจการแพทย์ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ว่า “BDMS มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรม Healthcare ของไทยสามารถดำเนินแนวทางความยั่งยืนตามมาตรฐานโลก โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศ โดยในปัจจุบัน BDMS มีโรงพยาบาลในเครือมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดได้ขยายเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา 2 ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล บนเขตพื้นที่ศรีราชา เพื่อตอบสนองประชาชนและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะในแง่ของการรับมือกับความต้องการด้านการแพทย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อความต้องการในตลาดและความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรในการเป็นผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศและรองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่มีอยู่ในระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

พญ. ปรมาภรณ์ กล่าวต่อว่า “BDMS ได้รับการจัดว่าเป็นองค์กรที่มีสถานะแข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่ EEC ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนที่จะเป็นผู้นำในด้านบริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่เป็นเลิศบนมาตรฐานสากล รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในวงกว้างของการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับชุมชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้านการแพทย์และการลงทุนในสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจพื้นที่เติบโตในระยะยาวด้วย”

นายอัฐ กล่าวปิดท้าย “นับเป็นความภาคภูมิใจของเครือ รพ. พญาไท-เปาโล ที่สามารถขยายบริการและสนองความต้องการของประชาชนได้ทุกกลุ่ม โดยเน้นการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูงสุด โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 2 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เขต EEC ให้มีความยั่งยืนต่อไป ด้วยการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยตั้งเป้าหมายในการนำเสนอประสบการณ์การรักษาที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการและบริการด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพแก่ผู้รับบริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

STYLE Bangkok 2024 ภายใต้ธีม ChicNature

เตรียมพบกับความงามที่มีสไตล์และความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมในงาน STYLE Bangkok 2024 ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชื่นชมกับแก่นแท้ของงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของไทย ที่จะบรรจบกับความทันสมัยในผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และงานคราฟท์ฝีมือระดับโลก ผู้ประกอบการมากกว่า 500 รายจากทั่วประเทศ และทั่วโลก นำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงของขวัญ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไปจนถึงเครื่องครัว และอื่นๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการในงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของเอเชีย STYLE Bangkok 2024

  • เผยโฉมแฟชั่นแห่งอนาคต ที่ STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 เป็นยิ่งกว่างานแสดงสินค้า
  • สืบสานมรกดวัฒนธรรมกับความร่วมสมัยที่ STYLE Bangkok 2024
  • สำรวจอนาคตของแฟชั่นและความยั่งยืนที่ STYLE Bangkok
  • จากมวยไทยสู่แฟชั่น ที่ STYLE Bangkok
  • ยกระดับผ้าทอไทยสู่ตลาดโลกที่ STYLE Bangkok 2024
  • ขุมทรัพย์แฟชั่นสุดสร้างสรรค์ที่ STYLE Bangkok 2024
  • หัตถศิลป์ไทยที่ก้าวข้ามกาลเวลา ในงาน STYLE Bangkok
  • ฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่นกับองค์ความรู้สมัยใหม่ ใน STYLE Bangkok 2024
  • STYLE Bangkok 2024 ส่งเสริมแฟชั่นไทยบนรากฐานความยั่งยืน

สำหรับผู้ชื่นชอบมวยไทย STYLE Bangkok 2024 นำเสนอผลิตภัณฑ์จากนักมวยไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ภายใต้แบรนด์ “บัวขาว แกลลอรี่” ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์ไทย มาอวดโฉมชาวไทยและชาวโลกเมื่อ ซอฟต์พาวเวอร์ของกีฬาและแฟชั่นมาบรรจบกันได้อย่างน่าทึ่ง

ไฮไลท์ยังไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ยังมีมรดกสิ่งทอไทยอันน่าชื่นชมที่บูธ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โครงการตามแนวพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ฟื้นคืนความรู้จากภูมิปัญญาพื้นถิ่นมาบูรณาการร่วมกับองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เกิดเป็นผลงานการถักทอผืนผ้าและงานหัตถศิลป์ไทยที่มีความร่วมสมัยเป็นสากล ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เป็นที่ยอมรับของตลาดภายในและต่างประเทศ

STYLE Bangkok 2024 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่เป็นการเชิดชูเอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นในมิติต่างๆ จากผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมไปจนถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ จากความคิดริเริ่มระดับรากหญ้าไปจนถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บทพิสูจน์ถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ของหัตถศิลป์ไทย ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาที่สืบทอดมานานต่อยอดกับแนวคิดสมัยใหม่และความยั่งยืนที่กำหนดทิศทางอนาคตของแฟชั่นไทย ที่ STYLE Bangkok 2024

STYLE Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ธีม “ChicNature’’ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 24 มีนาคม 2567

ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.stylebangkokfair.com

IRDP เปิดการฝึกอบรม หลักสูตร Leadership Succession Program รุ่นที่ 15

มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) จัดพิธีเปิดการฝึกอบรม หลักสูตร “Leadership Succession Program” (LSP) รุ่นที่ 15 ระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคม 2567 ณ โรงแรม Holiday Inn พัทยา โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ IRDP และ ประธานกรรมการบริหารหลักสูตร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีและกล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการ โดยมี ดร. เสรี นนทสูตร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส IRDP ดำเนินกิจกรรมแนะนำตนเอง และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยวัฒน์ วงศ์อาษา เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกล่าวปฐมนิเทศแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม

ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร. วรภัทร โตธนะเกษม ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการว่า ในยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนำมาซึ่งความท้าทายที่หลากหลาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กร จะต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้มีองค์ความรู้ และทักษะที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน สำหรับผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรนั้น ปัจจุบันมีโครงการฝึกอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้เข้าศึกษาหาความรู้และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารในระดับเดียวกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อกัน และยังเอื้อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย อย่างไรก็ตามความจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่องค์กรสมัยใหม่เห็นความสำคัญมากยิ่งขึ้น ก็คือการวางแผนสร้างบุคลากรในระดับรองและผู้ช่วยผู้บริหารสูงสุด เพื่อให้มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดขององค์กร (Succession Plan) ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานั้น มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “Leadership Succession Program” (LSP) เพื่อสนองความต้องการนั้นและนับตั้งแต่ปี 2556 และได้จัดหลักสูตร LSP มาแล้วจำนวน 15 รุ่น ดังนั้นจึงขอให้ผู้เข้ารับการอบรมตั้งใจรับฟังการบรรยายและเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์จากท่านวิทยากรที่ให้เกียรติมาบรรยายเพื่อจะได้นำความรู้และประสบการณ์มาปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป

วศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษํท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด

สำหรับโครงการดังกล่าว IRDP จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงขององค์กร รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ องค์การมหาชน หรือ บริษัทจดทะเบียน และบริษัทเอกชนต่าง ๆ อาทิเช่น “คุณสุโชติ เปี่ยมชล ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย” “คุณมงคล ตรีกิจจานนท์ รองผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” “คุณวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษํท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด” “คุณปกิต ภาคธรรม ผู้ช่วยผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค” “คุณนิยม จินดาปทีป รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านระบบดิจิตอล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด” คุณณภัทรา สุวรรณเดช ผู้ช่วยผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง” “คุณสุนันท์ นิ่มฟัก ผู้อำนวยการใหญ่(บริหารจราจรทางอากาศ) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด” เป็นต้น

ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้มีองค์ความรู้ และทักษะที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน สำหรับผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรนั้น ปัจจุบันมีโครงการฝึกอบรมทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้เข้าศึกษาหาความรู้และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารในระดับเดียวกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์อันจะเป็น สามารถนำความรู้จากเรื่องที่ได้รับการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ต่อการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาของแต่ละองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SKAL International Bangkok

SKAL International Bangkok สกาลสมาคมผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวสากลกรุงเทพฯ นำโดยเจมส์ เธอร์ลบี้ (อดีตนายกสมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ)ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกสมาคมสกาลสากลประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ ..จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันและการประชุมสามัญประจำปี 2567 โดยมีการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ โดยมี กนกรส วงศ์เวคิน (ผู้อำนวยการ เลอมาร์กอม)  ได้รับการโหวตให้เป็นนายกสมาคมคนใหม่ พร้อมคณะกรรมการอีก 8 ท่าน ณ ห้องอาหารสเปคตรัม โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่สุขุมวิท กรุงเทพฯ 

โดยมีเจ้าของธุรกิจ บุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้บริหารระดับสูงในวงการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาร่วมงานกัน อย่างคับคั่ง อาทิ  เอิร์ธ สายสว่าง (ประธานชมรมสื่อสารการตลาดโรงแรมแห่งประเทศไทย)
แอนดรูว์ เจ. วู้ด อดีตนายกสมาคมสกาลเอเซีย แซมมี่ โคโลรุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่สุขุมวิทกรุงเทพฯ ฟราสซิส ซิมเมอร์แมน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ มาร์วิน บีมานด์,ไมเคิล แบมเบิร์ก, พิชัย วิสูตรีรัตน์, จอนห์น นุ้สซี่ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมชาเทรียมเรสซิเดนซ์สาธร ดร.สก็อต สมิธ, กานต์พิชา คงสมบัติ, พรดา เพ็งสมบัติ เป็นต้น ทั้งนี้กนกรส วงศ์เวคิน (เป็นนายกสมาคมหญิงคนแรก) ตั้งแต่สมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ ก่อตั้งมาเป็นเวลา 30 ปี กนกรสและคณะกรรมการชุดใหม่มีวาระ 2 ปี

