All posts by Shanya

บุญเฮ็ด บุญสร่าง

คีตะนครเอนเตอร์เทนเม้นท์
แคสติ้งนักแสดงภาพยนต์ ดราม่าแอคชั่น

เชื่อว่าทุกคนเคยตั้งคำถามว่า ตัวเรานั้นเกิดมาทำไม? เพื่อใคร?  หรือเพื่อตัวเอง? แต่สุดท้ายเราก็ลืมที่จะหาคำตอบ และใช้ชีวิตตามกระแสโลกกันต่อไป บางครั้ง  เมื่อเราประสบอะไรหนักหน่วงในชีวิต  เราก็มักจะคิดคำนึงถึงแม้สุดท้ายเราจะพบแต่ความว่างเปล่า สิ่งสำคัญคือเราได้อะไรจากหนังเรื่องนี้มากกว่า

วันนี้ toptotravel ชวนชมบรรยาการ การแคสติ้ง ภาพยนต์ บุญเฮ็ด บุญสร่างเป็นเรื่องราวของ ความรัก พลัดพราก  วิบาก  บุญกับการ  ชมการ“แคสติ้ง”
ผู้ร่วมแสดงจากเรื่อง บุญเฮ็ด บุญสร่าง  ซึ่งมีนักแสดงเข้าร่วมและให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก  ดูแล้วการเป็นดาราไม่ยากเลย  ยิ่งการแคสติ้งก็จะเป็นการทดสอบหน้ากล้อง ทั้งการอ่านบท การเล่น การสัมภาษณ์เพื่อดูทักษะไหวพริบหรือบุคลิกของผู้เข้ามาทำการแคส ก็เป็นโอกาสให้คนได้แจ้งเกิด ขึ้นมาเป็นนักแสดง นักแสดงที่มีชื่อเสียง เริ่มต้นจากการตระเวนแคสติ้งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดมีผู้กำกับเห็นคุณค่าและได้รับบทที่แจ้งเกิด

งานแคสติ้งเพื่อคัดเลือกนักแสดง ภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง” ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็น กรรมวิสัย

แน่นอน! วันนี้เราจึงได้รับเชิญมาร่วมชมบรรยากาศ การแคสติ้ง เรื่องราวของ ภาพยนต์ ความรัก พลัดพราก วิบาก-บุญ ด้วยจำนวนของเรื่องราวและตัวละครที่ค่อนข้างเยอะ ขณะที่ในความเป็นหนังที่นำเสนอเนื้อหาว่าด้วย นักแสดงนำเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนเก่ง กิจกรรมดีเด่น เรียนเก่ง กิจกรรมดีเด่น แต่ประสบปัญหาครอบครัว ชีวิตเลยหักเห พลิกผัน ไปในทางเลวร้าย ในวัยรุ่นติดยาเสพติดใช้ชีวิตเสเพล อบายมุขทุกอย่าง จนเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ถูกตามฆ่า หนีตาย ทำให้ชีวิตรักผิดหวัง พลัดพลาก จึงตัดสินใจบวชจนถึงปัจจุบัน และได้ทำการสร้างศาสนสถาน ถาวรวัตถุ จนเป็นที่รู้จัก
ในขณะนี้ วิบากก็ย่อมมาแต่กรรม ไม่บิวพลิ้วผันแปรไปเป็นอื่น และทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่หลงลืมที่จะมีฉากที่เปิดโอกาสให้ตัวละครได้โชว์ฝีไม้ลายมือทางการแสดงกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ภาพยนต์เรื่องนี้ ได้เค้าโครงสร้างจากชีวประวัติชีวิตจริง
ของ พระอาจารย์พล อธิปัญโญ เจ้าอาวาสวัดดานพระอินทร์  ต.ร่มเกล้า อ.นิคมคำสร้อย จ. มุกดาหาร

วัตถุประสงค์หลักของเรื่องราวในการสร้างภาพยนตร์ครั้งนี้ คุณเก็ต กล่าวว่าด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ได้เห็นพร้องต้องกันว่า ประวัติของพระอาจารย์ท่านเป็นพระนักสร้าง มีชีวิตที่น่าจดจำโดยเฉพาะเมื่อจับมาเกี่ยวกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และวิบากกรรม และน้อมนำเพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ และเป็นแก่นแห่งธรรม ในการนำมาสอนในเชิงพุทธศาสนาว่าคนเราเกิดมา “เกิดแต่กรรม ธรรมมะจัดสรร” ว่าเหรียญมี 2 ด้านเสมอ ในความดี มีความร้าย ในความร้าย ก็สามารถกลับมาดีได้ ด้วยเเสงสว่างแห่งธรรม

”ความรัก พลัดพราก วิบาก-บุญ”
นี่คือหนึ่งในการสร้างด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ได้เห็นพร้องต้องกันว่า ประวัติของพระอาจารย์ท่านเป็นพระนักสร้าง มีชีวิตที่น่าจดจำ และน้อมนำเพื่อที่จะเป็นอุทาหรณ์ และเป็นก่นแห่งธรรม ในการนำมาสอนในเชิงพุทธศาสนา ว่า คนเราเกิดมา ”เกิดแต่กรรม ธรรมมะจัดสรร” กรรม เราเป็นผู้กำหนด ธรรมะจัดสรร ถ้าพูดโดยรวม ในความหมายของ กฏแห่งธรรม เหรียญมี 2 ด้านเสมอ ในความดี มีความร้าย ในความร้าย ก็สามารถกลับมาดีได้ ด้วยเเสงสว่างแห่งธรรม

บริษัท คีตะนคร เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด แคสติ้งนักแสดงภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง”

นี่คือหนึ่งในทีมบริหารงาน โดยมืออาชีพ คุณเก็ต พัฒน์รดิศ อำนวยการสร้าง คุณวัตร ราชวัตร ผู้กำกับโดย คุณสจกมล อยู่สมบูรณ์  ผู้จัดการพร้อมทีมงาน ดำเนินงานแคสติ้งเพื่อคัดเลือกนักแสดง ภาพยนต์แนวดราม่าแอคชั่น ความรัก พลัดพราก วิบากบุญ “บุญเฮ็ด บุญสร่าง” ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็น กรรมวิสัย

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง โดยคาดว่า  จะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ประมาณปลายปี 2561 ติดตามชมกันให้ได้นะค่ะ

เปิดศึก! นวัตกรรมรถ BUS & TRUCK ’17

ประชัน นวัตกรรมรถ  เพื่อการพาณิชย์
กิจการพิเศษ แบรนด์ชั้นนำร่วมโชว์ของเด็ด!!

BUS & TRUCK ’17 งานใหญ่ในรอบปีที่รวบรวมเอาเหล่าขุนพลรถใหญ่แบรนด์ดัง มาจัดแสดงไว้ในที่เดียว พร้อมด้วยนวัตกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน อะไหล่ และอุปกรณ์ติดตั้งต่างๆ ของรถเพื่อการพาณิชย์และกิจกรรมพิเศษ

งานแสดงรถเพื่อการพาณิชย์และกิจการพิเศษ ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายระดมขนกันมาจัดโปรโมชั่นในแบบสุดพิเศษเพื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ และเป็นช่องทางให้ผู้ผลิตยานยนต์และผู้ประกอบกิจการขนส่งได้มีโอกาสดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจระดับประเทศ

งานรถใหญ่ระดับอาเซียนที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 14 ปี  เรียกว่าฮอตกันตั้งแต่กลางปี เพราะมีแบรนด์ชั้นนำอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์ ที่ปักธงพร้อมร่วมโชว์นวัตกรรรมเด็ดในงานทั้งนี้ 3 แบรนด์ดังอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์ แสดงความเชื่อมั่นในงาน BUS & TRUCK ’17 ด้วยการเซ็นสัญญาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และมีการเตรียมนวัตกรรมและของเด็ดของดีมาเปิดตัวและร่วมโชว์ในปลายปีนี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เผยว่า บริษัทฯ จะมีการนำนวัตกรรม
รถใหญ่เบนซ์ 3 รุ่น 3 แบบ อย่าง รถบัส รุ่น 917 รถตู้สปรินเตอร์ และรถหัวลากรุ่น Actrosโฉมใหม่มาให้ได้ชม มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนส่งแน่นอน นอกจากนี้ ไดสตาร์เทค ซึ่งเคยร่วมงานนี้ในก่อนและได้รับฟีดแบ็คที่ดีเนื่องจากกลุ่มรสบัสได้เข้ามาซื้อ Cloud Servers เพราะมีราคาถูกและทำงานได้หลายรูปแบบ ก็คาดว่าจะปีนี้จะมีกลุ่มลูกค้ามาเยี่ยมชมเพิ่มขึ้น โดยได้เตรียมสินค้ารุ่นใหม่และโปรโมชั่นมาให้แบบจัดเต็ม รวมถึงกู๊ดเท็มพ์ ที่ร่วมแสดงสินค้าติดต่อกันมาสองปี และได้รับความสนใจเกินคาดทุกครั้ง ทั้งห้องเย็นและแอร์ติดรถโดยสาร มั่นใจในศักยภาพของลูกค้าที่เข้าร่วมชมงาน ทั้งชาวไทยและในอาเซียนมีเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

คิมเมอร์ นำไฮดรอลิคยกสูงเปิดตัวในงาน BUS & TRUCK ’17 หวังให้กลุ่มขนส่งใช้เป็นช่องทางใหม่ในการลงทุน พร้อมนำวินซ์ตัวลากกระบะให้ลูกค้าได้เลือกใช้งาน มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มขนส่ง

คุณคิม คาทัสมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิมเมอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่าย
ไฮดรอลิคและกระบอกไฮดรอลิค เปิดเผยว่า ด้วยทางบริษัทฯ ได้ทำการนำเข้าและจำหน่ายไฮดรอลิคยกสูงยี่ห้อ HIDROMAS จากกลุ่มประเทศยุโรป จึงได้นำมาเปิดตัวในงาน BUS & TRUCK ’17 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่  2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ  ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ มากที่สุด

