Category Archives: ข่าวประชาสัมพันธ์

วศิน วรรณพฤกษ์ รับรางวัล ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลดีเด่นที่ได้รับรางวัล “คุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ” ประจำปี 2568 ในสาขา “ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ” สาขาหนึ่งของรางวัล “ซึ่งมอบให้กับบุคคลหรือองค์กรที่สร้างคุณประโยชน์และทำความดีต่อสังคมไทยอย่างโดดเด่น เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เช่น การพัฒนาสังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการทำจิตอาสา

โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 แล้วสำหรับปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำความดีและสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างโดดเด่น จัดขึ้นโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่ดีงามตามหลักปรัชญา ส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ศึกษา คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ พัฒนาสังคม อนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานศาสนา ส่งเสริมกีฬา และมุ่งมั่นจิตอาสาแบบบูรณาการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน นักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมรับรางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงาน และนายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

วศิน วรรณพฤกษ์ คว้ารางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐ จากเวที ASIA TOP AWARDS 2025

งานประกาศรางวัล ASIA TOP AWARDS 2025 ครั้งที่ 4 เพื่อยกย่องบุคลากร-องค์กร วัตถุประสงค์ในการจัดงานในปีนี้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนามูลค่าเศรษฐกิจ เป็น Soft Power อันทรงพลัง ได้แก่ อุตสาหกรรมบันเทิง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การแพทย์ สุขภาพและความงาม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อขับเคลื่อน และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกด้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศใน ภูมิภาคเอเชีย และ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ไทย-จีน จึงมีการแต่งตั้งฑูต จากโครงการ ASIA TOP AWARDS จัดขึ้น เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 ที่ Phenix Grand Ballroom ภายใต้ธีม “Soft Power & Wellness Grand Tourism” การประกาศเกียรติคุณครั้งนี้มี ศิลปิน ดารา นักร้อง ทั่วทั้งเอเชีย อาทิ ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง อินโดนีเซีย พม่า เวียตนาม มาเลเซีย เป็นต้น

ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชน ที่มีผลงานดีเด่นถูกเสนอชื่อให้ขึ้นรับรางวัล หนึ่งในนั้น คือ นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสึแดง ขึ้นรับรางวัลผู้บริหารงานการตลาดภาครัฐยอดเยี่ยม ขึ้นรับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน

“เป็นเกียรติสำหรับผมและครอบครัวมากครับ ผมได้รับรางวัลนี้ 3 ปีติดต่อกัน คือกำลังใจที่วิเศษในการทำงาน ผมจะตั้งใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และหัวใจ ปฎิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม และยึดหลักการธรรมาภิบาล เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น มุ่งหวังที่จะให้ประชาชนแถวชานเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับความเท่าเทียมและมีความสุขในการได้รับบริการระบบขนส่งสาธารณะทางราง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ขอบคุณครับ” นายวศิน กล่าวทิ้งท้าย

ม.ราชภัฏเพชรบุรีร่วมกับ บพข. จัดกิจกรรมทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เมื่อวันที่ 25-26 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โดยอาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี อาจารย์ ดร.มลทิชาโอซาวะ และ อาจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ เพ็ญวันศุกร์ จัดกิจกรรมทดสอบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดเพชรบุรี “วัฒนธรรมละมุน ธรรมชาติละไม เที่ยวสุขใจที่พริบพรี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเรื่อง การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ภายใต้แผนงานวิจัยการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดยครั้งนี้ได้นำภาคีที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และคณะนักท่องเที่ยว เยือนชุมชนบางตะบูน ชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จำนวนกว่า 50 ราย โดยมี ผอ. ดวงใจ คุ้มสอาด ผอ.ททท.สำนักงานเพชรบุรี ร่วมเดินทาง

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผู้รับผิดชอบกิจกรรมในครั้งนี้ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการทดสอบกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อประเมินเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้ออกแบบขึ้นมา ศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและภาคีที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาและส่งเสริมเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เหมาะสมของจังหวัดเพชรบุรี

หลักการของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีทั้งหมด 7 อ. ได้แก่ อ.1 คือ อาหาร รับประทานอาหารของท้องถิ่นที่ผ่านการปรุงและใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดสารและปลอดภัย เช่น อาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเค็ม ความหวาน เป็นต้น

อ.2 อากาศ อยู่ในพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติ สร้างความสดชื่นเพื่อช่วยให้ปอดได้พักและรับออกซิเจน พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไม่แออัดและไม่มีมลพิษสูง เช่น ฝุ่น PM 2.5, ควัน, และสารเคมีโลหะหนัก เป็นต้น

อ.3 ออกกำลังกาย การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเพื่อบริหารร่างกายให้เกิดการเคลื่อนไหว ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มการกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนดี เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำบัดความเครียด ลดอาการเจ็บปวดบางอย่าง และช่วยให้ระบบประสาททำงานดีขึ้น

อ.4 อารมณ์ มีอารมณ์รื่นเริง ยินดี มีความสุข ผ่อนคลาย สนุกสนาน มีจิตแจ่มใส และเพลิดเพลิน จากการทำกิจกรรมหรือการได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน

อ.5 อดิเรก ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพิ่มพูนคุณค่า มีคุณค่าทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความสุข และสนุกสนาน

อ.6 อนามัย แหล่งท่องเที่ยว สินค้า และบริการที่มีความสะอาดและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย

อ.7 อนุรักษ์ ใส่ใจและตระหนักการสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะ การรักษาธรรมชาติ การสนับสนุนวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการกระตุ้นจิตสำนึกในการดูแลโลกและตัวเอง”

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี กล่าวต่อว่า ทางคณะผู้จัดการทดสอบได้กำหนดลงพื้นที่ชุมชนเพื่อทำกิจกรรมไว้ 3 ชุมชน คือบางตะบูน อำเภอบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านศักยภาพในการจัดการท่องเที่ยวและมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น ในทั้ง 7 อ. ดังที่กล่าวมาแล้ว

อย่างชุมชนบางตะบูน จัดให้มีการล่องเรือเพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับวิถีชุมชนชาวประมง นอกจากทางนักท่องเที่ยวจะได้ล่องเรือสัมผัสกับบรรยากาศของผืนน้ำและชุมชนสองฝั่งแม่น้ำ ยังมีการจัดให้ชมการเลี้ยง หอยนางรม หอยแครง หอยแมลงภู่ บริเวณปากอ่าวบางตะบูน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งบริเวณท่าน้ำวัดปากอ่าวบางตะบูนมีเรือสำหรับนำนักท่องเที่ยวโดยไต๋เรือชาวชุมชนคอยให้การต้อนรับ

ผู้จัดกิจกรรมกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ก่อนที่จะล่องเรือ ทางคณะผู้จัดฯ ได้นำสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เทศบาลตำบลบางตะบูน เพื่อทำเวิร์คช็อป การทำผ้ามัดย้อม การนำวัสดุเหลือใช้เช่นแห อวนมาถักทอเป็นกระเป๋าใส่ของใช้ การทำขนมโบราณ การใช้ปลิงบำบัดนำเสนอการรักษาสุขภาพโดยปลิง

ร้านยุ้งเกลือ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่บ้านแหลม ที่ที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหารที่มีวิวสวยแต่อาหารอร่อย แต่ถือเป็นร้านที่มีตำนานของชุมชนนาเกลือที่ทำนาเกลือมากว่าแปดสิบปี และบอกเล่าเรื่องราวผ่านพิพิธภัณฑ์ของทางร้านโดยคนรุ่นที่สี่

การเยือนชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง เริ่มต้นกิจกรรมจากที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลาชัย ด้วยการเวิร์คช็อปเรียนรู้การตอกกระดาษ ก่อนจะพาคณะเดินชมชุมชนเก่าริมน้ำ เดินชมสตรีทอาร์ทและวิถีชุมชน นมัสการหลวงพ่อวัดมหาธาตุ ก่อนจะกลับมาทานอาหารในแบบขันโตกโดยนำเสนออาหารเชิงสุขภาพ พร้อมกับรับชมหนังใหญ่และการฝึกเชิดหนังใหญ่ การแสดงละครชาตรีละครพื้นบ้านที่ส่งต่อทางวัฒนธรรมจากเด็กๆ และชาวชุมชน โดยพี่น้อย – คุณรมยกรณ์ เอราวัณ

ในวันถัดมา เป็นการทำกิจกรรมที่ชุมชนถ้ำเสือที่ขึ้นชื่อด้านชุมชนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ จัดให้ร่วมกิจกรรมสาธิตทำทองม้วนเงินล้าน ทองม้วนน้ำตาลโตนด โดย คุณยายวรรณา อินมี ผู้คิดสูตร เรียนรู้กิจกรรมเสือปั้นไข่ สอนการทำไข่เค็มหมักดอกอัญชัญ การร่วมอนุรักษ์ป่าด้วยการนำเมล็ดพันธ์พืชไม้ยืนต้นไปปั้นดินยิงหนังสติ๊กเพื่อปลูกป่าโดย พี่น้อย – คุณสุเทพ พิมพ์ศิริ เป็นกิจกรรมสุดท้าย”

ทั้งนี้ หลังจากการทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทางคณะผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้จะนำข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นต่างๆ จากผู้ร่วมกิจกรรมเพื่อนำไปปรับปรุงและนำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่อไป

เริ่มแล้ว! Disney Toy Expo Thailand 2024 วันแรกสุดคึกคัก

แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ตบเท้านำของเล่นของสะสมมาโชว์เต็มลานเซ็นทรัลเวิลด์