สมาคมสกาลสากลกรุงเทพฯ (SKAL Bangkok) จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันและค็อกเทลในโรงแรมระดับ 5 ดาวใจกลางเมือง สลับกันเป็นประจำทุกเดือน โดยเชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงมาบรรยายในหัวข้อที่เป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้สมาชิกและบุคคลที่สนใจได้มีโอกาสเสริมสร้างวิสัยทัศน์ด้านต่างๆ และมีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำธุรกิจร่วมกัน …สมาคมสกาลอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นสมาคมผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก (ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2477 ) โดยมีสาขาอยู่ทั่วโลกทั้งในยุโรป และเอเซีย สำหรับในประเทศไทย มีสาขาอยู่ในจังหวัดที่เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต สมุย กระบี่ เชียงใหม่ เป็นต้น

สนใจสมัครเป็นสมาชิกสมาคม ติดต่ออีเมล์ : memberships@skalbangkok.com

มองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ 

เตรียมตัวออกเดินทางไปยังใจกลางแห่งมองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ ที่ซึ่งคุณจะได้ลิ้มรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ดื่มด่ำไปกับความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ยาวนาน อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเราตั้งตารอคอยให้คุณมาร่วมเฉลิมฉลองประเพณีอันงดงามและมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวมองโกเลียจากความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภายใต้ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อเปิดสัมผัสวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของมองโกเลียผ่านการแสดงแบบดั้งเดิมและน่าตื่นตาตื่นใจ ค้นพบประวัติศาสตร์อันยาวนานและโอกาสในการไปเยือนสถานที่อันน่าตื่นเต้นร่วมกัน

มรดกทางวัฒนธรรมมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเอกลักษณ์ประจำชาติที่แสดงถึงตัวตนของชาวมองโกเลียอย่างแท้จริง และเรามองเห็นว่าควรนำเสนอความงดงามดังกล่าวไปสู่เวทีโลก พวกเขาจะได้มองเห็นภาพของประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงการมองไปยังอนาคต ทั้งหมดเป็นตัวกำหนดเรื่องราวในการเล่าเรื่องชาติของเรา มองโกเลียได้พยายามโอบอุ้มแก่นแท้แห่งความเป็นประเทศด้วยคำว่า “GO” อันเป็นอักษรและคำที่มีความหมายตั้งอยู่ตรงกลาง คุณจะได้เห็นการออกแบบอันฝังแน่นที่อยู่ในดีเอ็นเอของความเป็นมองโกเลีย สำรวจและค้นพบสัญลักษณ์และตัวตนอันแสนพิเศษที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจอันแตกต่างให้กับแต่ละเรื่องราวของมองโกเลีย

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คำว่า “GO” ถือเป็นหัวใจและใจกลางสำคัญของชื่อและชาติของเรา อาจมองเป็นคำง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง เพราะไม่เพียงแต่กำหนดแรงผลักดันและจิตวิญญาณในความเป็นชาติของเราเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชาวมองโกทุกคนบนเวทีโลกอีกด้วย เราได้รวม “GO” ไว้ในปรัชญาการสร้างความเป็นชาติของเราในแบบที่ไม่มีใครทำได้

คำว่า “มองโกเลีย” ถูกสร้างขึ้นโดยใช้สัญลักษณ์แห่งอักษรซอยอมโบ หรือ อักษรสวยัมภู ทั้งหมด โดยแต่ละองค์ประกอบนั้น ได้ถูกนำมาใช้อย่างประณีตเพื่อสร้างรูปแบบตัวอักษรที่โดดเด่น ส่งผลให้เกิดคำที่ทันสมัยและทรงพลังรูปแบบตัวอักษรมีลักษณะหนาและกว้าง โดยผสมผสานความแตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดทางสายตา แม้จะมีองค์ประกอบการออกแบบที่ทันสมัย แต่ค่านิยม ประเพณี และความสมบูรณ์ ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างแน่นเหนียว

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน มองโกเลีย
มองโกเลีย มีทุ่งหญ้าสเตปป์กว้างใหญ่ ภูเขาสูงตระหง่าน และวัฒนธรรมแห่งชนเผ่าเร่ร่อน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันล้ำค่าสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาการผจญภัย ค้นพบประวัติศาสตร์ และความงามของธรรมชาติ จนเราสามารถพูดได้ว่า นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด โดยแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์และความดึงดูดเฉพาะตัว:

1. ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายโกบี ทอดยาวไปยังทั่วภูมิภาคทางตอนใต้ของมองโกเลีย มีภูมิทัศน์อันน่าหลงใหลของเนินทรายและแนวหิน ดึงดูดนักเดินทางด้วยพืชพันธุ์และสัตว์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับเนินทรายแห่ง Kongoryn Els ที่สูงตระหง่าน ขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ Flaming Cliffs และดื่มด่ำไปกับการต้อนรับแบบพื้นเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน

2. ทะเลสาบ Khuvsgul (คุชกุล) ทะเลสาบ Khuvsgul ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “Blue Pearl” ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาทางตอนเหนือของมองโกเลีย เป็นสถานที่พักผ่อน พร้อมด้วยอากาศอันบริสุทธิ์สำหรับนักเดินทางที่มาตั้งแคมป์ เดินป่า และชมวิถีชีวิตการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ Tsaatan อีกทั้งยังมีน้ำทะเลใสดุจคริสตัลและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์โดยรอบ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสำรวจธรรมชาติพร้อมสัมผัสกับวัฒนธรรมอันงดงามของภูมิภาคแห่งนี้

3. อุทยานแห่งชาติ Terelj (เทเรลจ์) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันงดงามใกล้กับเมืองอูลานบาตอร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยหินแกรนิตที่ก่อตัวเป็นรูปทรงเต่าอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเงียบสงบเหมาะกับการทำสมาธิท่ามกลางทัศนยีภาพอันสวยงามและลำธารทอดยาว เดินทางเพียงไม่นานจากเมืองหลวงสู่อุทยานแห่งนี้ คุณจะได้ค้นพบความงดงามทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของมองโกเลีย

4. อนุสาวรีย์เจงกีสข่าน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับรูปปั้นคนขี่ม้าสูงตระหง่าน โดดเด่น และสง่างาม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงริมแม่น้ำตูล หรือเป็นที่รู้จักในนามอนุสาวรีย์รูปปั้นเจงกีสข่าน นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติของมองโกเลีย ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ทำให้สถานที่เหล่านี้ดึงดูดผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวผู้กระตือรือร้นที่จะเจาะลึกไปยังอดีตของมองโกเลีย

5. Kharkhorin (คาร์คอริน) ในฐานะเมืองหลวงเก่าแห่งจักรวรรดิมองโกล Kharkhorin เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น พระอาราม Erdene Zuu และซากปรักหักพังแห่ง Karakorum เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสำรวจมรดกและประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย อีกทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์ Kharkhorin ที่จัดแสดงมรดกของอดีตผู้นำเจงกีสข่าน ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์

6. ทะเลสาบ Ugii (อูกี) ทะเลสาบ Ugii ในจังหวัด Arkhangai อันเงียบสงบและงดงาม ดึงดูดผู้รักธรรมชาติด้วยผืนน้ำอันราบเรียบเงียบสงบ เหมาะแก่การดูนกและกิจกรรมสันทนาการ เช่น ตกปลาและพายเรือ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบเร่ร่อนของชาวมองโกเลียดั้งเดิม ช่วยเพิ่มสีสันและความรู้ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวที่เรานำเสนอ เป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศที่หลากหลาย วัฒนธรรมอันเก่าแก่ และประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย ทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจดจำอย่างแท้จริงสำหรับนักเดินทางที่มาเยือน

ผู้เข้าร่วมงาน The Mongolian TourismOrganization (MTO), องค์กรการท่องเที่ยวมองโกเลีย (MTO)
ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 รับหน้าที่ดูแลนโยบายภาคการท่องเที่ยว ประกอบด้วยสมาชิกคณะกรรมการ 27 คนที่ได้รับเลือกจากภาคการท่องเที่ยว

MTO ให้บริการสมาชิกเกือบ 300 รายจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคเอกชนและองค์กรภาครัฐเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมองโกเลียทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ร่วมสำรวจประสบการณ์อันน่าจดจำ ในวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00น. เป็นต้นไป

ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิร์ล พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 16:00 – 18:00 น.

“เกทเวย์ แอท บางซื่อ” ร่วมกับ โรส ศรินทิพย์ ฉลองเทศกาลคริสต์มาสมอบความสุขส่งท้ายปี

“เกทเวย์ แอท บางซื่อ” ฉลองเทศกาลคริสต์มาส มอบความสุขส่งท้ายปี
ด้วยต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่เพื่อชาวบางซื่อ พร้อมกระจายความสุขไปกับ โรส ศิรินทิพย์

ศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ ภายใต้ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ในเครือ AWC จัดงาน The Season of Happiness 2024 ส่งมอบความสุขส่งท้ายปี เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มกราคม 2567 พร้อมเปิด Lifestyle โซนใหม่ “เพลิน พาร์ค” เพื่อเป็นจุดเช็คอินย่านบางซื่อเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม วันคริสต์มาสที่ผ่านมา กับกิจกรรมที่อบอวนไปด้วยบรรยากาศของงาน ” The Season of Happiness 2024″ จัดขึ้นบริเวณลานอีเวนท์ฮอลล์ ชั้น M ที่เต็มไปด้วยความสุข จากการเปิดเวทีเรียกรอยยิ้ม ของเหล่าแฟนคลับตัวน้อย ด้วยโชว์ของเหล่าซานตาคลอส แซนตี้ และกวางเรนเดียร์ ก่อนที่ โรส ศิรินทิพย์ จะขึ้นเวทีมาพร้อมเพลงเพราะๆ ที่ขนมาครบทั้งเพลงดัง เพลงฮิต สมกับเป็นเทศกาลแห่งความสุขแบบจัดเต็มในครั้งนี้ รวมถึงเพลงตามคำขอจากแฟนคลับ ที่มานั่งรอชม กันแบบเต็มพื้นที่ และพิเศษสุด กับเพลงเมดเลย์ ฉลองเทศกาลคริสต์มาส ที่โรส เตรียมมาร้องกับแฟนเพลง กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถือว่าเป็นมินิคอนเสิร์ต สุดชิลในบรรยากาศสุดอบอุ่น ส่งท้ายปลายปีถือเป็นโมเมนต์แห่งความสุขของการเฉลิมฉลองแบบใกล้ชิด รวมถึงความสุขที่กระจายไปพร้อมกับขบวน Happiness Troop ที่มาส่งมอบความสนุกและภายนอกศูนย์การค้าฯ ได้เนรมิตต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าได้มาร่วมถ่ายรูปเช็คอิน และฟินไปกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี บริเวณ “เพลิน พาร์ค” พื้นที่โซนใหม่ที่ทางศูนย์การค้าฯ ได้เปิดขึ้น เพื่อเติมเต็มความหลากหลายให้แก่ทุกไลฟ์สไตล์ของชาวบางซื่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Best ALL Day Lifestyle Market and The Best Night-time Lifestyle Hangout เหมาะกับบรรยากาศการ การปาร์ตี้เฉลิมฉลอง พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ กับต้นคริสต์มาสสุดอลังการ ที่รายล้อมไปด้วยไฟประดับ ที่ทางศูนย์การค้าฯ ตั้งใจอยากให้เป็นจุดเช็คอินอัพโซเซียลให้แก่ชาวบางซื่อและใกล้เคียง

โค้งสุดท้ายกับเทศกาลเฉลิมฉลอง ความสุขจากโปรโมชั่นสุดคุ้ม ตลอดทั้งวัน เพื่อแทนคำขอบคุณจากทางศูนย์การค้าฯ กับแคมเปญโปรโมชั่นลดสูงสุดถึง 50% จากพันธมิตรร้านค้าชั้นนำ พร้อมร่วมรับสิทธิ์แลกรับของรางวัลพิเศษอีกมากมาย
กินหรือช้อป ภายในศูนย์การค้าฯ กระหน่ำแจกความสุข กับโปรโมชั่นส่งท้ายปี*

  • ครบ 1,500 บาท เลือกรับ Gift Voucher หรือของสมนาคุณ จากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์การค้าฯ ที่ร่วม รายการ หรือ
  • ครบ 3,500 บาท รับกระเป๋า Limited Edition (มูลค่า 599 บาท) ฟรี!
    พิเศษ!! ช้อปครบทุก 500 บาท ขึ้นไป(ต่อใบเสร็จ) รับสิทธิ์ Lucky Draw (E-Coupon) พร้อมของรางวัลจากกลุ่มโรงแรมในเครือ AWC ประกอบไปด้วย
  • รางวัลที่ 1 ห้องพักสุดหรู Deluxe Pool Villa จากโรงแรมบันยันทรี สมุย พร้อมอาหารเช้า 3 วัน 2 คืนสำหรับ 2 ท่าน มูลค่า 65,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
  • รางวัลที่ 2 ห้องพักสุดหรู Deluxe Garden Pool Suite จากโรงแรมบันยันทรี กระบี่ พร้อมอาหารเช้า 3 วัน 2 คืนสำหรับ 2 ท่าน มูลค่า 60,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
  • รางวัลที่ 3 บัตรกำนัลรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งจากห้องอาหาร Goji Kitchen+Bar จากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มูลค่า 5,412 บาท จำนวน 1 รางวัล

เต็มอิ่มไปกับเทศกาลของขวัญส่งท้ายปีใหม่ ต้อนรับปีใหม่ ที่ทางศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ จัดให้พร้อมพุ่งตัวไปช้อปปิ้งได้ในงาน “The Season of Happiness 2024” ช้อปสนุกส่งท้ายปลายปีกับสินค้าสุดพิเศษลดถึง 50% ตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มกราคม 2567 นี้ กับศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ ความสุขที่พร้อมสรรพสำหรับทุกครอบครัว

