Category Archives: Travel

Travel-Food-Drink-Party

การบินไทยร่วมกับไทยสมายล์ เปิด 2 เที่ยวบินใหม่

กรุงเทพ-เกาสง และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เริ่ม 1 ตุลาคม ศกนี้

การบินไทยร่วมกับสายการบินไทยสมายล์ เปิดตัวเส้นทางบินตรงล่าสุด 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่นักเดินทางจากนานาชาติต่างหลงใหลและพร้อมมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ ไลฟ์ โดยจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม ศกนี้ ตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์การขยายเส้นทางบินและเครือข่ายเชื่อมต่อกับการบินไทย ด้วยมาตรฐานบริการยอดเยี่ยมระดับโลก มุ่งรองรับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว นักผจญภัยระดับกลางถึงระดับบนที่ต้องการความสะดวกสบายจากการเดินทางด้วยมาตรฐานการให้บริการเต็มรูปแบบที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง

เกาสง เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สักการะพระศากยมุนีที่พุทธอุทยาน โฝ กวง ซาน เยี่ยมชมตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของไต้หวันที่ Kaohsiung 85 Building ตื่นตาตื่นใจไปกับ Dome of Light ประติมากรรมกระจกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก และพลาดไม่ได้กับการช้อปปิ้งของฝาก ลิ้มรสอาหารทะเลท้องถิ่นที่ลั่วเหอ มาร์เก็ต ตลาดคนเดินกลางคืนชื่อดังในเกาสง

หลวงพระบาง อดีตราชธานีเก่าแก่แห่งอาณาจักรล้านช้าง ชื่อเดิม “เมืองเชียงทอง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง แม่น้ำคานและแม่น้ำอู หลวงพระบางมีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย รวมทั้งยังมีอาคารเก่าในยุคอาณานิคมกระจัดกระจายอยู่ในเขตต่างๆ ของเมือง หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก ที่หลวงพระบางนักท่องเที่ยวจะได้ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมอันงดงาม ศิลปะล้านช้าง และบ้านเมืองสไตล์ โคโลเนียล ชื่นชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตกกวางสี และช้อปปิ้งถนนข้าวเหนียว

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการบินไทยมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่สู่เมืองเกาสง สาธารณรัฐไต้หวัน และหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ที่สำคัญ และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว โดยเกาสง เป็นเมืองใหญ่รองจากไทเป ซึ่งมีทั้งความทันสมัยผสมผสานไปกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนอาหารการกิน และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจ และกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในขณะที่หลวงพระบาง เป็นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีถึงความเป็นมรดกโลกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ วิถีชีวิต บ้านเมือง และวัฒนธรรมที่น่าค้นหาเหมาะสำหรับการพักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน ทั้งสองเส้นทางบินตรงใหม่นี้ ต่างมีศักยภาพอย่างมากและเป็นเส้นทางที่เป็น Exotic Getaway ของไทยสมายล์ ซึ่งประสบความสำเร็จและ เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่อง

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์

ทั้งนี้ ความร่วมมือในการเปิดเส้นทางบินใหม่ทั้ง 2 เส้นทาง ระหว่างการบินไทยและไทยสมายล์ ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญ เพื่อให้เห็นรูปแบบธุรกิจที่กำลังดำเนินไปในฐานะสายการบินบริษัทแม่และสายการบินบริษัทลูกที่มีการขยายเส้นทางบินใหม่และเชื่อมต่อเครือข่ายการบินอย่างเต็มรูปแบบ และล่าสุดกับการเปลี่ยนมาใช้ระบบสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสาร “อะมาดิอุส อัลเทีย” )Amadeus Altéa Suite) เพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองสายการบินสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยการให้บริการเส้นทางบิน 2 เส้นนี้ การบินไทยจะนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการขายและการทำการตลาดของการบินไทย ซึ่งรูปแบบธุรกิจลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในอีกหลายเส้นทางบินของการบินไทยและไทยสมายล์ ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนี้จะทำให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารที่ต้องเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ที่ การบินไทย และไทยสมายล์ ยิ่งไปกว่านั้นจะนำไปสู่การสร้างรายได้และการเติบโตให้กับทั้งสองสายการบินอย่างยั่งยืน”

สำหรับเที่ยวบิน กรุงเทพ – เกาสง เปิดให้บริการทุกวันส่วนเที่ยวบิน กรุงเทพ – หลวงพระบาง เปิดให้บริการ 4 วัน / สัปดาห์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งให้บริการชั้นโดยสาร 2 คลาสได้แก่ “Premium Economy Class” หรือ “Smile PLUS Class” ที่ให้พื้นที่โดยสารกว้างขวางสะดวกสบายกว่า และ “Smile Class” ชั้นโดยสารที่ให้ความคล่องตัว โดยผู้โดยสารทั้งสองคลาส จะได้รับน้ำหนักสัมภาระถึง 30 กิโลกรัม และ 20 กิโลกรัมตามลำดับ สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางใน Premium Economy Class หรือ Smile PLUS Classจ ะได้รับสิทธิพิเศษในการรับกระเป๋าเดินทางก่อน ทำการบินโดยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ที่พร้อมพรั่งไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงในเที่ยวบินที่เหนือกว่า ทั้งยังอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อผู้โดยสารโดยเฉพาะ พร้อมทั้งสะสมไมล์กับ Royal Orchid Plus อีกด้วย