( 15 สิงหาคม 2567 ) เปิดฉากวันแรกอย่างยิ่งใหญ่ สิ้นสุดการรอคอยงานใหญ่แห่งปีของสาวกแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์แห่ร่วมงานคับคั้ง เรียกว่าหลายคนที่มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า งานนี้จัดเต็มทำถึง เพราะเป็นครั้งแรกในไทยและในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยกกองทัพของเล่นของสะสมทุกคาแรคเตอร์
ที่แฟนๆ ชื่นชอบจาก Disney ,Pixar ,Marvel และ Star Wars ภายใต้ชื่องาน Disney Toy Expo Thailand 2024 งานที่รวบรวมสินค้าลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการมากมาย ของสะสมจากแบรนด์ระดับโลกสินค้ารุ่นลิมิเต็ด คอลเลคชันใหม่จากความร่วมมือของศิลปินชื่อดัง พร้อมเสริฟความบันเทิงใกล้ชิดเหล่าคาแรคเตอร์ดิสนีย์ที่มามอบความสุขสนุกสนานส่งตรงจากต่างประเทศ งานนี้เนรมิตพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น1ถึงชั้น3 ให้เป็นแหล่งรวมความสุขสนุกสนานและย้อนความทรงจำในวัยเด็ก ตลอด4วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่15-18สิงหาคมนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการงานของเล่นของสะสมเลยทีเดียว

คุณปรีชา อาชามงคล ผู้อำนวยการลิขสิทธิ์สินค้าอุปโภคบริโภคประจำประเทศไทยและเวียดนาม และคุณชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ Chief Executive Officer บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมพบกับนักแสดง และนักร้องสุดฮอต โฟร์ท- ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล ที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ การเป็นแฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์ และสนุกสุดฟินกันแบบฉ่ำๆ กับการแสดงมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN ปิดท้ายด้วย Mickey & Friends คาแรคเตอร์จะออกมาทักทายแฟนๆอีกด้วย

โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน), บริษัท เอส เอฟคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ขวัญชนกโปรดักชั่น จำกัด,บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด

ภายในงานบรรยากาศสนุกสุดฟินที่แต่ละแบรนด์ต่างครีเอตบูธและสินค้าได้อย่างน่าตื่นตาและน่าสนใจทั่วทุกบริเวณงานทั้ง 3ชั้น มีแบรนด์ชั้นนำเผยโฉมสินค้าแปลกใหม่ของหายาก และเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่สุดพิเศษจากแบรนด์ ต่างๆอาทิ Royal Selangor มาพร้อมกับ BE@RBRICK IRONMAN เปิดตัวครั้งแรกของโลก AppleSheepที่เตรียมเปิดตัวสินค้าจากการร่วมมือสุดพิเศษกับศิลปินชื่อดังระดับโลก ซิโมเน่เล็กจ์โน่ Simonelegno ( Tokidoki) ไอคอนสตรีทอาร์ตที่มีคาแรคเตอร์เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจ นำลายเส้นสไตล์น่ารักอันเป็นเอกลักษณ์มาสู่ Mickey & Friends ด้วย Collection เสื้อผ้าเครื่องประดับหลากหลายอย่างที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน ,แบรนด์Sheepเปิดตัวเคสโทรศัพท์ ลาย Spider-Man โดยมี วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร มาร่วมงาน และ Asaki ที่มาพร้อมกับ Box Set สุดพิเศษ ปิดท้ายด้วย Wongdek Toysland ที่มาพร้อมการเปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุดจากแอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Cars จาก Pixarพร้อมพบกับบรรดาแบรนด์ของเล่นของสะสมชั้นนำระดับโลกมากมาย อาทิเช่น LEGO,Royal Selangor, Threezero,funko,Loungefly ,URDU,BEAST KINGDOM, Makeitloud และ AppleSheep รวมร้านค้าทั้งหมดมากกว่า 40 บูธ นอกจากได้พบสินค้าแล้วยังมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การแจก Voucher ผ่าน Shopee Live และโปรโมชั่นประจำบูธลุ้นรับของรางวัลมากมาย

Meet & Greet กับ Mickey &Friends ที่มาสร้างความสนุกสนานอบอุ่นหัวใจให้กับผู้ชมทั่วโลกมานานหลายทศวรรษเตรียมเปิดรับโอกาสสุดพิเศษที่จะได้พบปะ และทักทายกับ Mickey พร้อมผองเพื่อนที่พวกเขาจะปรากฏตัวตลอด 4 วัน ภายในงาน DisneyToy Expo Thailand 2024 เพื่อพบกับแฟนๆ ชาวไทย

กิจกรรมพิเศษจากกลุ่มแฟนชาวไทย การแสดงร้องเพลงจากกลุ่มแฟนๆโดย DMCT จะทำการแสดงขับร้องบรรดาเพลงฮิตของดิสนีย์อันเป็นที่รักของทุกคน ผ่านกลุ่มแฟนๆมากความสามารถพวกเขาตัวกันด้วยความหลงใหลในดนตรีของดิสนีย์โดยพวกเขาเคยถ่ายทำเพลงดิสนีย์เวอร์ชั่นของตัวเองมาแล้วด้วย มาร่วมย้อนสู่วัยเด็กที่ชวนคิดถึงและร้องเพลงท่วงทำนองที่คุ้นเคยผ่านเพลงโปรดของแฟนๆ