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

#ฉลอง5ปีที่เกทเวย์แอทบางซื่อ #5thAnniversaryGatewayatBangsue #GatewayatBangsue5th #GatewayatBangsue5 #Ajourneyoflove5

คุยกับ คุณพธู ณ สงขลา เปิดความสำเร็จผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้

Toptotravel ได้มีโอกาสพิเศษที่ได้พูดคุยกับ คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True world Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เบื้องหลังความสำเร็จเกี่ยวกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นช่วงเวลาต่อไปนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยว หลายคนบอกว่าอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แน่นอน…

เกาหลีใต้เป็นจุดมุ่งหมายที่หลายคนใฝ่ฝันและวางแผนการท่องเที่ยวหรือหลายคนก็ไปมาแล้ว และหากต้องการเที่ยวที่ไม่ต้องวางแผนการเดินทางเอง ไม่ต้องหาที่พักเอง ไม่ต้องหาแหล่งเที่ยวเอง ไม่ต้องหาร้านอาหารเอง มีที่หนึ่งที่อยากแนะนำ และสิ่งที่ทำให้
สามารถจัดการทุกอย่างให้ได้ทั้งหมดคือ True World Travel บริษัททัวร์ที่เปิดมายาวนานมากกว่าสิบปี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุดเตือนภัยจากกรณีแก๊งค์คอลเซนเตอร์ระบาดหนัก ทำอย่างไรให้ป้องกันโดนมิจฉาชีพหลอกลวง และในอนาคตจะมีปัจจัยความเสี่ยงอะไรเข้ามากระทบบ้างหรือไม่ ทำให้เราต้องบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ไปพร้อมกับการพัฒนา แก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

สิบกว่าปีแห่งการก่อตั้ง ทิศทางรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างไร
คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel ผู้นำด้านการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เล่าให้ฟังว่า …เริ่มเดิมทีเป็นไกด์พาคนไทยเที่ยวเกาหลีใต้มาก่อน ในช่วงนั้นเราก็ได้เห็นวัฒนธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ได้เห็นมุมมองแปลกๆ ได้เห็นเสน่ห์ของประเทศเกาหลีใต้ ทำให้หลงเสน่ห์เกาหลีใต้ อีกทั้งเรารู้ว่าลูกทัวร์ต้องการอะไร เรามีพาร์ทเนอร์เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญในประเทศเกาหลีใต้ จึงจับมือกันกับแลนด์ โอปะเรชั่น ตั้งบริษัท ทรู เวิลด์ ทราเวล ขึ้นมา ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2555
โดยเราจัดให้คนไทยไปเมืองที่นิยมไปเที่ยว กรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ มหานครปูซาน เมืองท่าอันดับหนึ่งของเกาหลี รวมถึงเกาะมรดกโลกอย่างเกาะเจจู ดินแดนที่ใครไปก็หลงเสน่ห์ เพราะคือธรรมชาติที่แท้จริง หาได้ยากมาก

แหล่งเที่ยวในกรุงโซล สามารถรักษาอันดับการเติบโตในเชิงรายได้มากน้อยเพียงใดกรุงโซล ส่วนใหญ่เน้นช้อปปิ้ง แฟชั่น ความงาม แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ อยู่ และตอนนี้เราจัดแพคเกจที่ไม่เหมือนใคร และทำขึ้นครั้งแรกกระแสตอบรับดีมาก โดยการเที่ยวกับทัวร์กึ่งเที่ยวด้วยตัวเอง โดยวันแรกมีไกด์ให้บริการและพาเที่ยว โดยที่เที่ยวที่พาไปก็เป็นแหล่งเที่ยวที่คนนิยมไปเช็คอินกันเช่น ห้องสมุด Starfield Library สายมูต้องไป พาไปไหว้พระที่ วัดพงอึนซา วัดเก่าแก่เป็นพันปี พาไปถ่ายรูปที่คลองชองกเยซอน หนึ่งในสัญญลักษณ์ของเกาหลีใต้และโรงแรมที่พักแน่นอนเราอยากให้คนไปเที่ยวเกาหลีในแบบที่ท่องเที่ยวเองสะดวก จึงเลือกโรงแรมที่คนไทยรู้จักกันดี นั่นคือย่านเมียงดง ทงแดมุน
เมื่อลงจากโรงแรมเดินไปช้อปปิ้งได้เลย และวันสุดท้ายก็ไม่ต้องกังวล ไกด์จะมารับที่โรงแรมสัมภาระเยอะขนาดไหนก็สามารถนำขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังสนามบินได้อย่างสะดวกสบาย เราให้คนไทยได้ไปเที่ยวกันจ่ายไม่ถึง 10,000 บาท 4 วัน 2 คืน รวมที่พัก 2 คืน ตั๋วเครื่องบิน พาเดินทางท่องเที่ยว
หรือจะท่องเที่ยวในแพคเกจแบบเดินทางกับไกด์และเที่ยวด้วยตัวเอง ก็ได้ทั้งสองแบบ เราพยายามตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคสมัยนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”