คุณภาพการทำงานของ ไฮดรอลิคยกสูงยี่ห้อ HIDROMAS สามารถยกน้ำหนักสิ่งที่บรรทุกมาได้มากกว่า 40 ตัน ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยในเมืองไทย มีเพื่อนพันธมิตรที่จำหน่ายไฮดรอลิคยกสูงอยู่เพียงยี่ห้อเดียว จึงถือว่าเป็นช่องทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มขนส่ง ที่จะช่วยประหยัดต้นทุนและช่วยเพิ่มผลกำไรได้เป็นอย่างมาก

“ด้วยทางบริษัทฯ มองว่าในปี 2560 เป็นต้นไป จะมีโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ทั้งของทางเอกชนและรัฐบาลเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก การนำไฮดรอลิคยกสูงที่ช่วยในการขนถ่าย อิฐ หิน ปูน ทราย ให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงทางบริษัทฯ ยังให้บริการทำการติดตั้งให้อีกด้วย”

นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกตัวที่ทางบริษัทฯ นำไปให้เป็นทางเลือกแก่กลุ่มขนส่งก็คือ วินซ์ ที่สามารถใช้ลากจูงกระบะที่บรรทุกสินค้าอยู่ริมถนนให้ขึ้นมาบนถนนได้ เพื่อให้การขนส่งใช้เวลาที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วยสำหรับสินค้าที่บริษัทฯ จำหน่ายอยู่เดิมนั้นคือ ไฮดรอลิคและกระบอกไฮดรอลิค ทีใช้ในรถขนขยะ อย่างเมื่อเทขยะลงไปในกระบะ
ไฮดรอลิคก็จะดูดขยะให้ไปเก็บไว้ท้ายกระบะ ซึ่งสินค้าทุกอย่างที่บริษัทฯ ทำการจำหน่ายล้วนแต่มีคุณภาพระดับสูงทั้งสิ้น

ทีวีพี ส่งตัวโม่ 5 คิว พร้อมติดตั้งบนรถใหญ่ทุกยี่ห้อ ตอบโจทย์ลูกค้า งาน BUS & TRUCK ’17

ทีวีพี ออโต้พาร์ท มั่นใจนำตัวโม่ขนาด 5 คิว เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 จุดเด่นด้านราคาที่ประกอบในประเทศ พร้อมทั้งทำการติดตั้งให้กับลูกค้า หากลูกค้าไม่มีรถใหญ่สามารถซื้อได้ที่บริษัทฯ ซึ่งมีการนำเข้ารถใหญ่มือสองนิสสัน ยูดี ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่าย

คุณสมนึก มงคลภิญโญภาส ประธานกรรมการ บริษัท ทีวีพี ออโต้พาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยทางบริษัทฯ ทำธุรกิจจำหน่ายโม่ปูนมาอย่างยาวนาน และในช่วงปลายปีนี้ได้ทำการขยายโรงงานเพื่อจะได้ประกอบตัวโม่เพิ่ม ซึ่งตรงกับช่วงเดียวกันที่งาน BUS & TRUCK ’17 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ จึงทำให้ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงในงานนี้

สินค้าที่ทางบริษัทฯ  นำไปแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 ก็คือ ตัวโม่ขนาด 5 คิว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดก่อสร้างเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่ทางบริษัทฯ จะทำการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มลูกค้าได้ทราบก็คือ ตัวปั๊มและมอเตอร์ ซึ่งได้นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้งานได้นานโดยไม่มีปัญหาใด ๆ และเมื่อนำมาใช้กับตัวโม่ขนาด 5 คิว ก็จะช่วยผลักดันให้งานที่ทำอยู่ไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมากก็คือ การให้คนขายตัวโม่ทำการติดตั้งในตัวรถให้ด้วย ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ทำตามที่ลูกค้าต้องการ สามารถติดตั้งได้ในรถใหญ่ทุกยี่ห้อ และหากในงาน BUS & TRUCK ’17
มียอดขายเกินที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก็พร้อมที่จะให้ทางโรงงานเพิ่มเวลาทำงาน สามารถผลิตตัวโม่ได้ตามที่ลูกค้าต้องการภายในเวลาที่รวดเร็ว

ส่วนธุรกิจอีกแผนกหนึ่งก็คือ การนำเข้าและจำหน่ายรถใหญ่มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ยี่ห้อฮีโน่ และนิสสัน ยูดี ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่ารถเก่าที่จำหน่ายในเมืองไทย เพราะตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดอายุการใช้งานของรถใหญ่ไม่เกิน 8 ปี การทำงานก็ไม่สมบุกสมบันเหมือนในเมืองไทย หากลูกค้ารายใดมีรถใหญ่ไม่เพียงพอกับงานที่ได้ทำสัญญามาก็สามารถซื้อรถใหญ่จากบริษัทฯ เพื่อประกอบตัวโม่ได้ในทันที

Hino 500 Victor Limited Edition รุกตลาดแค่ 500 คัน
พร้อมโชว์สมรรถนะ งาน BUS & TRUCK ’17

รถใหญ่ฮีโน่ ฉลองต่อเนื่องในโอกาสที่ทำตลาดขนส่งในเมืองไทยครบรอบ 55 ปี และสามารถทำยอดขายได้มากถึง 3.5 แสนคัน ส่ง  Hino 500 Victor Limited Edition ที่มีเพียง 500 คัน เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560  ที่ไบเทค กรุงเทพฯ

 

Hino 500 Victor Limited Edition ปฏิวัตินวัตกรรมรถบรรทุกกับ 500 Victor ที่รวบรวมจุดเด่นต่าง ๆ ไว้มากมายใน ทั้งรูปโฉมโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยและเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภท ทั้ง Off road & On road มาพร้อมความสะดวกสบาย ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เช่น หัวเก๋งแบบลอยตัวและระบบถุงลมที่นั่งคนขับ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ระบบยกหัวเก๋งด้วยไฟฟ้าสะดวกง่ายดายในการซ่อมบำรุงรักษา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในเก๋ง เช่น เปิด-ปิดกระจกหน้าต่างด้วยไฟฟ้า พร้อม central lock แผงหน้าปัด LCD ทันสมัยง่ายในการสังเกตุและมองเห็น ส่วนเรื่องความแข็งแรงทนทาน แชสซีใช้เหล็กที่แข็งแรงทนทานขึ้น ออกแบใหม่ให้สะดวกรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

ตัวถังและอุปกรณ์พิเศษ กับความปลอดภัยเต็มพิกัด ฮีโน่ Victor ทุกรุ่น จะติดตั้งระบบเบรค แบบ Full Air Brake และ Air bag เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม มี ABS ให้ลูกค้าเลือกใช้ พิเศษสุดกับระบบปฏิบัติการขนส่งอัจฉริยะ iQ-san ที่ให้มากกว่า ระบบ GPS ทั่วไป เพราะได้เพิ่มระบบ Safety และ ระบบ training ให้กับคนขับ ที่แสดงทั้งภาพและเสียงเตือนขณะขับขี่ และรายงานผลให้กับผู้เกี่ยวข้อง มาพร้อมกับเครื่องรูดใบขับขี่ ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก

พิเศษ ในโอกาสที่ฮีโน่ฉลองครบรอบ 55 ปี กับ Hino 500 Victor Limited Edition มีทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่ HINO 500 VICTOR – FM1AK1B (Truck Tractor) ; หัวลาก 344 แรงม้า และ HINO 500 VICTOR – FM2PK1B (Truck Tractor ) ; หัวลาก 380 แรงม้า ปรับเปลี่ยนรูปโฉมทั้งภายในและภายนอกสุดทันสมัย ที่สำคัญเอกลักษณ์พิเศษอย่างนี้ มีเพียง 500 คันเท่านั้น

นอกจากนี้ ทางฮีโน่ยังได้วางกลยุทธ์ที่จะดึงให้กลุ่มขนส่งต้องนึกถึงยี่ห้อฮีโน่เมื่อต้องการซื้อรถใหญ่เพื่อใช้งาน โดยจะมีโปรโมชั่นพิเศษที่เหมาะกับการขนส่งในช่วงปลายปี ซึ่งตรงกับช่วงของงาน BUS & TRUCK ’17 ทำให้ลูกค้าของฮีโน่ทำหน้าที่เพียงแค่ใช้รถในการขนส่งเท่านั้น แต่การดูแลรักษารถจะเป็นทางฮีโน่ที่ช่วยดูแลให้

คาร์แทรคโชว์ GPS ระดับ Cloud
พบของจริงในงาน BUS & TRUCK ’17

คาร์แทรค เทคโนโลยี ให้บริการด้านการติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และการจัดการระบบขนส่งอุปกรณ์จีพีเอสของคาร์แทรคมีคุณภาพสูง พร้อมรับประกันอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน สามารถติดตั้งคู่กับเครื่องรูดใบขับขี่แบรนด์มาตรฐานของโลก

คุณสมบัติเด่นของคาร์แทรค GPS Real-Time Monitoring การติดตาม และตรวจสอบยานพาหนะแบบเรียลไทม์ด้วยระบบ 3G คาร์แทรคใช้ระบบคลาวด์ในการให้บริการ ผู้ประกอบการสามารถล็อกอินผ่านอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้ทุกที่ทุกเวลา

Unlimited User ID คาร์แทรคให้จำนวนผู้ใช้งานอย่างไม่จำกัด จะแบ่งกันดูแลรถเป็นกลุ่ม ๆ ตามประเภทรถ ตามหน่วยธุรกิจ ตามระดับการบังคับบัญชา ตามสาขาต่าง ๆ ฯลฯ Live Position Streamingทราบทันทีว่ารถอยู่ที่ไหนด้วย GPS ของคาร์แทรคสภาพรอบ ๆ ณ สถานที่นั้นเป็นอย่างไร เชื่อมโยงผ่าน google earth แล ะgoogle street view