สายการบินไทยสมายล์ เป็นสายการบินลูกของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจสายการบินภูมิภาคในระยะพิสัยใกล้และระยะพิสัยกลาง ภายใต้รหัสสายการบิน “WE” และมีเป้าหมายเป็นสายการบินภูมิภาคชั้นนำของทวีปเอเชีย ไทยสมายล์เป็นสายการบินฟูลเซอร์วิส ที่มุ่งเน้นในมาตรฐานการให้บริการที่เยี่ยมยอดควบคู่ไปกับความคุ้มค่าของราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้านักเดินทางระยะสั้น แต่ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสะดวกสบายสูงสุด สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการบริการที่เป็นเลิศ สายการบินไทยสมายล์ให้บริการด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-body Fleet) จำนวน 20 ลำ โดยมีฐานปฏิบัติการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สายการบินไทยสมายล์ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการในหลากหลายมิติเพื่อสอดรับกับความต้องการของนักเดินทาง โดยปัจจุบันเรามีแนวคิดหลักในการให้บริการ คือ FLY SMART, FLY SABAI, FLY THAI SMILE.

ปัจจุบัน สายการบินไทยสมายล์ให้บริการ 10 เส้นทางภายในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงราย หาดใหญ่ อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และกระบี่ นอกจากนี้ ไทยสมายล์ยังให้บริการเส้นทางข้ามภาคระหว่างเชียงใหม่และภูเก็ต พร้อม 16 เส้นทางบินต่างประเทศสู่ เสียมราฐ, ปีนัง, ฉางซา, ฉงชิ่ง, เจิ้งโจว, คยา, พาราณสี, ชัยปุระ, ลัคเนา, ย่างกุ้ง, พนมเปญ, กัวลาลัมเปอร์,เวียงจันทน์, มัณฑะเลย์ และ 2 เส้นทางใหม่ เกาสง และ หลวงพระบาง โดยมีแผนที่จะเพิ่มความถี่การบินในเส้นทางในประเทศและเปิดตัวเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต

เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาสง บินตรงทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน
พร้อมบริการแบบฟูลเซอร์วิส
ในราคาเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว)
สำรองที่นั่งแล้ววันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560

BKK-KHH (Bangkok-Kaohsiung) v.v.

BKK-KHH WE688 / TG2688 Daily 10.00 14.20

KHH-BKK WE689 / TG2689 Daily 15.20 17.50

เส้นทางกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง บินตรง 4 วัน / สัปดาห์
โดยให้บริการในวันจันทร์,วันพุธ, วันศุกร์ และวันอาทิตย์
วันละ 1 เที่ยวบิน พร้อมบริการแบบฟูลเซอร์วิส ในราคาเริ่มต้นที่ 2,600 บาท/ท่าน/เที่ยว (รวมทุกอย่างแล้ว)

สำรองที่นั่งแล้ววันนี้ – 24 มีนาคม 2561เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

BKK-LPQ (Bangkok-Luang Prabang) v.v.

BKK-LPQ WE576 / TG2576 Mon,Wed,Fri,Sun 12.25 14.00

LPQ-BKK WE577 / TG2577 Mon,Wed,Fri,Sun 14.50 16.25

บินไปกับสายการบินที่หนึ่งของเอเชียแปซิฟิก การันตีด้วย 3 รางวัล จาก TripAdvisor Travelers’ Choice Awards 2017

สำรองที่นั่งได้ที่ www.thaismileair.com
และ Smile Travel Agents ใกล้บ้านคุณ
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เกิดปรากฎการอันน่ามหัศจรรย์ งานเททองหล่อพระพิฆเนศ

โทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง บอกบุญ

พร้อมแล้วสร้าง พิธีหล่อพระพิฆเนตร (ปางลีลาประทานพรเงินล้าน ๘ พระกร) พร้อมคณะศิษย์ คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง ณ วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร

พระพิฆเนศ หรือ พระพิฆเนศวร ก็มีความหมายว่า เทพผู้ปัดเป่าอุปสรรค “พระพิฆเณศ”เชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ


 

ต้องอึ้งกับแรงศรัทธาในพระพุทธศานา และแวดวงการบันเทิงของไทย คุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง ชื่อดัง ประธานในพิธี ผู้ศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ ซึ่งนับเป็นพิธีกรรมที่สร้างความเป็นสิริมงคลอย่างมาก คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง บูชาพระพิฆเนศเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ  ซึ่งการจัดงาน ที่วัดท่าไม้  สมุทรสาคร เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม ติดแม่น้ำท่าจีน ธรรมชาติร่มรื่น  Toptotravel เพิ่งไปครั้งแรกประทับใจมากและจะกลับไปอีกแน่นอน