บูธจากกลุ่มแฟนๆ โดย 501st Thailandหากคุณเป็นแฟนของ Star Wars ห้ามพลาดบูธของ 501st Legion Thailand กลุ่มแฟนๆที่จะแต่งกายด้วยแรงบันดาลใจจากความหลงใหลใน Star Wars พร้อมเปิดโอกาสในการถ่ายรูปรับของที่ระลึกตามธีม และอื่นๆ อีกมากมายการแสดงคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก LYKN กลุ่มศิลปินบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยโดยพวกเขาจะมาสร้างสีสัน มอบความสนุกสนานให้กับแฟนๆ และผู้เข้าร่วมงาน

พบกับงาน Disney Toy Expo Thailand 2024 ตลอด 4 วันเต็ม เปิดให้เข้าชมฟรีทั้งงาน ตั้งแต่วันนี้ – 18สิงหาคม 2567 ภายในพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ Instagram DTX Thailand 2024

มองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ 

เตรียมตัวออกเดินทางไปยังใจกลางแห่งมองโกเลีย ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันแปลกใหม่สุดประทับใจ ที่ซึ่งคุณจะได้ลิ้มรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ดื่มด่ำไปกับความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ยาวนาน อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเราตั้งตารอคอยให้คุณมาร่วมเฉลิมฉลองประเพณีอันงดงามและมีชีวิตชีวาที่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวมองโกเลียจากความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภายใต้ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อเปิดสัมผัสวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของมองโกเลียผ่านการแสดงแบบดั้งเดิมและน่าตื่นตาตื่นใจ ค้นพบประวัติศาสตร์อันยาวนานและโอกาสในการไปเยือนสถานที่อันน่าตื่นเต้นร่วมกัน

มรดกทางวัฒนธรรมมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเอกลักษณ์ประจำชาติที่แสดงถึงตัวตนของชาวมองโกเลียอย่างแท้จริง และเรามองเห็นว่าควรนำเสนอความงดงามดังกล่าวไปสู่เวทีโลก พวกเขาจะได้มองเห็นภาพของประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงการมองไปยังอนาคต ทั้งหมดเป็นตัวกำหนดเรื่องราวในการเล่าเรื่องชาติของเรา มองโกเลียได้พยายามโอบอุ้มแก่นแท้แห่งความเป็นประเทศด้วยคำว่า “GO” อันเป็นอักษรและคำที่มีความหมายตั้งอยู่ตรงกลาง คุณจะได้เห็นการออกแบบอันฝังแน่นที่อยู่ในดีเอ็นเอของความเป็นมองโกเลีย สำรวจและค้นพบสัญลักษณ์และตัวตนอันแสนพิเศษที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจอันแตกต่างให้กับแต่ละเรื่องราวของมองโกเลีย

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คำว่า “GO” ถือเป็นหัวใจและใจกลางสำคัญของชื่อและชาติของเรา อาจมองเป็นคำง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง เพราะไม่เพียงแต่กำหนดแรงผลักดันและจิตวิญญาณในความเป็นชาติของเราเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชาวมองโกทุกคนบนเวทีโลกอีกด้วย เราได้รวม “GO” ไว้ในปรัชญาการสร้างความเป็นชาติของเราในแบบที่ไม่มีใครทำได้

คำว่า “มองโกเลีย” ถูกสร้างขึ้นโดยใช้สัญลักษณ์แห่งอักษรซอยอมโบ หรือ อักษรสวยัมภู ทั้งหมด โดยแต่ละองค์ประกอบนั้น ได้ถูกนำมาใช้อย่างประณีตเพื่อสร้างรูปแบบตัวอักษรที่โดดเด่น ส่งผลให้เกิดคำที่ทันสมัยและทรงพลังรูปแบบตัวอักษรมีลักษณะหนาและกว้าง โดยผสมผสานความแตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดทางสายตา แม้จะมีองค์ประกอบการออกแบบที่ทันสมัย แต่ค่านิยม ประเพณี และความสมบูรณ์ ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างแน่นเหนียว

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน มองโกเลีย
มองโกเลีย มีทุ่งหญ้าสเตปป์กว้างใหญ่ ภูเขาสูงตระหง่าน และวัฒนธรรมแห่งชนเผ่าเร่ร่อน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันล้ำค่าสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาการผจญภัย ค้นพบประวัติศาสตร์ และความงามของธรรมชาติ จนเราสามารถพูดได้ว่า นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด โดยแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์และความดึงดูดเฉพาะตัว:

1. ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายโกบี ทอดยาวไปยังทั่วภูมิภาคทางตอนใต้ของมองโกเลีย มีภูมิทัศน์อันน่าหลงใหลของเนินทรายและแนวหิน ดึงดูดนักเดินทางด้วยพืชพันธุ์และสัตว์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับเนินทรายแห่ง Kongoryn Els ที่สูงตระหง่าน ขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ Flaming Cliffs และดื่มด่ำไปกับการต้อนรับแบบพื้นเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน

2. ทะเลสาบ Khuvsgul (คุชกุล) ทะเลสาบ Khuvsgul ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “Blue Pearl” ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาทางตอนเหนือของมองโกเลีย เป็นสถานที่พักผ่อน พร้อมด้วยอากาศอันบริสุทธิ์สำหรับนักเดินทางที่มาตั้งแคมป์ เดินป่า และชมวิถีชีวิตการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ Tsaatan อีกทั้งยังมีน้ำทะเลใสดุจคริสตัลและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์โดยรอบ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสำรวจธรรมชาติพร้อมสัมผัสกับวัฒนธรรมอันงดงามของภูมิภาคแห่งนี้