Route Replay  เรียกดูเส้นทางวิ่งย้อนหลัง ได้ถึง 6 เดือนจากหน้าฟลีท และสามารถขอข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 5 ปี Geofence  การสร้างกรอบพื้นที่เพื่อให้ระบบแจ้งเตือนผ่านอีเมล์เมื่อรถไปถึงจุดหมาย การใช้จีโอเฟนซ์อย่างสร้างสรรค์ ช่วยให้ผู้ประกอบการติดตามเส้นทางและสถานที่ที่รถต้องจอดแวะรายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Point of Interest การสร้างจุดสนใจ แลนด์มาร์กไว้ตามเส้นทาง เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ ร้านอาหาร สถานที่ที่ต้องลงสินค้า สี่แยกสำคัญ ๆ ป้อมตำรวจ ฯลฯ การใช้จุดสนใจควบคู่กับจีโอเฟนซ์อย่างสอดคล้องกัน จะช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมดูแลเส้นทางของรถขนส่งได้อย่างสบายใจDriving Behavior& Driving Performanceการ ติดตามดูพฤติกรรมคนขับ ทั้งในรูปแบบ real-time  และการส่งเป็น Alerts/Reports  เมื่อคนขับกระทำพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ประกอบการทราบความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างทุกเรื่อง ทุกเวลา

Report Generation  รายงานของคาร์แทรคมีทั้งแบบมาตรฐาน เกือบ 200 แบบ และแบบที่สร้างเอง (customized report) ตามแบบที่ผู้ประกอบการต้องการโดยเฉพาะ ได้อีกหลากหลายไม่จำกัดจำนวน

โดยกลุ่มบริษัทคาร์แทรคได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ที่ประเทศอัฟริกาใต้ โดยเริ่มต้นจากธุรกิจกู้คืนรถที่ถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Recovery) โดยมีทีมวิจัยและพัฒนามืออาชีพทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (Eco-System) เป็นของตัวเอง ทำให้สามารถกู้คืนรถที่ถูกขโมยได้ถึง 94% ต่อมาจึงได้ขยายธุรกิจในด้านการติดตามยานพาหนะในองค์กรธุรกิจ (Corporate fleet management)ปัจจุบันเปิดดำเนินการใน 24 ประเทศทั่วโลก มีลูกค้าไว้วางใจใช้บริการมากกว่า 658,000 ราย และได้จดทะบียนในตลาดหลักทรัพย์โจฮันเนสเบอร์ก (Johannesburg Stock Exchange – JSE) โดยมีมูลค่าตลาด 8,000 ล้านบาท

ไอวีโก้ ส่ง 3 รุ่นเด่น เอาใจผู้ประกอบการฯ
จัดเต็มโปรโมชั่นเฉพาะงาน BUS & TRUCK ’17

ค่ายไอวีโก้ เตรียมเปิดตัวรถหัวลากรุ่นใหม่ 410 แรงม้า ให้งาน BUS & TRUCK ’17 เป็นเวทีเปิดตัว เจาะกลุ่มขนส่งที่ต้องวิ่งทางไกลทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมนำรถหัวลาก 380 แรงม้า และรถมิกเซอร์ 290 แรงม้า เพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าในงาน เน้นอย่าพลาดมีโปรโมชั่นเด็ดแน่นอน

คุณสุขสมเกียรติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เอส.เค. กรุ๊ป เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถไอวีโก้ ประเทศอิตาลี เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมแสดงงาน BUS & TRUCK ’17 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ ทางบริษัทฯ ได้ตัดสินใจที่จะจัดงานเปิดตัวรถหัวลากรุ่นใหม่ขนาด 410 แรงม้า ขับเคลื่อนสองเพลา
ซึ่งเหมาะกับกลุ่มขนส่งที่ต้องขนส่งทางไกล ไม่ว่าจะเป็น ทั้งในประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

พร้อมทั้งยังมีรถหัวลากรุ่นเด็ด ขนาด 380 แรงม้า ซึ่งเหมาะกับการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งเพื่อการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงวิ่งขนส่งในประเทศด้วย เท่าที่ผ่านมาพบว่ารถหัวลากรุ่น 380 แรงม้านี้เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากสุด

ส่วนรุ่นมิกเซอร์  290 แรงม้า เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างต้องการเป็นอย่างยิ่ง เพราะในโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ต้องใช้รถมิกเซอร์เพื่อผสมปูนในการก่อสร้างถนนและอาคารต่าง ๆ อย่างมากมาย

“ด้วยทางบริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่ดีกับงาน โเดยเข้าร่วมแสดงติดต่อกันแทบทุกปี ในปีนี้ถือได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นกลับคืนเต็มที่แล้ว งานขนส่งก็มีตามมา ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายรถใหญ่ที่ทางบริษัทฯได้นำเข้าร่วมในงาน BUS & TRUCK ’17 จะต้องขายได้ดีแน่”

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ ที่รถใหญ่ไอวีโก้ได้ร่วมงาน BUS & TRUCK ทุกครั้ง จะต้องมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ มานำเสนอเสมอ และงานในปีนี้ ค่ายไอวีโก้ก็ได้เตรียมแคมเปญเด็ด ๆ ที่เหนือกว่าทุกปีมานำเสนอให้กับกลุ่มขนส่งด้วย พลาดไม่ได้เพราะจะมีเฉพาะในงาน BUS & TRUCK ’17 เพียงงานเดียวเท่านั้น

ไดสตาร์ ส่งเครื่องเสียงใหม่ 24 Vเจาะกลุ่มลูกค้ารถทัวร์
BUS & TRUCK ’17   เปิดตัวเครื่องเสียง 24 V ในงาน BUS & TRUCK ’17 รายแรกของเมืองไทย ราคาถูกกว่าแบบเดิม 12 V ที่ต้องนำมาดัดแปลงใหม่ มั่นใจกลุ่มรถทัวร์ต้องนำไปติดรถสร้างความบันเทิงให้ผู้โดยสาร พร้อมเป็น One Stop Service เพื่อสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้ติดตลาด

แหล่งข่าวระดับสูง บริษัท ซูเล็ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับงาน BUS & TRUCK ’17 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 ที่ไบเทค กรุงเทพฯ ทางบริษัทฯ ได้ตกลงใจที่เข้าร่วมแสดงในงานครั้งนี้ และได้นำสินค้าตัวใหม่เข้าเปิดตัวในงาน คือ เครื่องเสียงรุ่นใหม่ 24 V

เครื่องเสียง 24 V ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับรถบัส รถบรรทุกโดยเฉพาะ เนื่องด้วยในตลาดปกติทั่วไปจะใช้เครื่องเสียงรถบ้าน 12V ไปติดในรถบัสหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟ 24V การติดตั้งนั้นจึงต้องดัดแปลง หรือ เพิ่มอุปกรณ์ ทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง ทาง Distar จึงคิดค้นสินค้าขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย

Distarเป็นผู้ให้บริการแบบ One Stop Service ครบทุก ไลน์โปรดักช์ สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ เช่น GpsTracking ,ระบบ MDVR, ระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ(MOD) รวมทั้ง

กล้องติดรถต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งจุดเด่นของสินค้านอกจากเรื่อง ฟังก์
ชั่นการใช้งานแล้ว ยังเน้นเรื่องความแข็งแรงทนทานของวัสดุอุปกรณ์ที่
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในยานพาหนะโดยเฉพาะ

ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี และมีทีมงานทั้งในและต่างประเทศที่มีมากกว่า 800 ชีวิต จึงสามารถให้บริการครบวงจรในรูปแบบ one stop service พร้อม Monitoring Service 24 ชั่วโมง อีกทั้งสินค้ามีความหลากหลายตามความต้องการของประเภทธุรกิจซึ่งออกแบบมาเพื่อรถเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ และผ่านมาตรฐานจากกรมขนส่งทางบก สามารถช่วยลดต้นทุนการจัดการให้กับธุรกิจพร้อมสร้างความแตกต่างให้กับการบริการ นั่นคือเหตุผลที่ต้องเลือก Distar

ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมแสดงในงาน BUS & TRUCK ’17 เข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องหลายปี  เพื่อต้องการที่จะสร้างแบรนด์รอยัลตี้ให้ติดตลาดรถทัวร์ เมื่อลูกค้าที่จะใช้อุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้โดยสารภายในรถก็ต้องคิดถึงยี่ห้อไดสตาร์เป็นหลัก

โปรโมชั่นพิเศษที่จะมีในงาน BUS & TRUCK ’17 บริษัทฯ จะประกาศให้ทราบก่อนงานเริ่มอย่างแน่นอน เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดเฉพาะในงาน BUS & TRUCK ’17 นี้เท่านั้น

เมอร์เซเดส-เบนซ์, ไดสตาร์เทค และกู๊ดเท็มพ์
ปักธงพร้อมร่วมโชว์นวัตกรรรมเด็ดในงาน จัดขึ้นช่วงปลายปี 2560 บนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร  วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560
ณ ไบเทค กรุงเทพฯ

โครงการก้าวคนละก้าว

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงินสนับสนุน โครงการ ก้าว คน ละ ก้าว

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบเงิน จำนวน 24,000,000 บาท แก่ คุณอาทิวราห์ คงมาลัย – ตูน บอดี้สแลม (ที่ 3 จากซ้าย) เพื่อสนับสนุน “โครงการก้าวคนละก้าว” จัดกิจกรรมวิ่งการกุศลเส้นทางจาก อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงอำเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กิโลเมตร

นับเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ภายใต้   “KING POWER THAI POWER
พลังคนไทย”   ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้านสาธารณสุข โดยมี พลตรี พีระพล ปกป้อง (ที่ 2 จากซ้าย) เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมด้วย

ณ ห้อง Press Room ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ

สายการบินนิวเจน NewGen เฮรับข่าวดี

ICAO ปลดธงแดงประเทศไทย
ขยายเส้นทางบิน50เส้นทาง ธ.ค.นี้

สายการบินนิวเจน NewGen  จุดพลุรับ  ICAO ปลดธงแดงขยายเส้นทางประเดิมเปิดเส้นทางในประเทศ  2 เส้นทาง ปี 61  เปิดเกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย เตรียมขยายเส้นทางการบินเต็มอัตราทั้งเส้นทางบินในประเทศและเส้นทางบินระหว่างประเทศรวมเป็นมากกว่า 50 เส้นทาง เผย ธ.ค.นี้ เปิดเส้นทางบินในประเทศต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงท้ายปี หลังจับมือภาครัฐ-เอกชน จ.นครราชสีมา ร่วมเปิดเส้นทางบิน

นครราชสีมา-เชียงใหม่
และนครราชสีมา-ภูเก็ต

โดยรองรับผู้โดยสาร ทั้งภาคธุรกิจและภาคท่องเที่ยว รวมถึงบุคคลทั่วไป คาดมีผู้ใช้บริการปีละ 200,000  คน มั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจ.นครราชสีมา คึกคัก พร้อมเตรียมขยายเส้นทางบิน ระหว่างประเทศ อีก 3 ประเทศ  ในปี 2561 ในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย จากปัจจุบัน  มีบินตรงสู่จีน 37 เส้นทาง คาดเพิ่มผู้โดยสารอีก 500,000   ราย จากปี  2560 ที่คาดว่า  จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 1,500,000 ราย


นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนิวเจน ผู้ให้บริการเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศด้วยบริการเกรดพรีเมี่ยม เปิดเผยว่า หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ   (ICAO)  ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบินระดับโลกได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทยออกนั้น ถือเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย เพราะจะทำให้ผู้ให้บริการสายการบินต่างๆเดินหน้าขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อกังวลใดๆ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การให้บริการของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล และจะสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยในส่วนของสายการบินนิวเจนนั้นก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะทำการขยายเส้นทางการบินควบคู่กันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสายการบินนิวเจนประสบความสำเร็จในการให้บริการสายการบินระหว่างประเทศโดยเฉพาะเส้นทาง ไทย-จีน จำนวน 3 เส้นทางนั้น ล่าสุดได้มีแผนที่จะเปิดให้บริการเส้นทางการบินภายในปี 2561 อีก 3 ประเทศ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ให้บริการแบบพรีเมี่ยม และเป็นทางเลือกของผู้โดยสารให้มีความหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดเส้นทางการบินภายในประเทศ โดยได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครราชสีมา หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และตัวแทนจากภาคเอกชนทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมจะเปิดเส้นทางบิน นครราชสีมา – เชียงใหม่ และเส้นทางบินนครราชสีมา – ภูเก็ต ในวันที่ 3 ธันวาคมปีนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวที่จะมีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น รวมถึงผู้โดยสารเดินทางเพื่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปอาทิ นักเรียน – ศึกษา ซึ่งมีความต้องการใช้บริการการเดินทางค่อนข้างมาก ซึ่งคาดว่าการเปิดเส้นทางบินใหม่โดยใช้ฐานที่ท่าอากาศยาน จ. นครราชสีมา ทั้ง 2 เส้นทางจะทำให้สายการบินนิวเจนมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ200,000 ราย

ทั้งนี้หลังจากที่สายการบินนิวเจนเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ตามแผนจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประมาณ.500,000ราย และหากรวมกับแผนการขยายเส้นทางการบินต่างประเทศแล้วจะทำให้สายการบินนิวเจนมีเส้นทางการบินรวมทั้งสิ้นมากกว่า 50 เส้นทาง  ภายในปี 2561  ส่วนในปี  2560 นี้ ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสาร 1,500,000 ราย

นายเจริญพงษ์ ศรประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ สายการบินนิวเจน

“สาเหตุที่เลือกเปิดเส้นทางบินในประเทศแห่งแรกโดยใช้ท่าอากาศยานนครราชสีมา เป็นศูนย์กลางนั้น เนื่องจาก จังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมหลายด้าน ทั้งสนามบิน และการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นหัวเมืองใหญ่เป็นประตูสู่ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคม รวมถึงการท่องเที่ยว เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีประชากรเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GDP สูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นายเจริญพงษ์ กล่าว

สำหรับนโยบายการเปิดเส้นทางบินของสายการบินนิวเจนนั้น เราจะเน้นเส้นทางบินที่ยังไม่มีการเปิดให้บริการหรือมีการเปิดให้บริการที่ยังน้อย เช่นปัจจุบันที่เราประสบความสำเร็จในการบินไทย-จีน ก็เป็นการบินในเส้นทางที่บินไปเมืองรอง ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารที่ไม่ต้องการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินในเมืองใหญ่ และสำหรับการเปิดเส้นทางจากนครราชสีมาไปเมืองต่างๆ ก็เป็นการบินตรง เช่นกัน  จะทำให้ผู้โดยสารสะดวกและประหยัดค่าเดินทางจากเดิมที่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินหลักในเมืองหลวง นอกจากนี้เรากำลังศึกษาเส้นทางต่างๆจากสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเชื่อมโยงไปยังเมืองหลักสำคัญๆในประเทศที่ยังไม่มีเส้นทางบินตรง
ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆนี้”

การบินไทยร่วมกับไทยสมายล์ เปิด 2 เที่ยวบินใหม่

กรุงเทพ-เกาสง และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เริ่ม 1 ตุลาคม ศกนี้

การบินไทยร่วมกับสายการบินไทยสมายล์ เปิดตัวเส้นทางบินตรงล่าสุด 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่นักเดินทางจากนานาชาติต่างหลงใหลและพร้อมมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ ไลฟ์ โดยจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม ศกนี้ ตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์การขยายเส้นทางบินและเครือข่ายเชื่อมต่อกับการบินไทย ด้วยมาตรฐานบริการยอดเยี่ยมระดับโลก มุ่งรองรับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว นักผจญภัยระดับกลางถึงระดับบนที่ต้องการความสะดวกสบายจากการเดินทางด้วยมาตรฐานการให้บริการเต็มรูปแบบที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง

เกาสง เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สักการะพระศากยมุนีที่พุทธอุทยาน โฝ กวง ซาน เยี่ยมชมตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของไต้หวันที่ Kaohsiung 85 Building ตื่นตาตื่นใจไปกับ Dome of Light ประติมากรรมกระจกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก และพลาดไม่ได้กับการช้อปปิ้งของฝาก ลิ้มรสอาหารทะเลท้องถิ่นที่ลั่วเหอ มาร์เก็ต ตลาดคนเดินกลางคืนชื่อดังในเกาสง

หลวงพระบาง อดีตราชธานีเก่าแก่แห่งอาณาจักรล้านช้าง ชื่อเดิม “เมืองเชียงทอง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง แม่น้ำคานและแม่น้ำอู หลวงพระบางมีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย รวมทั้งยังมีอาคารเก่าในยุคอาณานิคมกระจัดกระจายอยู่ในเขตต่างๆ ของเมือง หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก ที่หลวงพระบางนักท่องเที่ยวจะได้ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมอันงดงาม ศิลปะล้านช้าง และบ้านเมืองสไตล์ โคโลเนียล ชื่นชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตกกวางสี และช้อปปิ้งถนนข้าวเหนียว

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการบินไทยมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่สู่เมืองเกาสง สาธารณรัฐไต้หวัน และหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ที่สำคัญ และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว โดยเกาสง เป็นเมืองใหญ่รองจากไทเป ซึ่งมีทั้งความทันสมัยผสมผสานไปกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนอาหารการกิน และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจ และกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในขณะที่หลวงพระบาง เป็นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีถึงความเป็นมรดกโลกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ วิถีชีวิต บ้านเมือง และวัฒนธรรมที่น่าค้นหาเหมาะสำหรับการพักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน ทั้งสองเส้นทางบินตรงใหม่นี้ ต่างมีศักยภาพอย่างมากและเป็นเส้นทางที่เป็น Exotic Getaway ของไทยสมายล์ ซึ่งประสบความสำเร็จและ เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่อง

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์

ทั้งนี้ ความร่วมมือในการเปิดเส้นทางบินใหม่ทั้ง 2 เส้นทาง ระหว่างการบินไทยและไทยสมายล์ ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญ เพื่อให้เห็นรูปแบบธุรกิจที่กำลังดำเนินไปในฐานะสายการบินบริษัทแม่และสายการบินบริษัทลูกที่มีการขยายเส้นทางบินใหม่และเชื่อมต่อเครือข่ายการบินอย่างเต็มรูปแบบ และล่าสุดกับการเปลี่ยนมาใช้ระบบสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสาร “อะมาดิอุส อัลเทีย” )Amadeus Altéa Suite) เพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองสายการบินสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยการให้บริการเส้นทางบิน 2 เส้นนี้ การบินไทยจะนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการขายและการทำการตลาดของการบินไทย ซึ่งรูปแบบธุรกิจลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในอีกหลายเส้นทางบินของการบินไทยและไทยสมายล์ ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนี้จะทำให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารที่ต้องเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ที่ การบินไทย และไทยสมายล์ ยิ่งไปกว่านั้นจะนำไปสู่การสร้างรายได้และการเติบโตให้กับทั้งสองสายการบินอย่างยั่งยืน”