ปรากฎการอันน่ามหัจรรย์งานเททองหล่อพระพิฆเนศปางลีลาประทานประทานพรเงินล้าน8พระกร

โดยภายในงานพระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ เป็นประธานในพิธีเททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน 8พระกร  ในวันอาทิตย์ที่  24.ก.ย. 2560 ที่  วัดท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมี ท่านญาณภัทร ภททจาโร สถานปฎิบัติธรรมอารามผาหมื่น จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยคุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือ คุณโทนี่  นักเต้นอมิตตาทาทายัง ประธานในพิธี ได้ร่วมทำพิธีมหาบุญใหญ่ปลดปล่อย 2199 ชีวิตพร้อมลอยกระทงเปิดวังองค์พญานาค จุดเทียนเปิดทรัพย์ที่แม่น้ำท่าจีน และพิธีขอขมากรรมต่อครูบิดามารดาครูอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์  เป็นการเปิดจิตเพื่อรับบุญใหญ่ก่อนพิธีเททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน8พระกร โดยในงานเริ่มจาก

การทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดิน

พิธีเททองพระใหญ่ จุดเทียน
9 นพเคราะห์ บูชาเทียน เชิญพระพิฆเณศมาประทับ ณ.องค์หล่อทอง

พิธีเคราะห์เศียรพระพิฆเณศ

จบพิธีด้วยการรับพรพร้อมรับของที่ระลึก

สำหรับความเชื่อพระพิฆเนศมหาสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วง ถือว่าเป็นพุทธคุณรอบด้านครอบจักรวาล ในด้านการทำมาค้าขายให้โชคให้ลาภ เรียกโชคลาภ หรือ ลูกค้าเข้าร้าน ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า ทำธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เจริญขึ้นไปไม่มีเสื่อม มั่งคั่งมั่นคง ปกป้องคุ้มครองป้องกันภัย ทำให้ร้ายกลับกลายเป็นดี
ใครพบเห็นก็บังเกิดความรักใคร่เอ็นดู หากบูชาดีจะมีแต่โชคมีลาภไม่ขาด ค้ำคูณเจ้าของ มีฤทธิ์ทำให้เกิดโชคลาภน้อยใหญ่ บันดาลทรัพย์สินเงินทองจากหน้าที่การงาน เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น มีโชคบอกลาภอยู่เป็นประจำ ช่วยเหลือกิจการหน้าที่การงานต่างๆ ปรับดวงเสริมดวงแก้ดวงตกต่ำ ได้เป็นอย่างดี

คุณธวัชชัย โอสถานนท์ หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง เททองหล่อใหญ่จัดสร้างองค์พิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน8พระกรประสบความสำเร็จทุกวันนี้ได้เพราะมาจาการ บูชาพระพิฆเนศมาตลอดหลายสิบปี อย่างต่อเนื่อง บรรยากาศงานเททองหล่อ วัดท่าไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน เกิดปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์ ก่อนเริ่มทำทำพิธี มีลมแรงมาก ฝนตั้งเค้าจะตกหนัก เริ่มพิธีก็มีก้อนเมฆลอยตัวรวมกันลงไปที่พระอาทิตย์ทำให้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ

โอมศรีศรี คเณษายะ มาร่วมสร้างพระพิฆเณศกับครูโทนี่ ธวัชชัย โอสถานนท์ เททองหล่อ มหาเทพ พระพิฆเนศปางลีลาประทานพรเงินล้าน 8 พระกร ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 ภพ สร้างพ่อเททองพิธีบรวงสรวง เททองหล่อท่านพ่อคุรุเทพมหาคเนษศวร ปางนาถราถ ลีลาประทานทรัพย์ ณวัดท่าไม้ อานิสงส์การสร้างผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้หลวงพ่อที่หนึ่ง สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำตก แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร คณะใดกลุ่มใดมีศรัทธาจะสร้างเพื่อเป็นกุศลต่อตนเองและส่วนรวม

วัดท่าไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่ประชาชนนิยมเดินทาง
เข้ามาเคารพสักการะนั้น ได้แก่ ราหู กวนอิม พระพิฆเนศ พระอินทร์ พระพรม
เจ้าแม่ตะเคียน นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา สำหรับถาวรวัตถุที่สำคัญภายในวัดท่าไม้ ณ ปัจจุบัน มีดังนี้

พระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชจำลองหน้าตัก 69 นิ้ว เป็นพระประธานในพระอุโบสถ รวมทั้งมีพระเชียงแสน พระสุโขทัย และพระอู่ทอง ร่วมประดิษฐานในพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ มีพระพุทธหิรัญราช เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ปางประทานพร เป็นพระประธานในศาลาการเปรียญ ศาลาชินบัญชร เป็นสถานที่รองรับพุทธศาสนิกชนในการปฏิบัติธรรมรักษาศีลเจริญสติปัฏฐานสี่ ศาลาบูรพาจารย์ เป็นศาลาที่ประดิษฐานพระเกจิดังในเมืองไทย ซึ่งทางวัดท่าไม้ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ 4 รูป

1. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
2. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
3. พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง ติสสโร) เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำท่าจีน
4. หลวงพ่อยี

ศาลาเทวาพิทักษ์ เป็นที่ประดิษฐานพระราหูเป็นศาลาประกอบพิธีกรรมการสวดดาวนพเคราะห์ย้ายรวมถึงใช้เป็นศาลาอเนกประสงค์ต่างๆ ศาลาพระธรรมจักรแก้ว ศาลาเจ้าแม่กวนอิม เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ศาลาพระแม่สิริมหามายา หอฉัน หอกลอง หอระฆัง หอวัตถุมงคลและของที่ระลึก