ปูซาน – โพฮัง
สำหรับเมืองที่กระแสเริ่มมาแรง อีกเมืองหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ คือ “มหานครปูซาน” ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล เผยว่า “….เพราะเป็นเมืองทะเล เมืองของกินอร่อย ถ่ายรูปสวย และแพคเกจเมืองปูซาน นอกจากปูซานแล้วยังพาไปเที่ยวเมืองโพฮัง เมืองที่ไปถ่ายทำซีรีส์ เรื่อง Hometown Cha Cha ซึ่งดังมากๆ หลายคนอยากตามรอยหัวหน้าฮง ได้ถ่ายรูป ได้ไปคาเฟ่พร้อมกับไปเช็คอินที่เที่ยวที่ใหม่ล่าสุด สะพาน Space walk เราให้ลูกค้าได้นอนที่โรงแรมติดชายหาดแฮอุนแด สองคืน นอกจากเห็นวิวทะเลแล้ว ยังเดินไป walking street , food street แหล่งแฮงค์เอาท์ที่ขึ้นชื่อ และไม่พลาดพาไปยังย่านช้อปปิ้ง ย่านนัมโพดง ที่เขาเรียกว่า เมียงดงแห่งปูซาน และตรงข้ามยังมีตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ รถไฟปุ๊กปิ๊ก ซึ่งตอนนี้เขาบอกว่าถ้าไปจองเองค่อนข้างยากมากๆ ส่วนใหญ่คนที่ไปเที่ยวเองไม่ได้ขึ้น แต่ ทรู เวิลด์ สามารถทำได้
ล่าสุด ทางทรู เวิลด์ ทราเวล จัดแพคเกจท่องเที่ยว นอกจากกรุงเทพฯไปปูซานแล้ว ยังมีบินจากเชียงใหม่ไปปูซานด้วย 4 วัน 2 คืน สามารถเช็คได้ทางช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ

เกาะเจจู
และถ้าจะไม่พูดถึงผลงานชิ้นโบว์แดงของ ทรู เวิลด์ ทราเวล คงจะไม่ได้ นั่นคือการพานักท่องเที่ยวชาวไทยบินตรงสู่เมืองมรดกโลก เกาะเจจู
ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล ได้เล่าต่อว่า “….เกาะเจจู นอกจากได้เป็นเมืองมรดกโลกแล้ว ยังติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เราก็รู้สึกว่าเกาะเจจูน่าเที่ยวมาก อยากให้คนไทยได้ไปสัมผัส เหมือนกับที่เราได้ไปแล้วเราตกหลุมรักที่นี่ จึงเริ่มตัดสินใจเช่าเหมาลำเครื่องบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเจจูเลย โดยสายการบินเจจูแอร์ โดยไม่ต้องไปรวมกับสายการบินอื่นหรือลงที่กรุงโซลก่อน เพราะไฟล์ทปกติไม่มีบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เจจู ถ้าเราไม่ทำทุกท่านก็ไม่สามารถไปลงเกาะเจจูได้ เพราะไม่มีไฟล์ทบิน เกาะเจจูมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราไปสถานที่หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งและกลับไปยังสถานที่เดิมในอีกเวลาหนึ่งบรรยากาศจะแตกต่างกันมาก จะไม่เหมือนกันเลย เช่นการขึ้นภูเขาฮัลลาซาน ซึ่งเป็นภูเขาที่เป็นต้นกำเนิดของเกาะเจจู สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ไปฤดู Autumm ต้นไม้เปลี่ยนสี ใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งภูเขา เมื่อไปช่วง Winter จะเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะหิมะปกคลุมทั้งภูเขา สวยงามมาก กลายเป็นว่าลูกค้าสามารถเที่ยวเกาะเจจูได้ทุกฤดูไม่เบื่อเลย”