สำหรับเที่ยวบิน กรุงเทพ – เกาสง เปิดให้บริการทุกวันส่วนเที่ยวบิน กรุงเทพ – หลวงพระบาง เปิดให้บริการ 4 วัน / สัปดาห์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งให้บริการชั้นโดยสาร 2 คลาสได้แก่ “Premium Economy Class” หรือ “Smile PLUS Class” ที่ให้พื้นที่โดยสารกว้างขวางสะดวกสบายกว่า และ “Smile Class” ชั้นโดยสารที่ให้ความคล่องตัว โดยผู้โดยสารทั้งสองคลาส จะได้รับน้ำหนักสัมภาระถึง 30 กิโลกรัม และ 20 กิโลกรัมตามลำดับ สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางใน Premium Economy Class หรือ Smile PLUS Classจ ะได้รับสิทธิพิเศษในการรับกระเป๋าเดินทางก่อน ทำการบินโดยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ที่พร้อมพรั่งไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงในเที่ยวบินที่เหนือกว่า ทั้งยังอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อผู้โดยสารโดยเฉพาะ พร้อมทั้งสะสมไมล์กับ Royal Orchid Plus อีกด้วย

สายการบินไทยสมายล์ เป็นสายการบินลูกของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจสายการบินภูมิภาคในระยะพิสัยใกล้และระยะพิสัยกลาง ภายใต้รหัสสายการบิน “WE” และมีเป้าหมายเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส ที่มุ่งเน้นในมาตรฐานการให้บริการที่เยี่ยมยอดควบคู่ไปกับความคุ้มค่าของราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้านักเดินทางระยะสั้น แต่ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสะดวกสบายสูงสุด สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการบริการที่เป็นเลิศ สายการบินไทยสมายล์ให้บริการด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-body Fleet) จำนวน 20 ลำ โดยมีฐานปฏิบัติการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายการบินไทยสมายล์ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการในหลากหลายมิติเพื่อสอดรับกับความต้องการของนักเดินทาง โดยปัจจุบันเรามีแนวคิดหลักในการให้บริการ คือ FLY SMART, FLY SABAI, FLY THAI SMILE.

ปัจจุบัน สายการบินไทยสมายล์ให้บริการ 10 เส้นทางภายในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงราย หาดใหญ่ อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และกระบี่ นอกจากนี้ ไทยสมายล์ยังให้บริการเส้นทางข้ามภาคระหว่างเชียงใหม่และภูเก็ต พร้อม 16 เส้นทางบินต่างประเทศสู่ เสียมราฐ, ปีนัง, ฉางซา, ฉงชิ่ง, เจิ้งโจว, คยา, พาราณสี, ชัยปุระ, ลัคเนา, ย่างกุ้ง, พนมเปญ, กัวลาลัมเปอร์,เวียงจันทน์, มัณฑะเลย์ และ 2 เส้นทางใหม่ เกาสง และ หลวงพระบาง โดยมีแผนที่จะเพิ่มความถี่การบินในเส้นทางในประเทศและเปิดตัวเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต

เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาสง บินตรงทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
พร้อมบริการแบบฟูลเซอร์วิส
ในราคาเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว)
สำรองที่นั่งแล้ววันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560

BKK-KHH (Bangkok-Kaohsiung) v.v.

BKK-KHH WE688 / TG2688 Daily 10.00 14.20

KHH-BKK WE689 / TG2689 Daily 15.20 17.50

เส้นทางกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง บินตรง 4 วัน / สัปดาห์
โดยให้บริการในวันจันทร์,วันพุธ, วันศุกร์ และวันอาทิตย์
วันละ 1 เที่ยวบิน พร้อมบริการแบบฟูลเซอร์วิส ในราคาเริ่มต้นที่ 2,600 บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว)

สำรองที่นั่งแล้ววันนี้ – 24 มีนาคม 2561เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

BKK-LPQ (Bangkok-Luang Prabang) v.v.

BKK-LPQ WE576 / TG2576 Mon,Wed,Fri,Sun 12.25 14.00

LPQ-BKK WE577 / TG2577 Mon,Wed,Fri,Sun 14.50 16.25

บินไปกับสายการบินที่หนึ่งของเอเชียแปซิฟิก การันตีด้วย 3 รางวัล จาก TripAdvisor Travelers’ Choice Awards 2017

สำรองที่นั่งได้ที่ www.thaismileair.com
และ Smile Travel Agents ใกล้บ้านคุณ
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ปาร์ตี้สุดหรูท๊อคออฟเดอะทาวน์!! ที่ดีที่สุด

แฟชั่นแบรนด์ดัง มิลิน พร้อมดีเจชื่อดังทั้งไทยและเทศร่วมผสานแรงบันดาลใจผ่านดนตรีและแฟชั่นไว้อย่างอลังการ

ผ่านพ้นไปแล้ว.. สำหรับปาร์ตี้ทอล์คออฟเดอะทาวน์แห่งปี  FLY BEYOND TONIGHT โดย  เกรย์  กูซ  ได้มอบความเป็นที่สุดแห่งที่สุดประสบการณ์ปาร์ตี้ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ผสานเอาแรงบันดาลใจทางดนตรีและแฟชั่นเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกของเมืองไทย

นายกสิณสุข   มะกล่ำทอง  SENIOR  CUSTOMER  MARKETING MANAGER เผยว่า  เกรย์ กูซ ตั้งใจจะเฉลิมฉลองประสบการณ์ปาร์ตี้ที่สุดแห่งที่สุด ที่ผสานเอาแรงบันดาลใจของเสียงเพลงและ แฟชั่นไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก ด้วยการรวมศิลปินชื่อดังในวงการเพลงทั้งไทยและเทศถึง 6 คน เริ่มจากศิลปินไทยอย่าง KYMC (เควายเอ็มซี) , PAKA(ผกา) ศิลปินเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดระดับนานาชาติอย่างเรดบูลคอมเพททิชั่น, เสริมทัพด้วยดีเจหนุ่มหล่อ NOXRO (น็อก์ซโร) และเพิ่มความพีคด้วย ลิเดีย ศุรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เปิดโชว์ในเพลงพิเศษ LIKE A GREY GOOSE FLY สุดเซอร์ไพร์ซ  ที่สะกดคนทั้งฮอลล์ไว้ด้วยน้ำเสียงทรงพลัง และการดีไซน์ร้องที่เป็นเอกลักษณ์

หลังจากนั้น มิลิน ยุวจรัสกุล ดีไซนเนอร์ชื่อดัง เปิดตัวคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ Autumn/ Winter 2017  Collection :  REHAB SEASON (รีแฮพ ซีซั่น)
จากแรงบันดาลใจบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของโลกแฟชั่น ผสานเข้ากับเทคโนโลยี แสง สี เสียง สุดล้ำสมัย บนเวที

ครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นงานที่รวมเอาเซเลบ ดารา และผู้คนในวงการแฟชั่นไว้อย่างคับคั่งแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยทีเดียว

เกรย์ กูซ ซูเปอร์พรีเมียมวอดก้าชื่อดังระดับโลก จากแคว้นคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส ด้วยความตั้งใจที่จะรังสรรค์เครื่องดื่มวอดก้าที่ดีที่สุดในโลก จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ผสานเข้ากับที่สุดของวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่ได้รับการบรรจงปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถันผ่านกระบวนการกลั่นเฉพาะตัวให้ได้มาซึ่งวอดก้าที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด ปราศจากสีและกลิ่น แต่ยังอุดมไปด้วยรสสัมผัสแบบธรรมชาติ บรรจุลงขวดแก้วดีไซน์โดดเด่น สมกับคุณค่าของความเป็นที่สุดของซูเปอร์พรีเมียม

ปิดท้ายด้วย  ความมันส์ขั้นสุดกับ 3 ดีเจชื่อดังระดับโลกอย่าง HEROBUST(ฮีโร่บัสท์) , HEATBEAT(ฮีทบีท) และ  BASSMODULATOR (เบสโมดูเรเตอร์) ทำให้ความแรงของคืนนั้นสูงขึ้นจนจบงาน โดยมี เกรย์ กูซ มิกซ์โซโลจิส คอยรังสรรค์เครื่องดื่ม บอกเล่าเรื่องราวของค่ำคืนความเป็นที่สุดแห่งที่สุด  GREY GOOSE FLY BEYOND BANGKOK   (เกรย์ กูซ ฟลาย บิยอน แบ็งค็อก) ด้วยการนำเอกลักษณ์ของประเทศเขตร้อน ผ่านส่วนผสมอย่าง GINGER LIQUEUR (จิงเจอร์ ลิคเกอร์) และ น้ำสัปปะรดสด เสิร์ฟพร้อมกับเกรย์ กูซ วอดก้า อย่างสดชื่นและนุ่มลึกอย่างลงตัวที่สุด เฉกเช่นเดียวกับกับปาร์ตี้ FLY BEYOND TONIGHT ที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามมหานครอื่นๆของโลกต่อไป

เกิดปรากฎการอันน่ามหัศจรรย์ งานเททองหล่อพระพิฆเนศ

โทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง บอกบุญ

พร้อมแล้วสร้าง พิธีหล่อพระพิฆเนตร (ปางลีลาประทานพรเงินล้าน ๘ พระกร) พร้อมคณะศิษย์ คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง ณ วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร

พระพิฆเนศ หรือ พระพิฆเนศวร ก็มีความหมายว่า เทพผู้ปัดเป่าอุปสรรค “พระพิฆเณศ”เชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ


 

ต้องอึ้งกับแรงศรัทธาในพระพุทธศานา และแวดวงการบันเทิงของไทย คุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง ชื่อดัง ประธานในพิธี ผู้ศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ ซึ่งนับเป็นพิธีกรรมที่สร้างความเป็นสิริมงคลอย่างมาก คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง บูชาพระพิฆเนศเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ  ซึ่งการจัดงาน ที่วัดท่าไม้  สมุทรสาคร เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม ติดแม่น้ำท่าจีน ธรรมชาติร่มรื่น  Toptotravel เพิ่งไปครั้งแรกประทับใจมากและจะกลับไปอีกแน่นอน