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมบูชาเพื่อเป็นกุศล ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2560
ณ วัดท่าไม้  ( งานเริ่มเวลา 14.00.น  เป็นต้นไป-เวลา 16.00.19  นาที)
ตรงกับเดือนเกิดของพระองค์ท่าน วันดี ฤกษ์มงคล สวรรค์ เทพเทวดา อํานวยอวยพรชัยให้ชีวิตของทุกคนที่มาร่วมงาน พบความสําเร็จความรุ่งเรือง
ความรํ่ารวย ความรุ่งโรจน์ตลอดไป

ประธานในพิธี  คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง

บุญกุศลอันเป็นต้นบุญเชื่อมต่อด้วยสะพานบุญไปถึงทุกๆ ท่าน ขอปฏิหารย์จงบังเกิดแก่ทุกท่าน แสงแห่งพุทธบารมี เปิดทางชีวิต  เปิดดวงชะตา
ให้รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ด้วยเทอญ สาธุ

ไหว้พระอิ่มบุญ แล้วก็มาอิ่มท้อง มาเลี้ยงปลา”ทานอาหาร”ไหว้พระสวดมนต์”มาปฏิบัติกรรมฐาน”มาสร้างบารมี “ทำทาน “พักผ่อนจิตใจมุมสงบ”  เพื่อเราจะได้สติ “เกิดปัญญา เดินถึงจุดมุ่งหมายด้วยกัน

โดยประธานในพิธี  คุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง กราบนมัสการครูบาญานภัทร ขอบพระคุณ ครอบครัวนักเรียนทุกท่าน ประชาชน ได้ร่วมพิธีทองทองหล่อครั้งนี้ ขอบคุณดารานักแสดงเด็ก และสื่อมวลชนทุกท่านที่ร่วมทำบุญเททองหล่อและเพื่อน Fc ตลอดไป  จนถึงกาลยามิตรทั้งหลาย
มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ร่วมสร้างบุญใหญ่ทันใจ!!ทำบุญแผ่นทอง เงิน นาค หรือก้อนทอง ตามกำลังศรัทธา ณ. วัดท่าไม้ วันอาทิตย์ 24 กันยายน 2560

ขอขอบคุณข้อมูลจากวัดท่าไม้ : wattamai.org
ขอขอบคุณประธานในพิธี:
คุณธวัชชัย โอสถานนท์  หรือคุณโทนี่ นักเต้นอมิตตาทาทายัง และครอบครัว

เที่ยวใกล้กรุงฯ เจอเสน่ห์ชลบุรี กับ วิถี 2วัฒนธรรม

ชุมชนบ้านชากแง้ว และ ชุมชนตะเคียนเตี้ยจ.ชลบุรี

ทริปการเดินทางครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยว แบบชุมชน อีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะนอกจากจะได้ไปเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่ายมีเอกลักษณ์เฉพาะชุมชน เยี่ยมชมบ้านร้อยเสา สวนมะพร้าวกับลมหายใจรวยรินของชาวสวน สวนเศรษฐกิจพอเพียงของ ป้ามิก ณ.ชุมชนตะเคียนเตี้ย

นักท่องเที่ยวจำนวนมาก หันมาสนใจการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้วิถีชุมชนไปปั่นจักรยาน ชมสวนมะพร้าวเรียนทำขนมหวาน ตัดพวงมโหตรและทำกุหลาบใบเตย และยังได้เรียนรู้แนวทางการดำเนินชีวิตหรือกิจกรรมของชุมชนที่เป็นที่นิยมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ในเมืองไทยของเราก็มีอีกหลายกิจกรรมท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชน ซึ่งมีอีกหลายๆ ที่ ที่แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวในเมืองไทยเองก็อาจจะไม่เคยได้สัมผัสแบบใกล้ชิด

ทริปการเดินทางนี้สืบเนื่องมากจากกิจกรรมทัวร์ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ด้วยการเดินทางร่วมกับสื่อมวลชน และ CELEB (น้องอาย) BLOGGER(อมยิ้ม) พร้อมช่างภาพนิ่งออกจาก กทม.-ชุมชนตะเคียนเตี้ย โดยมีฐานการเรียนรู้ มากถึง 6 ฐาน

ฐานที่ 1 ต้อนรับโดย พี่สาโรช โรจน์สกุลพานิช
ประธานวิสาหกิจชุมชน คนรักษ์มะพร้าว ตะเคียนเตี้ย ที่จะพาเราไปค้นพบสวนมะพร้าวของพี่สาโรช และ ปล่อยแตนเบียนร่วมกัน

ฐานที่ 2 ต้อนรับโดย ป้าลมุล
โชว์และพูดเกี่ยวกับขนมหวานและการแสดงรำตัด

ปล่อยแตนเบียน

ฐานที่ 3 นำทางโดย พี่สาโรช โรจน์สกุลพานิช ปั่นจักรยานชมสวนมะพร้าวป้าชื่น สวนมะพร้าวกับลมหายใจรวยรินของชาวสวนสวนเศรษฐกิจพอเพียงของ ป้ามิก สวนฟ้าใส ไอโกะ

ฐานที่ 4  ต้อนรับโดย  พี่วันดี-พี่เกด  เยี่ยมชมบ้านร้อยเสา ​ แวะพักที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ ตำรายารักษาโรค ตำราโหราศาสตร์ ปีนักษัตรไทย การดูฤกษ์ยาม ครกบดยา ภาชนะทองเหลืองสลักลาย และพระเครื่อง ดูแล้วของทุกชิ้นมีเรื่องราวมากด้วยคุณค่า โชคดีที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยีอนได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น