3. อุทยานแห่งชาติ Terelj (เทเรลจ์) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันงดงามใกล้กับเมืองอูลานบาตอร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยหินแกรนิตที่ก่อตัวเป็นรูปทรงเต่าอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเงียบสงบเหมาะกับการทำสมาธิท่ามกลางทัศนยีภาพอันสวยงามและลำธารทอดยาว เดินทางเพียงไม่นานจากเมืองหลวงสู่อุทยานแห่งนี้ คุณจะได้ค้นพบความงดงามทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของมองโกเลีย

4. อนุสาวรีย์เจงกีสข่าน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับรูปปั้นคนขี่ม้าสูงตระหง่าน โดดเด่น และสง่างาม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงริมแม่น้ำตูล หรือเป็นที่รู้จักในนามอนุสาวรีย์รูปปั้นเจงกีสข่าน นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติของมองโกเลีย ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ทำให้สถานที่เหล่านี้ดึงดูดผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์และนักท่องเที่ยวผู้กระตือรือร้นที่จะเจาะลึกไปยังอดีตของมองโกเลีย

5. Kharkhorin (คาร์คอริน) ในฐานะเมืองหลวงเก่าแห่งจักรวรรดิมองโกล Kharkhorin เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น พระอาราม Erdene Zuu และซากปรักหักพังแห่ง Karakorum เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสำรวจมรดกและประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย อีกทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์ Kharkhorin ที่จัดแสดงมรดกของอดีตผู้นำเจงกีสข่าน ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์

6. ทะเลสาบ Ugii (อูกี) ทะเลสาบ Ugii ในจังหวัด Arkhangai อันเงียบสงบและงดงาม ดึงดูดผู้รักธรรมชาติด้วยผืนน้ำอันราบเรียบเงียบสงบ เหมาะแก่การดูนกและกิจกรรมสันทนาการ เช่น ตกปลาและพายเรือ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบเร่ร่อนของชาวมองโกเลียดั้งเดิม ช่วยเพิ่มสีสันและความรู้ให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวที่เรานำเสนอ เป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศที่หลากหลาย วัฒนธรรมอันเก่าแก่ และประวัติศาสตร์อันยาวนานของมองโกเลีย ทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าจดจำอย่างแท้จริงสำหรับนักเดินทางที่มาเยือน

ผู้เข้าร่วมงาน The Mongolian TourismOrganization (MTO), องค์กรการท่องเที่ยวมองโกเลีย (MTO)
ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 รับหน้าที่ดูแลนโยบายภาคการท่องเที่ยว ประกอบด้วยสมาชิกคณะกรรมการ 27 คนที่ได้รับเลือกจากภาคการท่องเที่ยว

MTO ให้บริการสมาชิกเกือบ 300 รายจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคเอกชนและองค์กรภาครัฐเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมองโกเลียทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ร่วมสำรวจประสบการณ์อันน่าจดจำ ในวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00น. เป็นต้นไป

ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิร์ล พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 16:00 – 18:00 น.

ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ ดื่มด่ำวิถีระยอง ในมุมมองน่ารัก สไลว์ไลฟ์ริมชายหาด  อัศจรรย์ป่าชายเลน เดินเล่นสวนไม้หอม

ความเร่งรีบกดดันในแต่ละวัน อาจทำให้คนเราสะสมความเครียดไว้โดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีคือการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ พาตัวเองออกไปพบเจอกับมุมมองที่โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเติมเต็มแรงบันดาลใจจากผู้คนรอบข้าง อย่างที่จังหวัดระยอง แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็มีมุมสโลว์ไลฟ์ให้เลือกชิลอยู่หลายจุด ภายใต้บรรยากาศของท้องทะเลชายฝั่ง ที่ยังคงความเงียบสงบ

โครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยชวนออกเดินทางไปผ่อนคลายในมุมที่น่าชื่นตาชื่นใจ ในจังหวัดระยอง ขับรถออกจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะได้พักสายตาไปกับชายหาดที่ทอดยาว ไล่เรียงตั้งแต่หาดแหลมเจริญ หาดแสงจันทร์ ไปถึงหาดสุชาดา โดดเด่นด้วยโค้งเว้าของแนวกำแพงหินที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่ง และทำให้การลงเล่นน้ำเป็นไปอย่างปลอดภัย เรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ผสมผสานเรื่องราวของวิถีชาวประมงชายฝั่ง ที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย

หาด Coffee Truck เพียงแรกพบก็ตกหลุมรัก
ประโยคที่ว่า “อยากไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเล” แม้จะออกแนวประชดประชัน แต่สะท้อนภาพความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การได้นั่งเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดกังวลใด ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตบนชายหาดแหลมเจริญ บรรดา Food Truck และ Coffee Truck พร้อมบูทจำหน่ายสินค้าและอาหารแบบดั้งเดิม เรียงรายไปตลอดทาง แต่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนได้สัมผัส