ปรากฎการอันน่ามหัจรรย์งานเททองหล่อพระพิฆเนศปางลีลาประทานประทานพรเงินล้าน8พระกร

โดยภายในงานพระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ เป็นประธานในพิธีเททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน 8พระกร  ในวันอาทิตย์ที่  24.ก.ย. 2560 ที่  วัดท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมี ท่านญาณภัทร ภททจาโร สถานปฎิบัติธรรมอารามผาหมื่น จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยคุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือ คุณโทนี่  นักเต้นอมิตตาทาทายัง ประธานในพิธี ได้ร่วมทำพิธีมหาบุญใหญ่ปลดปล่อย 2199 ชีวิตพร้อมลอยกระทงเปิดวังองค์พญานาค จุดเทียนเปิดทรัพย์ที่แม่น้ำท่าจีน และพิธีขอขมากรรมต่อครูบิดามารดาครูอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์  เป็นการเปิดจิตเพื่อรับบุญใหญ่ก่อนพิธีเททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน8พระกร โดยในงานเริ่มจาก

การทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดิน

พิธีเททองพระใหญ่ จุดเทียน
9 นพเคราะห์ บูชาเทียน เชิญพระพิฆเณศมาประทับ ณ.องค์หล่อทอง

พิธีเคราะห์เศียรพระพิฆเณศ

จบพิธีด้วยการรับพรพร้อมรับของที่ระลึก

สำหรับความเชื่อพระพิฆเนศมหาสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วง ถือว่าเป็นพุทธคุณรอบด้านครอบจักรวาล ในด้านการทำมาค้าขายให้โชคให้ลาภ เรียกโชคลาภ หรือ ลูกค้าเข้าร้าน ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า ทำธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เจริญขึ้นไปไม่มีเสื่อม มั่งคั่งมั่นคง ปกป้องคุ้มครองป้องกันภัย ทำให้ร้ายกลับกลายเป็นดี
ใครพบเห็นก็บังเกิดความรักใคร่เอ็นดู หากบูชาดีจะมีแต่โชคมีลาภไม่ขาด ค้ำคูณเจ้าของ มีฤทธิ์ทำให้เกิดโชคลาภน้อยใหญ่ บันดาลทรัพย์สินเงินทองจากหน้าที่การงาน เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น มีโชคบอกลาภอยู่เป็นประจำ ช่วยเหลือกิจการหน้าที่การงานต่างๆ ปรับดวงเสริมดวงแก้ดวงตกต่ำ ได้เป็นอย่างดี

คุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง เททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน8พระกรประสบความสำเร็จทุกวันนี้ได้เพราะมาจาการ บูชาพระพิฆเนศมาตลอดหลายสิบปี อย่างต่อเนื่อง บรรยากาศงานเททองหล่อ วัดท่าไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน เกิดปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์ ก่อนเริ่มทำทำพิธี มีลมแรงมาก ฝนตั้งเค้าจะตกหนัก เริ่มพิธีก็มีก้อนเมฆลอยตัวรวมกันลงไปที่พระอาทิตย์ทำให้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ

โอมศรีศรี คเณษายะ มาร่วมสร้างพระพิฆเณศกับครูโทนี่ ธวัชชัย โอสถานนท์ เททองหล่อ มหาเทพ พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน 8 พระกร ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ สร้างพ่อเททองพิธีบรวงสรวง เททองหล่อท่านพ่อคุรุเทพมหาคเนษศวร ปางนาถราถ ลีลาประทานทรัพย์ ณวัดท่าไม้ อานิสงส์การสร้างผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้หลวงพ่อที่หนึ่ง สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำตก แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร คณะใดกลุ่มใดมีศรัทธาจะสร้างเพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและส่วนรวม

วัดท่าไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่ประชาชนนิยมเดินทาง
เข้ามาเคารพสักการะนั้น ได้แก่ ราหู กวนอิม พระพิฆเนศ พระอินทร์ พระพรม
เจ้าแม่ตะเคียน นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา สำหรับถาวรวัตถุที่สำคัญภายในวัดท่าไม้ ณ ปัจจุบัน มีดังนี้

พระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชจำลองหน้าตัก 69 นิ้ว เป็นพระประธานในพระอุโบสถ รวมทั้งมีพระเชียงแสน พระสุโขทัย และพระอู่ทอง ร่วมประดิษฐานในพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ มีพระพุทธหิรัญราช เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ปางประทานพร เป็นพระประธานในศาลาการเปรียญ ศาลาชินบัญชร เป็นสถานที่รองรับพุทธศาสนิกชนในการปฏิบัติธรรมรักษาศีลเจริญสติปัฏฐานสี่ ศาลาบูรพาจารย์ เป็นศาลาที่ประดิษฐานพระเกจิดังในเมืองไทย ซึ่งทางวัดท่าไม้ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ 4 รูป

1. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
2. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
3. พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง ติสสโร) เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำท่าจีน
4. หลวงพ่อยี

ศาลาเทวาพิทักษ์ เป็นที่ประดิษฐานพระราหูเป็นศาลาประกอบพิธีกรรมการสวดดาวนพเคราะห์ย้ายรวมถึงใช้เป็นศาลาอเนกประสงค์ต่างๆ ศาลาพระธรรมจักรแก้ว ศาลาเจ้าแม่กวนอิม เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ศาลาพระแม่สิริมหามายา หอฉัน หอกลอง หอระฆัง หอวัตถุมงคลและของที่ระลึก

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบูชาเพื่อเป็นกุศล ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560
ณ วัดท่าไม้  ( งานเริ่มเวลา 14.00.น  เป็นต้นไป-เวลา 16.00.19  นาที)
ตรงกับเดือนเกิดของพระองค์ท่าน วันดี ฤกษ์มงคล สวรรค์ เทพเทวดา อํานวยอวยพรชัยให้ชีวิตของทุกคนที่มาร่วมงาน พบความสําเร็จความรุ่งเรือง
ความรํ่ารวย ความรุ่งโรจน์ตลอดไป

ประธานในพิธี  คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง

บุญกุศลอันเป็นต้นบุญเชื่อมต่อด้วยสะพานบุญไปถึงทุกๆ ท่าน ขอปฏิหารย์จงบังเกิดแก่ทุกท่าน แสงแห่งพุทธบารมี เปิดทางชีวิต  เปิดดวงชะตา
ให้รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ด้วยเทอญ สาธุ

ไหว้พระอิ่มบุญ แล้วก็มาอิ่มท้อง มาเลี้ยงปลา”ทานอาหาร”ไหว้พระสวดมนต์”มาปฏิบัติกรรมฐาน”มาสร้างบารมี “ทำทาน “พักผ่อนจิตใจมุมสงบ”  เพื่อเราจะได้สติ “เกิดปัญญา เดินถึงจุดมุ่งหมายด้วยกัน

โดยประธานในพิธี  คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง กราบนมัสการครูบาญานภัทร ขอบพระคุณ ครอบครัวนักเรียนทุกท่าน ประชาชน ได้ร่วมพิธีทองทองหล่อครั้งนี้ ขอบคุณดารานักแสดงเด็ก และสื่อมวลชนทุกท่านที่ร่วมทำบุญเททองหล่อและเพื่อน Fc ตลอดไป  จนถึงกาลยามิตรทั้งหลาย
มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ร่วมสร้างบุญใหญ่ทันใจ!!ทำบุญแผ่นทอง เงิน นาค หรือก้อนทอง ตามกำลังศรัทธา ณ. วัดท่าไม้ วันอาทิตย์ 24 กันยายน 2560

ขอขอบคุณข้อมูลจากวัดท่าไม้ : wattamai.org
ขอขอบคุณประธานในพิธี:
คุณธวัชชัย โอสถานนท์  หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง และครอบครัว

เที่ยวใกล้กรุงฯ เจอเสน่ห์ชลบุรี กับ วิถี 2วัฒนธรรม

ชุมชนบ้านชากแง้ว และ ชุมชนตะเคียนเตี้ยจ.ชลบุรี

ทริปการเดินทางครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยว แบบชุมชน อีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะนอกจากจะได้ไปเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่ายมีเอกลักษณ์เฉพาะชุมชน เยี่ยมชมบ้านร้อยเสา สวนมะพร้าวกับลมหายใจรวยรินของชาวสวน สวนเศรษฐกิจพอเพียงของ ป้ามิก ณ.ชุมชนตะเคียนเตี้ย

นักท่องเที่ยวจำนวนมาก หันมาสนใจการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้วิถีชุมชนไปปั่นจักรยาน ชมสวนมะพร้าวเรียนทำขนมหวาน ตัดพวงมโหตรและทำกุหลาบใบเตย และยังได้เรียนรู้แนวทางการดำเนินชีวิตหรือกิจกรรมของชุมชนที่เป็นที่นิยมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ในเมืองไทยของเราก็มีอีกหลายกิจกรรมท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชน ซึ่งมีอีกหลายๆ ที่ ที่แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวในเมืองไทยเองก็อาจจะไม่เคยได้สัมผัสแบบใกล้ชิด

ทริปการเดินทางนี้สืบเนื่องมากจากกิจกรรมทัวร์ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ด้วยการเดินทางร่วมกับสื่อมวลชน และ CELEB (น้องอาย) BLOGGER(อมยิ้ม) พร้อมช่างภาพนิ่งออกจาก กทม.-ชุมชนตะเคียนเตี้ย โดยมีฐานการเรียนรู้ มากถึง 6 ฐาน