ฐานที่ 5 ณ บ้านใจดี ต้อนรับโดย พี่แป๊ด แข่งขันทำอาหาร (แกงไก่กะลา)
ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ยังเป็นชุมชน วิถีไทย ใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาดในการชิมเมนูนี้เด็ดขาด

คนตัดสินโดย พี่แป๊ด และมอบของรางวัลจากทางชุมชน

ฐานที่ 6 นำโดย พี่แป๊ด ตัดพวงมโหตรและทำกุหลาบใบเตย วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดของบรรพบุรุษอันล้ำค่า


​ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ในอดีตชุมชนตะเคียนเตี้ยมีอาชีพทำนา มีน้ำท่าสมบูรณ์ตลอดทั้งปี แต่เมื่อเวลาผันผ่าน น้ำที่ใช้ทำนาเริ่มไม่เพียงพอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกมะพร้าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จนปัจจุบันมีการทำสวนเกษตรหลากหลายมากขึ้น แต่สวนมะพร้าวยังถือเป็นอาชีพหลักของชุมชน เพื่อให้ชุมชนตะเคียนเตี้ยมีความแข็งแกร่ง นำรายได้เข้าสู่ชุมชน

เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุมชนบ้านชากแง้ว
ชุมชนชากแง้ว เป็นชุมชนที่มีมายาวนานกว่าร้อยปี ชุมชนยังอยู่ห่างจากทะเลไม่ ทำให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งดิน น้ำ และป่าไม้ โดยชุมชนเริ่มก่อตั้งมาจากการที่มีชาวจีนโล้สำเภาหนีความแห้งแล้งมายังประเทศไทย ทำให้ชาวจีนหลายครอบครัวตั้งรกรากสร้างครอบครัวที่บ้านชากแง้ว หลังจากที่ทำงานเก็บเงินซื้อที่ดินทำกิน ในปัจจุบันมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 300 หลังคาเรือน อาคารบ้านเรือนจะเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงพบเห็นความรุ่งเรืองในอดีตของชากแง้ว ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันทรงคุณค่า และอัตลักษณ์เปี่ยมเสน่ห์ของชุมชนจีนโบราณ

สามารถเยี่ยมชมได้ในทุกๆ วันเสาร์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. – 21.00 น

เดินทางไปชุมชนบ้านชากแง้ว  วันหยุดทั้งที่ช้ชีวิตสุดคุ้ม เมื่อมาถึงต้องห้ามพลาดเดินชมบรรยากาศความเก่าแก่นับร้อยปีของ โรงหนังชากแง้วราม่าโรงหนังโบราณ หรือ ชากแง้วราม่า เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีชื่อเสียงของคนในชุมชนรวมไปถึงภายในจังหวัดชลบุรี โรงหนังชากแง้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 เพื่อเป็นสถานบันเทิงให้คนในชุมชนพักผ่อน หย่อนใจ โรงหนังโบราณอยู่บริเวณหน้าตลาดที่อายุเก่าแก่กว่า50ปี โดยโรงหนังทำจากไม้ทั้งหลัง เหมาะแก่การเก็บภาพอย่างยิ่ง เพราะมีเหลือให้เห็นน้อยเต็มทีในปัจจุบัน

เดิน เที่ยว ชม กิน ของในตลาดเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไปชมบ่อน้ำ และ ถ่ายภาพกับโรงเตี๊ยม

ปิดท้ายด้วยสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิม หากใครได้ไปเยือนชุมชนบ้านชากแง้ว พลาดไม่ได้ที่จะเดินเที่ยวชมภายในหมู่บ้าน เริ่มที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ที่ชาวชุมชนเคารพนับถือมาช้านาน ถือเป็นศาลเจ้าของชาวจีนทั่วโลก เพื่อบูชาเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่คุ้มครองผู้เดินทางทางเรือ เจ้าแม่ทับทิมที่ชุมชนชากแง้วนี้มีมายาวนานกว่า 100 ปี ความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าหากผู้ที่มีความประพฤติปฏิบัติดีนั้น เมื่อมากราบไหว้ขอพรจากเจ้าแม่จะสมหวังทุกครั้งไป

พูดถึง​ชุมชนบ้านชากแง้วและบ้านตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ และตำบลตะเคียนเตี้ย เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดขอบรรพบุรุษอันล้ำค่าสมควรแก่การสืบสานและอนุรักษ์ไว้อย่างงดงาม

นอกจากนี้ ในบริเวณชุมชนยังมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย มาถูกวันจริงๆ ถูกทั้งตังค์ในแกระเป๋า และช่วงเวลาที่ดีเอามากๆ

ขอขอบคุณ ​จังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมดีดีส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว“ทัวร์เมืองเก่า เสน่ห์ชลบุรี วิถี 2 วัฒนธรรม”
ณ ชุมชนบ้านชากแง้ว และชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย โดยพาคณะสื่อมวลชน บล็อกด้านการท่องเที่ยว และ น้องอาย กมลเนตร เรืองศรี ร่วมทำกิจกรรม

ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย บางละมุง

ท่องเที่ยววิถีชีวิตไทยใกล้กรุงเทพ

ระยะทางที่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปเพียงไม่มาก แต่กลับมีแหล่งชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว และคงรูปรูปแบบการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม การเกษตรแบบพึ่งพาตนเองใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาด

แนวคิดและรูปแบบการท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีผู้แทนชุมชนท่องเที่ยว ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย

ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ท่องเที่ยววิถีชุมชน ท่องเที่ยวไทย ในอดีตชุมชนตะเคียนเตี้ยมีอาชีพทำนา มีน้ำท่าสมบูรณ์ตลอดทั้งปี แต่เมื่อเวลาผันผ่าน น้ำที่ใช้ทำนาเริ่มไม่เพียงพอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกมะพร้าว เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จนปัจจุบันมีการทำสวนเกษตรหลากหลายมากขึ้น แต่สวนมะพร้าวยังถือเป็นอาชีพหลักของชุมชน เพื่อให้ชุมชน ตะเคียนเตี้ยมีความแข็งแกร่ง และนำรายได้เข้าสู่ชุมชนได้มากขึ้น

ณ บ้านร้อยเสา แหล่งรวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ ตำรายารักษาโรค ตำราโหราศาสตร์ ปีนักษัตรไทย การดูฤกษ์ยาม ครกบดยา ภาชนะทองเหลืองสลักลาย และพระเครื่อง เป็นต้น ซึ่งของทุกชิ้นมีเรื่องราวมากด้วยคุณค่า ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมเยีอนยังมีโอกาสได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย

ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย ยังเป็นชุมชน วิถีไทย ใช้ปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวง ในการดำรงชีวิต มีผลิตภัณฑ์แนะนำ อาทิ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น , ขนมทองพับ , ท๊อฟฟี่ otop 4 ดาว และ อาหารขึ้นชื่อ “ไก่แกงกะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หากินได้ยาก ใครมาเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ ห้ามพลาดในการชิมเมนูนี้เด็ดขาด

ชุมชนบ้านชากแง้วและบ้านตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ และตำบลตะเคียนเตี้ย เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ผ่านการดำรงอยู่ สรรสร้างขึ้นมาเป็นแบบแผนการประพฤติปฏิบัติ ถือเป็นมรดกทางความคิดของบรรพบุรุษอันล้ำค่าสมควรแก่การสืบสานและอนุรักษ์ หากได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้วจะเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จัดพิธีเปิดกิจกรรม ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย

ภายใต้การจัดงาน กิจกรรม ดาราพาเที่ยววิถีไทย พักใจที่บางละมุง ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิดและรูปแบบการท่องเที่ยววิถีไทย โดยมีผู้แทนชุมชนท่องเที่ยว ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย




จังหวัดชลบุรี นำโดย นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้จัดพิธีเปิดกิจกรรม ดาราพาเที่ยว วิถีไทย ชุมชนตะเคียนเตี้ย ณ อาคารอเนกประสงค์ ชุมชนตะเคียนเตี้ย และมอบรางวัลให้ผู้ชนะกิจกรรมการประกวดตั้งชื่อ “ถนนวัฒนธรรมตะเคียนเตี้ย”ซึ่งเป็นถนนสายหลักของชุมชน และเปรียบเสมือนศูนย์กลางของคนในชุมชนตะเคียนเตี้ย โดยมีการเชิญผู้เข้าร่วมงานทำกิจกรรมร่วมกันมากมาย อาทิ การปั่นจักรยานเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชน , ชมการสาธิตทำแกงไก่กะลา , กิจกรรมปล่อยแตนเบียน , ชิมกาแฟมะพร้าว , แข่งทำพวงมะโหตร , พับกุหลาบใบเตย , ชมบ้านร้อยเสา , เรียนรู้ปลูกผักสมุนไพร , สาธิตกัวซาหน้า ฯลฯ

พิเศษสุดกับกิจกรรม Meet & Greet กับหนุ่มสุดชิว
“จูเนียร์ เดอะสตาร์” กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์

ท่องเที่ยวภาครัฐ ยกทัพเที่ยวทั่วไทย

ททท.เปิดกลยุทธ์กระตุ้นปลายปี
ท่องเที่ยวภาครัฐยกทัพเที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
แถลงความพร้อมจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวภาครัฐ ภายใต้แนวคิดหลัก
ท่องเที่ยวภาครัฐ ยกทัพเที่ยวทั่วไทย  ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จ.นนทบุรี มุ่งกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศปลายปีในรูปแบบงานส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างโอกาสให้กับหน่วยงานภาครัฐได้นำสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวมาเสนอขายและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และส่งเสริมให้เกิดกระแสเที่ยวทั่วไทยโดยผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐที่มีแหล่งท่องเที่ยวกว่า 60 หน่วยงาน อีกทั้ง เปิดโอกาสประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ท่องเที่ยว ซึ่งมีสัดส่วนราว 66% คาด 3 วันมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.5 แสนคน กระจายคนสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศเพิ่ม 10%