ที่โดดเด่นมากในตอนนี้คือบรรดา Coffee Truck คาเฟ่เคลื่อนที่สไตล์มินิมอล ให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ มาพร้อมสไตล์ของตัวเอง เป็นสีสันใหม่ของการนั่งเล่นริมชายหาด นอกจากเมนูเด็ดของแต่ละร้านแล้ว การเลือกเก้าอี้ชายหาดเก๋ ๆ มาให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวระยอง เข้ามานั่งเล่นกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ต่างก็นั่งหันหน้าทิ้งสายตาไปกับทะเลกว้าง นับเป็นบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีต่อใจสุด ๆ

วิถีชาวเล กลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ
บริเวณชายหาดแหลมเจริญ เป็นที่ตั้งของชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องราวชีวิตชาวประมงที่ยังคงสืบสานวิถีชีวิตของชาวบ้านชายทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน คนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดง ยังทำประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่าย อบอุ่นใจเมื่อได้พบเจอ

“ส้ม-กุสุมา ชูทอง ทรัพย์ประเสริฐ”สมาชิกวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยองเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านบริเวณนี้เป็นประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่ผูกพันกับทะเลมานานในทุกวันสามีของเธอจะออกไปวางอวนทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันรุ่งขึ้นก็จะออกไปเก็บอวนกันตั้งเช้ามืด จากนั้นเธอและลูก ๆ ก็นำมาคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่ติดอวนมาจะค่อนข้างพัลวัน หากเส้นอวนขาดก็ต้องเสียเวลาซ่อม จึงต้องใช้เวลานาน สมาชิกในบ้านก็ต้องมาช่วยกันทั้งหมด

ผลผลิตที่ได้ก็คละ ๆ กันไป ทั้งปูดำ ปูม้า ปูแป้น หอย ปลา รวมทั้งขยะที่ติดมากับอวน จึงต้องใช้เวลาทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนจะนำไปวางในทะเลอีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน สนใจมาชมแนะนำว่าให้มาประมาณแปดโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมาก หากต้องการซื้อก็สามารถติดต่อได้ทันที บางเจ้าก็นำไปส่งให้ร้านอาหาร บ้างก็ส่งตลาดในระยอง บางส่วนก็วางขายกันหน้าหาด ในราคาแบบชาวบ้าน และรับประกันความสด นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแดดเดียว ฯลฯ วางจำหน่ายริมสองข้างทางบริเวณหน้าหาด

ล่องเพลิน เดินชิล ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
ระยองเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่จับต้องได้ไม่ยาก จากเอกลักษณ์ของตัวเมืองที่ติดทะเล โดดเด่นด้วยทรัพยากรอันสมบูรณ์ ชื่นตาชื่นใจจากความอลังการของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ขนาด 500 ไร่ ครอบคลุม ต.ปากน้ำ และ ต.เนินพระ เป็นผืนป่าที่อยู่คู่เมืองระยองมาอย่างยาวนานประกอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นแสม โกงกาง เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหลากชนิด จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญคือสวยงามมาก

ความอลังการของผืนป่ากว้างที่มองได้จากมุมสูง นอกจากการขึ้นหอชมวิวแล้ว สามารถเลือกที่พักริมชายหาดที่มองเห็นผืนป่าได้อย่างอลังการเช่น หาดแสงจันทร์ อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและที่พักสวยหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ระเบียงของทุกห้องจะมองเห็นความอัศจรรย์ของสองฝั่ง ทั้งฝั่งชายทะเล และฝั่งของคลองที่ลัดเลาะเลียบแนวป่าชายเลน เป็นภาพประทับใจ ท่ามกลางการเข้าพักที่แสนสะดวกสบาย

โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป
ซึ่งได้เปิดกิจการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัด ระยอง เป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาวเลียบหาดแสงจันทร์เป็นโรงแรมน้องใหม่ที่ทันสมัยบรรยากาศริมทะเล ติดแม่น้ำ ที่สวยงาม มีการออกแบบโครงสร้างให้ทันสมัยรายล้อมด้วยทะเลอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์และป่าชายเลน
ที่เขียวชอุ่ม ประกอบด้วย อาคารมีที่ห้องพักทั้งหมด 7 ชั้น

ห้องพักจำนวน 107ห้อง ประกอบไปด้วยห้องพัก ห้องดีลักซ์ 48 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ซี วิว 16 ห้อง/28.5 ตร.ม. ดีลักซ์ ริเวอร์วิว 28 ห้อง/28.7 ตร.ม. พรีเมียร์ 1 ห้อง/44 ตร.ม. พรีเมียร์ ซี วิว 12 ห้อง/29.1 ตร.ม.เอ็กเซ็คคูทิฟ สวีท ซี วิว 2 ห้อง/58.8 ตร.ม. มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง รวมถึงร้านอาหารไทยร่วมสมัย อาหารท้องถิ่น ห้องฟิตเนส และห้องประชุม ห้องประชุมแสงจันทร์ธารา พื้นที่217 ตร.ม.จ รองรับได้ถึง 200 ท่าน ขึ้นไป