ฐานที่ 1 ต้อนรับโดย พี่สาโรช โรจน์สกุลพานิช
ประธานวิสาหกิจชุมชน คนรักษ์มะพร้าว ตะเคียนเตี้ย ที่จะพาเราไปค้นพบสวนมะพร้าวของพี่สาโรช และ ปล่อยแตนเบียนร่วมกัน

ฐานที่ 2 ต้อนรับโดย ป้าลมุล
โชว์และพูดเกี่ยวกับขนมหวานและการแสดงรำตัด

ปล่อยแตนเบียน

ฐานที่ 3 นำทางโดย พี่สาโรช โรจน์สกุลพานิช ปั่นจักรยานชมสวนมะพร้าวป้าชื่น สวนมะพร้าวกับลมหายใจรวยรินของชาวสวนสวนเศรษฐกิจพอเพียงของ ป้ามิก สวนฟ้าใส ไอโกะ

ฐานที่ 4  ต้อนรับโดย  พี่วันดี-พี่เกด  เยี่ยมชมบ้านร้อยเสา ​ แวะพักที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ ตำรายารักษาโรค ตำราโหราศาสตร์ ปีนักษัตรไทย การดูฤกษ์ยาม ครกบดยา ภาชนะทองเหลืองสลักลาย และพระเครื่อง ดูแล้วของทุกชิ้นมีเรื่องราวมากด้วยคุณค่า โชคดีที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยีอนได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น

ฐานที่ 5 ณ บ้านใจดี ต้อนรับโดย พี่แป๊ด แข่งขันทำอาหาร (แกงไก่กะลา)
ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ยังเป็นชุมชน วิถีไทย ใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาดในการชิมเมนูนี้เด็ดขาด

คนตัดสินโดย พี่แป๊ด และมอบของรางวัลจากทางชุมชน

ฐานที่ 6 นำโดย พี่แป๊ด ตัดพวงมโหตรและทำกุหลาบใบเตย วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดของบรรพบุรุษอันล้ำค่า


​ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ในอดีตชุมชนตะเคียนเตี้ยมีอาชีพทำนา มีน้ำท่าสมบูรณ์ตลอดทั้งปี แต่เมื่อเวลาผันผ่าน น้ำที่ใช้ทำนาเริ่มไม่เพียงพอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกมะพร้าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จนปัจจุบันมีการทำสวนเกษตรหลากหลายมากขึ้น แต่สวนมะพร้าวยังถือเป็นอาชีพหลักของชุมชน เพื่อให้ชุมชนตะเคียนเตี้ยมีความแข็งแกร่ง นำรายได้เข้าสู่ชุมชน

เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุมชนบ้านชากแง้ว
ชุมชนชากแง้ว เป็นชุมชนที่มีมายาวนานกว่าร้อยปี ชุมชนยังอยู่ห่างจากทะเลไม่ ทำให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดิน น้ำ และป่าไม้ โดยชุมชนเริ่มก่อตั้งมาจากการที่มีชาวจีนโล้สำเภาหนีความแห้งแล้งมายังประเทศไทย ทำให้ชาวจีนหลายครอบครัวตั้งรกรากสร้างครอบครัวที่บ้านชากแง้ว หลังจากที่ทำงานเก็บเงินซื้อที่ดินทำกิน ในปัจจุบันมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 300 หลังคาเรือน อาคารบ้านเรือนจะเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงพบเห็นความรุ่งเรืองในอดีตของชากแง้ว ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันทรงคุณค่า และอัตลักษณ์เปี่ยมเสน่ห์ของชุมชนจีนโบราณ

สามารถเยี่ยมชมได้ในทุกๆ วันเสาร์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. – 21.00 น

เดินทางไปชุมชนบ้านชากแง้ว  วันหยุดทั้งที่ช้ชีวิตสุดคุ้ม เมื่อมาถึงต้องห้ามพลาดเดินชมบรรยากาศความเก่าแก่นับร้อยปีของ โรงหนังชากแง้วราม่าโรงหนังโบราณ หรือ ชากแง้วราม่า เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียงของคนในชุมชนรวมไปถึงภายในจังหวัดชลบุรี โรงหนังชากแง้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 เพื่อเป็นสถานบันเทิงให้คนในชุมชนพักผ่อน หย่อนใจ โรงหนังโบราณอยู่บริเวณหน้าตลาดที่อายุเก่าแก่กว่า50ปี โดยโรงหนังทำจากไม้ทั้งหลัง เหมาะแก่การเก็บภาพอย่างยิ่ง เพราะมีเหลือให้เห็นน้อยเต็มทีในปัจจุบัน

เดิน เที่ยว ชม กิน ของในตลาดเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไปชมบ่อน้ำ และ ถ่ายภาพกับโรงเตี๊ยม

ปิดท้ายด้วยสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิม หากใครได้ไปเยือนชุมชนบ้านชากแง้ว พลาดไม่ได้ที่จะเดินเที่ยวชมภายในหมู่บ้าน เริ่มที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ที่ชาวชุมชนเคารพนับถือมาช้านาน ถือเป็นศาลเจ้าของชาวจีนทั่วโลก เพื่อบูชาเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่คุ้มครองผู้เดินทางทางเรือ เจ้าแม่ทับทิมที่ชุมชนชากแง้วนี้มีมายาวนานกว่า 100 ปี ความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าหากผู้ที่มีความประพฤติปฏิบัติดีนั้น เมื่อมากราบไหว้ขอพรจากเจ้าแม่จะสมหวังทุกครั้งไป

พูดถึง​ชุมชนบ้านชากแง้วและบ้านตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ และตำบลตะเคียนเตี้ย เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดขอบรรพบุรุษอันล้ำค่าสมควรแก่การสืบสานและอนุรักษ์ไว้อย่างงดงาม

นอกจากนี้ ในบริเวณชุมชนยังมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย มาถูกวันจริงๆ ถูกทั้งตังค์ในแกระเป๋า และช่วงเวลาที่ดีเอามากๆ

ขอขอบคุณ ​จังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมดีดีส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว“ทัวร์เมืองเก่า เสน่ห์ชลบุรี วิถี 2 วัฒนธรรม”
ณ ชุมชนบ้านชากแง้ว และชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย โดยพาคณะสื่อมวลชน บล็อกด้านการท่องเที่ยว และ น้องอาย กมลเนตร เรืองศรี ร่วมทำกิจกรรม

ร้อยแก่นสารสินธุ์ 4 ลายศิลป์ ถิ่นแดนไหม

สุดยอดผ้าไหมประจำถิ่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน

ผ้าไหมทอมือ ถือเป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมที่ขึ้นชื่ออีกอย่างของทางภาคอีสาน ที่มีความละเอียดอ่อนชมการแสดงผ้าไหมอันวิจิตร หาดูยาก และสาธิตถึงกระบวนการผลิตแบบใกล้ชิด พร้อมชมแฟชั่นโชว์ผ้าไหมโดยนางแบบชื่อดัง “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์”

ไหมกลายเป็นสินค้าที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชน รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ 4 ลายศิลป์

นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวว่า ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมายาวนานหลายร้อยปี ในสมัยอดีตผ้าไหมและการทอผ้าไหม เป็นเพียงการผลิตใช้ภายในครัวเรือนเท่านั้น

ปัจจุบัน ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากไหมกลายเป็นสินค้าที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชน รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ คือจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และ จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้รับมอบหมายการส่งเสริม สนับสนุนผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผ้าไหมให้มีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพิ่มช่องทางการตลาดโดยการประชาสัมพันธ์ นำผลิตภัณฑ์ไหมที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ  มาให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ รวมทั้งกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการผ้าไหม มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบปะและแข่งขันทางธุรกิจ ตลอดจนการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่กลุ่ม จังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์

นายสฤษดิ์ กล่าวต่อว่า จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ได้จัดโครงการยกระดับผ้าไหมกลุ่มจังหวัดสู่การเป็นศูนย์กลางออกแบบผลิตภัณฑ์จากไหมในภูมิภาค จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไหม และ ผลิตภัณฑ์ OTOP ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ขึ้น
2 ครั้ง  โดยจัดขึ้น
ครั้งแรกระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ
ครั้งที่สองระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน และ 1 ตุลาคม ณ เซ็นทรัลบางนา



โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์จาก
ไหมกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายทางการค้าผลิตภัณฑ์ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ OTOP และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการผลิตผ้าไหมในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์จากไหม และ ผลิตภัณฑ์ OTOP ในพื้นที่ต่างจังหวัด ครั้งแรกระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และ ครั้งที่สองระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน และ 1 ตุลาคม ณ เซ็นทรัลบางนา

กิจกรรมในวันงานทั้งสองครั้งจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติผ้าไหมไทย พร้อมจัดแสดงผ้าไหมที่ได้รับรางวัลทองคำพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และการแสดงโชว์ผ้าไหมแพรวา มูลค่ากว่า 600,000 บาท


นอกจากนี้  ยังมีการสาธิตการเลี้ยงหม่อนไหม การขึ้นลายผ้าของ  แต่ละจังหวัด และการทอผ้าไหมแพรวาของจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยการแสดงแฟชั่นโชว์ โดยนางแบบชื่อดัง “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” พระเอกชื่อดังอย่าง “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” กางเกงมวยผ้าไหมตัวแรกของโลกโดยเต็งหนึ่ง Thai Fight, พร้อมด้วยการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินลูกทุ่งอย่าง รุ่ง สิริยา, จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ, ลำไย ไหทองคำ, โอ๋-เอ๋ พจนา, หญิง ธิติกานต์, นุช วิลาวัลย์ และวงโปงลางอินเตอร์

 