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท. ได้ดำเนินโครงการเที่ยวเมืองไทยใครๆ ก็เที่ยวได้ ภายใต้แผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสวัสดิการสังคม กลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ตามแผนการตลาดการท่องเที่ยวปี 2560 วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวให้กับประชาชนคนไทย เกิดการเรียนรู้ภูมิใจในความเป็นไทย สร้างเสริมประสบการณ์และนำความรู้ไปใช้ในการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวทั้งในท้องถิ่นของตนเองและพื้นที่อื่น ๆ ตลอดจนสร้างโอกาสในแง่ของรายได้ เศรษฐกิจชุมชน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้การจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ภายในงานแบ่งออกเป็นโซนท่องเที่ยวกับภาครัฐ โซนอาหารถิ่น โซนสาธิตสินค้า รวมแล้วกว่า 100 บูท และกิจกรรมการแสดงมากมาย

สำหรับหน่วยงานที่ร่วมออกงานในครั้งนี้ อาทิเช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย /สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ อ แม่ริม จ เชียงใหม่/กองทัพเรือ จัดทัพที่เที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่หลากหลายแนว พร้อมการแสดงพายและเห่ เรือราชพิธีจำลอง

ด้านกองทัพบก ยกทัพพร้อมทั้งที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำ เช่น ท่องเที่ยวทางทหารที่โรงเรียนนายร้อย จปร.จ.นครนายก สถานพักฟื้นและพักผ่อนที่สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบฯ และ สถานพักฟื้นและพักผ่อนล้านนา จ.เชียงใหม่ / มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ / บ้านสวนแผ่นดินแม่ สุพรรณ / กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลม / พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ มาพร้อมกับกิจกรรมทำเครื่องบินกระดาษ /

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช) /กิจการน้ำพุร้อนสันกำแพง / Museum Siam /โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ /องค์การสวนสัตว์ / ไปรษณีย์ไทย / และ บูทผู้ประกอบการจากกรมการค้าภายในและกรมพัฒนาชุมชน อีกคับคั่ง

พร้อมด้วยร้านอาหารอร่อย ท้องถิ่น ชื่อดังอาทิ ขนมไทยแม่แฉล้ม อยุธยา / กระหรี่ 2 ปั๊บ สุโขทัย / กุ้ยช่ายบ้านนา /ขนมถ้วยฟูสมุนไพร / กระยาสารท ต้นตำรับ สระบุรี / ห่อหมกทะเลย่าง ประจวบฯ / ข้าวยำสมุนไพร /เต้าคั้ว /ส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวาง / ผัดไทยสุโขทัยฯ / โกอ่างเส้นปลา / ลอดช่องวัดเจษฯ/ หมี่กรอบเมืองกาญจน์ / หม่ำคำตัน ชัยภูมิ / ซาลาเปาทับหลี / ไก่กอแระมาเต๊ะ /จำปาดะทอด /ข้าวขาหมู จุฬา และร้านอาหารชื่อดัง ประจำถิ่นตบเท้าพร้อมปรุงรสเด็ดมากมายภายในงาน
นางสุจิตรายังเปิดเผยด้วยว่า การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างดี ประชาชนที่มาร่วมงานยังจะได้รับความสนุกสุดคุ้มในโซนดนตรี ได้ชมการแสดง จาก 3 ศิลปินชื่อดัง เบิร์ดกะฮาร์ท , สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง และ บี้ สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว หรือ บี้เดอะสตาร์ ร่วมด้วยการแสดงจาก ดุริยางค์ทหาร , สุนัขตำรวจ k9 (เคนาย) พร้อมรับชมไฮไลท์การแสดง พายและเห่ เรือ พระราชพิธีจำลองจากกองทัพเรือ แวะชิมอาหารถิ่นของอร่อยจากร้านดังทั่วประเทศ นอกเหนือจากนั้นยังได้ชมโชว์สาธิตการทำเมนูท้องถิ่น จากเชฟบุ๊ค

ผู้เข้าชมงานสามารถเลือกช้อปแหล่งท่องเที่ยวและบริการในราคาพิเศษ
ซึ่งมีโปรโมชั่นให้แบบจุใจ โดยเมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000 บาท ภายในงานนี้ สามารถร่วมสนุกชิงรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ภายในประเทศ วันละ 3 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง

จึงอยากเชิญชวนให้มาร่วมงานกัน คาดว่า 3 วันของการจัดงานจะมีนักท่องเที่ยวที่มาชมงานประมาณ 50,000 คนต่อวันหรือประมาณ 150,000 คน
ใน 3 วัน และมีเงินสะพัดกว่า 20 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวเดินทางกระจาย
ตัวสู่แหล่งท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น 10 %

อนึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
งานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 1 อิมแพคเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
โทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

Free ทุกรายการ แรลลี่รถยนต์และจักรยาน สุพรรณหรรษา

กิจกรรมแรลลี่รถยนต์ และจักรยาน
เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว

สุพรรณหรรษา เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ  ของทั้ง 4 จังหวัด เส้นทาง สุพรรณ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี ที่สำคัญ คือ Free ทุกรายการ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 4 จังหวัด การแข่งขันแรลลี่รถยนต์
และ จักรยาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ในจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่งการแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะแข่งขันช่วงระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน เส้นทาง สุพรรณบุรี – นครปฐม – ราชบุรี – กาญจนบุรี – สุพรรณบุรี รวมระยะทาง 750 กิโลเมตร

ส่วนแรลลี่จักรยาน แข่งขันวันที่ 17 กันยายน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทาง 40 กิโลเมตร