สุด “ว้าว…เที่ยวทีเดียวสามเมือง”
และสำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบสองเมือง ทางบริษัท ฯ ก็ตอบโจทย์เช่นกัน “… แพคเกจใหม่ที่เราเพิ่งออกมาใหม่ คนไทยชอบเที่ยวกรุงโซลและปูซานด้วย จึงคิดว่าทำอย่างไรให้เชื่อมต่อกันถึงกันได้ เรามองถึงรถไฟความเร็วสูง KTX เราอยากให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ จึงออกแบบการท่องเที่ยวออกมาให้พักโซลสองคืนและปูซาลสองคืน และถ้าไปเจจู ปูซาน เราก็มี บินตรงไปเกาะเจจู ลูกค้าได้ไปเที่ยวธรรมชาติ ได้ทานหมูดำ อยากไปปูซานต่อเราก็จัดให้รวมตั๋วเครื่องบินภายในประเทศและพาไปเที่ยวโพฮังด้วย เราเรียกโปรแกรมนี้ว่า” ว้าว เที่ยวทีเดียวสามเมือง” คือ เจจู ปูซาน โพฮัง พร้อมเผยแผนและมอบโปรแกรมทัวร์สุดพิเศษส่งมอบให้คนไทย ส่วนโปรเด็ดๆ ของเดือนสิงหาคม ตอนนี้คือ 1 แถม 1 จ่ายคนเดียวเที่ยวได้สองคน เที่ยวแบบประทับใจ ไม่จกตา ตรงปกแน่นอน สามารถสอบถามได้ทุกช่องทางของการติดต่อของบริษัท”

ล่าสุดอยากเตือนภัยจากแก๊งคอลเซนเตอร์
ปัญหา-อุปสรรคทางด้านการจองทัวร์ท่องเที่ยวและที่สำคัญ ที่ผ่านมามีแก๊งค์คอลเซนเตอร์ได้เข้ามาหลอกล่อนักท่องเที่ยวในการจองห้องพัก และอื่นๆ ทำให้นอกจากจะไม่ได้เดินทางแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินอีกเป็นจำนวนหลายราย ทางผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “ระวังเรื่องแก๊งค์คอลเซนเตอร์ อย่าหลงเชื่อ หรือรีบตัดสินใจคล้อยตาม หากมีการขายทัวร์ในราคาที่ต่ำกว่าโปรโมชั่นของบริษัท และยิ่งถ้ารบเร้าให้รีบโอนเงินไปบัญชีบุคคลธรรมดายิ่งอันตราย ควรระวังหากมีคนที่โทรหรือทักหาเรา จากเบอร์ส่วนตัวหรือไลน์ส่วนตัว ปกติทางทรู เวิลด์ ให้แอดมินและเซลล์ทุกคนติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางของบริษัท ไลน์แอดบริษัท รวมถึงเบอร์ออฟฟิศ และเบอร์มือถือของออฟฟิศเท่านั้น ซึ่งตรวจสอบเบอร์และช่องทางการติดต่อได้ที่หน้าเพจ และการจองทัวร์ทุกครั้ง เราจะมีการออกอินวอยเรียกเก็บ ซึ่งจะมีเลข booking มีรายละเอียดชื่อโปรแกรม วันเดินทาง ยอดเงินที่ต้องชำระ และเลขบัญชีอบริษัท “ทรู เวิลด์ ทราเวล” เท่านั้น ระวังอย่าโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลเพราะนั่นคือมิจฉาชีพแน่นอน”

มุมมองความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างไร
และแน่นอนว่าจากกระแสความนิยม….การท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มพลังบวกที่ให้ความสุขกับผู้ที่เดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางที่ใด และสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปกับทัวร์แบบคุณไม่ต้องกังวล เรื่องของการหาที่พัก หาตั๋วเครื่องบิน การที่ต้องจ่ายเพิ่มกับกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ หากเดินทางด้วยตัวเองหรือหากต้องการเที่ยวด้วยตัวเองบ้างในบางวัน เขาก็มีแพคเกจให้เลือก แบบเที่ยวกับทัวร์ผสมผสานกับเที่ยวด้วยตัวเอง เรียกว่าตอบโจทย์ในความต้องการของผู้เดินทางอย่างแท้จริง เพราะการดูแลลูกค้า เราเน้นเรื่องของบริการหลังการขาย และความสะดวกรวดเร็วในการรับจองผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้เราได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ เราเชื่อว่าตลาดจะเติบโต โดยในมุมของ True World Travel

อีกมุมหนึ่งนั่นคือเรื่องของความรู้ความเข้าใจ การเลือกสรรบริษัททัวร์ ที่จะเดินทางก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่เราต้องพิจารณา ซึ่งทรู เวิลด์ ทราเวล ถือเป็นหนึ่งในบริษัททัวร์ชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการันตีได้ถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่มีมากกว่าสิบปี ดังสโลแกนของบริษัทที่ว่า 3 ดี นั่นคือ “เที่ยวดี พักดี และราคาถูกดี” คุณพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True world
Travel ให้สัมภาษณ์ทิ้งท้าย

สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ที่ ทรู เวิลด์ ทราเวล
Line : @gotrueworld , Facebook : True World Travel
Website : gotrueworld.com โทร 02-2121-037, 02-115-0037 กด2 (จ-ศ)
098-827-7522, 062-308-7522, (ทุกวัน)
061-273-7522, 065-502-7522 (ทุกวัน)