เมนูเล่มแรก ภัตตาคารเล่งหงษ์ อายุกว่า 55 ปี

เล่งหงษ์ คิทเช่น และ ลิวโฮ ซูชิ บายเล่งหงษ์ ลุยตลาดปี 2561

เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 55 ของ เล่งหงษ์ฯ ทางร้านจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนเราเสมอมา ด้วยโปรโมชั่น

เป็ดปังกิ่งต้นตำรับ 55 ปี จากเล่งหงษ์ฯ
จากราคาปกติ 900 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 599 บาท
และโปรฯ ข้าวหน้าเป๋าฮื้อ จากปกติ 400 บาท ลดพิเศษเหลือ 299 บาท (สำหรับ 1-2 ท่าน)

นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูชื่อดัง ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น ไก่แช่เหล้า, หูฉลามน้ำแดง, กุ้งทอดราดซอสวาซาบิ, เนื้อปูก้อนผัดผงกระหรี่, หมี่เล่งหงษ์ และขนมหวานขึ้นชื่ออย่าง คู่หูคู่เฮง ไว้รอต้อนรับในทุกวันอีกด้วย

นิก เล่งหงษ์ ลูกชายคนเล็ก เล่าถึงเรื่องราวของ ภัตตาคารเล่งหงษ์  ที่มีความอร่อยแบบบอกต่อรุ่นสู่รุ่น ด้วยระยะเวลายาวนาน 55 ปี  โดยในส่วนของการ บริหารภัตตาคารเล่งหงษ์  มีการประชาสัมพันธ์ร้านอย่างต่อเนื่อง ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ   และตัวผมเอง  ทำรายการกินเที่ยวอะราวเดอะเวิลด์
ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 น.  ทางช่อง 3SD ช่อง 28

ด้วยประสบการณ์ ทำรายการกินเที่ยวอะราวเดอะเวิลด์  ทำนิก มีโอกาสได้
ไปชิมอาหารเมนูแปลกใหม่ และก็มีการนำมาปรับใช้กับเมนูของ  เล่งหงษ์ โดยจะมีการคิดเมนูพิเศษเดือนละ 1 เมนู เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสชิมอาหารรสชาติใหม่ๆ ไม่จำเจ ลูกค้าประจำของร้านก็จะได้ตื่นเต้นไปกับเมนูใหม่ของร้านอยู่เสมอ โดยทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันช่วยบริหารงานจากคนในครอบครัว โดย แน๊ต เล่งหงษ์ ลูกสาวคนโต ช่วยดูแลด้านการตลาดและจัดซื้อ, โน้ต เล่งหงษ์ ลูกสาวคนกลาง ดูแลด้านผลิตภัณฑ์, การเงิน และรายการทีวี, นิก เล่งหงษ์ ลูกชายคนเล็ก ดูแลด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งหมด และอีกกำลังสำคัญ คุณหงส์  เล่งหงษ์ ภรรยาผม ที่ช่วยบริหารงานร้านทั้ง 2 สาขาจนเติบโตและสำเร็จมาถึง 55 ปีนี้

คุณหงส์  เล่งหงษ์ (ภรรยาเฮียซ้ง เล่งหงษ์ ประธานบริหาร ภัตตาคารเล่งหงษ์)

นิก เล่งหงษ์ ลูกชายคนเล็ก เล่าถึงเรื่องราวของ ภัตตาคารเล่งหงษ์  ที่มีความอร่อยแบบบอกต่อรุ่นสู่รุ่น ด้วยระยะเวลายาวนาน 55 ปี  โดยในส่วนของการ บริหารภัตตาคารเล่งหงษ์  มีการประชาสัมพันธ์ร้านอย่างต่อเนื่อง ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ   และตัวผมเอง  ทำรายการกินเที่ยวอะราวเดอะเวิลด์
ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 น.  ทางช่อง 3SD ช่อง 28

ด้วยประสบการณ์ ทำรายการกินเที่ยวอะราวเดอะเวิลด์  ทำนิก มีโอกาสได้
ไปชิมอาหารเมนูแปลกใหม่ และก็มีการนำมาปรับใช้กับเมนูของ  เล่งหงษ์ โดยจะมีการคิดเมนูพิเศษเดือนละ 1 เมนู เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสชิมอาหารรสชาติใหม่ๆ ไม่จำเจ ลูกค้าประจำของร้านก็จะได้ตื่นเต้นไปกับเมนูใหม่ของร้านอยู่เสมอ โดยทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันช่วยบริหารงานจากคนในครอบครัว โดย แน๊ต เล่งหงษ์ ลูกสาวคนโต ช่วยดูแลด้านการตลาดและจัดซื้อ, โน้ต เล่งหงษ์ ลูกสาวคนกลาง ดูแลด้านผลิตภัณฑ์, การเงิน และรายการทีวี, นิก เล่งหงษ์ ลูกชายคนเล็ก ดูแลด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งหมด และอีกกำลังสำคัญ  คุณหงส์  เล่งหงษ์ ภรรยาผม ที่ช่วยบริหารงานร้านทั้ง 2 สาขาจนเติบโตและสำเร็จมาถึง 55 ปี

นายณธีพัฒน์ อรุณศิริสกุล หรือ เฮียซ้ง เล่งหงษ์ (กลาง)

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2560 ภัตตาคารเล่งหงษ์จัดงานฉลองสุดยิ่งใหญ่ครบรอบ 55 ปี ในฐานะภัตตาคารอาหารจีนแต้จิ๋วรสชาติดั่งเดิมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชูจุดแข็งคุณภาพและวัตถุดิบสำคัญที่สุด รสชาติต้องคงความเป็นจีนแต้จิ๋ว บริการต้องเป็นเลิศ ให้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมแตกไลน์ธุรกิจเตรียมเปิด “เล่งหงษ์ คิทเช่น” ร้านอาหารจีนแนวโมเดิร์น และ “ลิวโฮ ซูชิ บาย เล่งหงษ์” ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ 5 ดาว ลุยตลาดหวังจับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ แถมจัดโปรสุดคุ้มเนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี

ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงคนเดียว นายณธีพัฒน์ อรุณศิริสกุล หรือ เฮียซ้ง เล่งหงษ์ ประธานบริหาร ภัตตาคารเล่งหงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภัตคารเล่งหงษ์ มี 2 สาขา คือ สาขาพระรามสอง และสาขาสุขุมวิท 62 โดยกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มครอบครัว และนักธุรกิจ ด้วยจุดแข็งของรสชาติที่คงเอกลักษณ์ต้นตำรับจีนแต้จิ๋ว อีกทั้งการให้ความสำคัญของวัตถุดิบและความสดของอาหารต้องมาเป็นอันดับ 1 พร้อมทั้งการให้บริการที่เป็นเลิศ และมุ่งเน้นให้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้เล่งหงษ์มีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในปัจจุบันที่ภาพรวมเศรษฐกิจซบเซาทางร้านก็ไม่ได้รับผลกระทบ ลูกค้ายังคงมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ร้านจึงเติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอดจนเข้าปีที่ 55 แล้ว ทั้งนี้ทางร้านยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้เท่าทันยุคเพื่อเป็นร้านอาหารจีนที่ทันสมัย พร้อมทั้งนำระบบคอมพิวเตอร์บริหารงานทั้งหลังร้านและหน้าร้านเพื่อความรวดเร็วและแม่นยำในการให้บริการ อีกทั้งเพิ่มช่องทางการติดต่อให้มากขึ้น อาทิ เฟสบุ๊ค, ไลน์แอด และ แอปพลิเคชัน Panda Food เพื่อตอบรับกับยุคดิจิตอล

คุณณธีพัฒน์ (นิก) อรุณศิริสกุล เล่งหงษ์ ลูกชายคนเล็ก บริหารงานด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภัตราคารเล่งหงษ์

“แผนการขยายไลน์ธุรกิจของเล่งหงษ์ฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ “เล่งหงษ์ คิทเช่น” เป็นธุรกิจร้านอาหารจีนแนวโมเดิร์น จะทำเป็นอาหารย่อส่วนในราคาที่สัมผัสได้เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น เน้นเปิดตามห้างสรรพสินค้า และอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราก้าวข้ามออกมาจากสายธุรกิจอาหารจีน คือ “ลิวโฮ ซูชิ บาย เล่งหงษ์” เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม คุณภาพระดับ 5 ดาว ในราคาที่ใครๆ ก็สามารถมาลิ้มลองได้ โดยพื้นที่ในการเปิดร้านเป็นแบบร้านเดียวอยู่ในบริเวณห้างฯ หรือนอกห้างฯ แล้วแต่โลเคชั่นที่เหมาะสม ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นทั้ง 2 แบรนด์ในปี 61 นี้แน่นอน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เล่งหงษ์ฯ เน้นความเป็นร้านอาหารของครอบครัวเสมอมาส่งต่อความรักความอบอุ่นจากรุ่นสู่รุ่นมายาวนานถึง 55 ปี

สิ่งที่ควรคงไว้เพื่อรักษาความดั้งเดิมเรารักษา สิ่งที่ควรพัฒนา เราก็ไม่หยุดยั้ง เพราะความพอใจของลูกค้า คือความสุขของเรา

อร่อยเว่อร์วังตามระเบียบ  กับเมนู คู่หูคู่เฮง การรวมตัวของของเฮงๆอร่อยๆ
อย่าง เผือกกวนชุบเมล็ดแตงโม และบัวลอยไส้งาดำทอดชุบงาขาว
ทานกับน้ำขิงร้อนๆของทางร้าน

เมนูนี้ เฮียซ้ง เล่งหงษ์ การันตี ถ้าไม่สั่งเมนูนี้ เฮียซ้งตีตาย
เปิดบริการ ทุกวัน 11.00-22.00น.
สำรองที่นั่ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สาขาพระราม2 โทร.02-4165000 , 02-4168872
สาขาสุขุมวิท62 โทร. 02-3116155 , 02-3116156
(ไม่มีสาขาอื่น)