ทั้งนี้ โรงแรมฟอร์จูนแสงจันทร์ บีช ระยอง  ได้การยอมรับด้วยมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการ SHA” จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตรจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัย อีกทั้ง  โรงแรม ยังตอบสนองของนโยบาลรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งโรงแรมในเครือฟอร์จูน เป็นโรงแรมอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือหรือเดินเล่นบนสะพานเลียบป่าชายเลนระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตรเพื่อชื่นชมความงดงามของ “ป่าในเมือง” หรือทีเรียกกันว่า“ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ล้อมด้วยป่าชายเลนท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์สร้างขึ้นตั้งแต่งปี พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ผู้ที่เดินเรือรู้ว่ามาถึงระยองแล้ว สามารถเดินล่องเรือหรือขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก

กรุ่นกลิ่นกฤษณา กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลาย
เพราะกลิ่นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความผ่อนคลาย ในเส้นทางเที่ยวระยองครั้งนี้ จึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สอดแทรกความรู้เรื่องไม้กฤษณา พร้อมช่วงเวลาอันน่าประทับใจ ในพื้นที่ของ “มีสุข ฟาร์ม” (Mesook Farm)ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 

“พิกุล กิตติพล”ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาเล่าว่าในพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180  ชนิด นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ

มาแล้วต้องแวะร้านจำหน่ายสินค้า “บ้านมีสุข” มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด เช่นธูปปั้น ธูปหอม น้ำมันหอม น้ำหอมระงับกลิ่นกาย โลชั่น แชมพู เซรั่มโฟมล้างหน้า ฯลฯ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาอุดหนุนสินค้า จะได้สัมผัสกับน้องหมาซามอยด์แห่งผืนป่ากฤษณาที่จะร่วมแอคท่าถ่ายรูปกับทุกคน

“มีสุข ฟาร์ม” ยังนำเสนอความสุขของการเข้าพักในสวนป่าที่รายล้อมบึงน้ำขนาดใหญ่  มีบริการทั้งที่พัก และร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดพร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อาทิ กาแฟน้ำผึ้ง กฤษณามรกต กฤษณารัญจวน ฯลฯ อิ่มแล้วก็ไปพบกับฐานการเรียนรู้แนวแอดเวนเจอรอีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย

มีสุขฟาร์ม
(ห่างจากตัวเมือง 42 กิโลเมตร)
เปิดบริการทุกวัน : 09.00 – 17.00 น. โทร. 0828987886
(กรุณาติดต่อล่วงหน้า สำหรับกิจกรรมฐานเรียนรู้ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะ)

ใครที่อยากเติมพลังรับพลังธรรมชาติตามศาสตร์ฮวงจุ้ย แนะนำได้เดิมข้าม“สะพานเปี่ยมสุข” และ “สะพานแขวน” ที่ได้รับการยืนยันจากปากของซินแสขาวสิงคโปร์ว่า สายลมที่พัดโชยในผืนป่ากว้าง พร้อมอากาศอันบริสุทธิ์
ถือเป็นแหล่งรับพลังที่ดีมาก

 ออกไปผ่อนคลายในบรรยากาศอันน่าชื่นใจที่จังหวัดระยอง กับโครงการ “Refresh life …by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนท่องเที่ยวเมืองไทย ไปซบไหล่ธรรมชาติ รับพลังอันแสนบริสุทธิ์ พร้อมสนับสนุนแง่มุมดี ๆ ให้กับชุมชน ถือเป็นเส้นทางแห่งความสุขและการส่งต่อแรงบันดาลใจ เติมพลังจิตพลังใจก่อนที่จะกลับมาต่อสู่กับงานอีกครั้ง

วิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยอง (กุสุมา ชูทอง)
โทร.0824618933
(มีบริการปูนึ่งพร้อมน้ำจิ้ม-หากต้องการเนื้อปูแกะต้องสั่งล่วงหน้า)

ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 06:00 – 18:00 น.

สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1  โทร. 038 020 070
ติดต่อเรือ โทร. 095225 7993
(เรือออกช่วงบ่าย ค่าบริการรอบละ 300 บาท นั่งได้ 6 ท่าน)
ททท.สำนักงานระยองโทร : 038 655 420

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดภารกิจ 3 ด้านสืบสานพระราชกระแสในหลวงรัชกาลที่ 9 ดำเนินงานด้านทันตนวัตกรรมเน้นหลักการ ค้นคว้า ปฏิบัติ และพัฒนา 10กว่าปีที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ทั้ง 8 หน่วยได้มากกว่า 5 แสนคน คิดค้นนวัตกรรมด้านทันตกรรมผลิตใช้ได้เองภายในประเทศทดแทนการนำเข้า ช่วยภาครัฐประหยัดเงินได้มหาศาล ล่าสุด ร่วมกับภาคีเครือข่าย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาบริการนวัตกรรมทางด้านทันตกรรม (Digital Dentistry) ตั้งเป้าดูแลผู้สูงอายุ ให้มีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยในโอกาสจัดกิจกรรม “มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ พบสื่อมวลชน” ว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการจัดตั้งมูลนิธิฯ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนการให้บริการด้านทันตกรรมแก่ประชาชนผ่านหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปแล้วประมาณ 500,000 คนรวมทั้งมีโครงการที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรมที่ผลิตได้ภายในประเทศ โดยให้เครือข่ายนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชน อย่างเช่น โครงการรากฟันเทียเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ได้มากกว่า30,000 คน

ทพญ.สุปราณี ดาโลดม ผอ.ศูนย์พัฒนาระบบบริการและคลินิกทันตกรรม และ นายวรวุฒิ กุลแก้ว เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดิมเป็นหน่วยงานหนึ่งในหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่อมามีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิฯ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ตามพระราชกระแส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่าทันตแพทย์ไม่ควรจะทำการรักษาอย่างเดียว ควรจะได้มีการคิดค้น พัฒนาวิจัย และพัฒนา เพื่อที่จะผลิต วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ขึ้นมาใช้เองในประเทศด้วย

ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นผู้ดำเนินการเลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภารกิจของมูลนิธิฯ มีหน้าที่หลักอยู่ 3 ประการ คือ
ภารกิจส่วนแรก เป็นฝ่ายเลขานุการของหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ซึ่งมีหน่วยบริการอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมูลนิธิฯ สนับสนุนเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการออกให้บริการประชาชน ซึ่งแต่ละปีสามารถให้บริการประชาชนได้ประมาณ 50,000 คน ภายใน 10 ปี มียอดรวมประมาณ 500,000 กว่าคน

ภารกิจส่วนที่ 2 คือทำการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้เกิดนวัตกรรมสำหรับนำไปรักษา แก้ไข ฟื้นฟู ป้องกัน ทางทันตกรรมให้กับประชาชน ปัจจุบันนี้มีผลิตผลซึ่งเกิดจากการวิจัยและพัฒนาของมูลนิธิฯ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารทางการแพทย์ เช่น เจลลี่โภชนา อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก วุ้นชุ่มปาก หรือนวัตกรรมน้ำลายเทียมชนิดเจลสำหรับผู้ที่มีภาวะปากแห้ง น้ำลายน้อย หรือ ผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าถึงประชาชนผู้ใช้ได้ประมาณ240,000 คน ในช่วงเวลา 10 กว่าปี ที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องมือแพทย์มี รากฟันเทียมสำหรับผู้สูญเสียฟัน ฟันเทียมทั้งปาก ซึ่งฟันเทียมประเภทนี้จำเป็นมากสำหรับผู้สูงอายุซึ่งจะต้องได้ใส่ฟันเทียมเพื่อที่จะได้มีฟันเทียมเคี้ยวอาหาร

นอกจากนี้ยังมีสารผนึกหลุมร่องฟันเรซิน เอาไว้สำหรับป้องกันฟันผุ กรณีผู้ที่ที่มีปัญหาหลุมร่องฟันซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาฟันผุ ล่าสุดผลงานที่สำคัญคือ งานวิจัยและพัฒนาผลิตน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อในช่องปากจากหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่ผ่านมาใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำเป็นหลัก

ภารกิจส่วนที่ 3 คือร่วมกับภาคีเครือข่ายในการให้บริการกับประชาชน เกิดโครงการต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่นโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งปกติแล้วรากฟันเทียมหนึ่งซี่ราคาแพงแต่ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาประชาชนได้รับบริการฟรีไปแล้วประมาณ 30,000 กว่าคนคิดเป็นมูลค่าในการประหยัดเงินได้มหาศาล

เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานสิ่งสำคัญไว้หลายประการ แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือเรื่องที่มีแนวพระราชกระแสเกี่ยวกับการค้นคว้า ปฏิบัติ พัฒนา ซึ่งทำให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯมีทิศทางที่ชัดเจน และเนื่องจากในเวลานี้เป็นยุคดิจิทัล เป็นกระแสของโลก ในปี 2565 ถึงปี 2570 มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมมือกับกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ในการดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเปลี่ยนระบบการให้บริการทันตกรรมเดิมที่เรียกว่า Analog ไปสู่ Digital Systemเพื่อทำให้ประชาชนนับสิบล้านคนเข้าถึงการให้บริการรวมทั้งเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกิดจากการวิจัย พัฒนาของมูลนิธิฯ

“เราให้ความสำคัญกับวิจัยและพัฒนา ซึ่งยังมีหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งไว้เป็นพระราชกระแส เป็นรับสั่งสุดท้ายก่อนสวรรคตว่า ผู้สูงอายุอย่างเรามีจำนวนมาก ทันตแพทย์ต้องช่วยดูแล ซึ่งผู้สูงอายุปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นถึง 14 ล้านคน อันนี้ก็เป็นโจทย์สำคัญที่มูลนิธิฯและภาคีเครือข่ายจะต้องหากรรมวิธีที่จะดำเนินการที่จะทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นได้รับการดูแลรักษาทางด้านทันตกรรมให้เหมาะสมและมีสภาวะสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นต่อไป”เลขาธิการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าว