จังหวัดสุพรรณบุรี จัดงานแถลงข่าว  การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา : แข่งขันแรลลี่รถยนต์ และจักรยาน “สุพรรณหรรษา” ชูศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้ขับรถยนต์ กลุ่มผู้รักการปั่นจักรยาน และกลุ่มครอบครัว โดยมี นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว ณ ห้องอโนมา 3 ชั้น 3 โรงแรมอโนมาแกรนด์กรุงเทพฯ

นายเสฐียรพงศ์  มากศิริ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี

นายเสฐียรพงศ์  มากศิริ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 เป็นกลุ่มจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบายมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายเช่น น้ำตกไทรโยค อุทยานแห่งชาติพุเตย ฯลฯ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณี ฯลฯ

จังหวัดสุพรรณบุรีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ขึ้น โดยใช้กิจกรรมการแข่งขัน แรลลี่รถยนต์ และจักรยาน เป็นสื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจการท่องเที่ยวได้ทราบว่าจังหวัดสุพรรณบุรี และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่สวยงาม ตระการตา น่าประทับใจ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวแบบบุคคลและครอบครัว และยังมีบริการทางการท่องเที่ยวที่สะดวกพร้อมที่จะบริการนักท่องเที่ยวในแบบองค์กรและหมู่คณะ สะดวกต่อการจัดการท่องเที่ยวหลายประการ อีกทั้งมีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กิจกรรมประเพณี ที่น่าตื่นตาตื่นใจทัดเทียมกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วประเทศไทย

สุพรรณหรรษา การแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยาน

นายธนเสฏฐ์ สุชามาลาวงษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยหลักของรายได้เข้าสู่ชุมชนและจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มาโดยตลอด โดยจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมาโดยตลอดทุกปี ดังนั้น จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว การบริการด้านการท่องเที่ยว การคมนาคมที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ จากความพร้อมดังกล่าว จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จึงได้มีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมการแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยานเป็นสื่อ ในการนำกลุ่มผู้รักการท่องเที่ยวทางรถยนต์ และกลุ่มผู้รักการปั่นจักรยานได้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวไปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1

นางระพีพร คำสกุล ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า กิจกรรมที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้มี 2 กิจกรรมด้วยกัน คือ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมการแข่งขันแรลลี่รถยนต์เป็นการจัดการแข่งขันแรลลี่รถยนต์เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของทั้ง 4 จังหวัด ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่ง
จะกำหนดจุดทำกิจกรรม RC ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งเส้นทางในการแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะใช้เส้นทางเริ่มต้นจากจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี แล้วมาสิ้นสุดที่สุพรรณบุรี ระยะทางทั้งหมดรวม 750 กิโลเมตร ส่วนกิจกรรมที่ 2 เป็นกิจกรรมการแข่งขันแรลลี่จักรยาน เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวใน จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทางทั้งหมด 40 กิโลเมตร จุดหมายปลายทางคือจุดตั้งต้น

“ผู้เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่รถยนต์จะได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน ในจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี โดยจุดท่องเที่ยวที่เป็น TC ในแต่ละสถานที่จะมีไฮไลต์ประจำจุดที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมแข่งขันตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นอุทยานมังกรสวรรค์ ตลาดร้อยปีสามชุก วัดไผ่โรงวัว บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี อุทยานเขางู วัดหนองหอย จังหวัดราชบุรี องค์พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม และปราสาทเมืองสิงห์ วัดถ้ำเสือ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนผู้เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่จักรยานจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศของความงามแห่งธรรมชาติของเขื่อนกระเสียว เขื่อนดินที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศไทย และชมความสมบูรณ์ของผืนป่าหนึ่งเดียวในเมืองสุพรรณ ที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง พร้อมกับกิจกรรมความบันเทิงจากศิลปินดาราที่จะมาสร้างสีสันให้การแข่งขันครั้งนี้คึกคักสนุกสนานเพิ่มมากขึ้น”

ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันแรลลี่รถยนต์และจักรยาน “สุพรรณหรรษา” สามารถ เข้าไปดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่
เว็บไซต์   www.rallyhappysuphan.com
เฟซบุ๊กแฟนเพจ: rallyhappysuphan

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายประสานงานกิจกรรมฯ
แรลลี่รถยนต์ โทร. 08-1453-1770, 08-6412-0514
และฝ่ายประสานงานกิจกรรมแรลลี่จักรยาน
โทร. 06-2416-9656, 08-6399-2892

YEC 7 จังหวัดผนึกพันธมิตรร่วมพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย

เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจ
ภายในภาคตะวันออก ณ.โรงแรมเดอะเวโรน่า @ทับลาน จ.ปราจีนบุรี

เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา Toptotravel มีโอกาสไปร่วมงาน กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก ผนึกพันธมิตร พัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC ส่งเสริม และการสนับสนุนเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ทั้ง 7 จังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เตรียมความพร้อมของนักธุรกิจรุ่นใหม่สำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการเปิดโอกาสดีๆ ให้กับตัวเองไปกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและกลุ่ม YEC ที่มีเครือข่ายทั้งทางมิตรภาพและธุรกิจที่เข้มแข็งทั่วประเทศ ในการประสานงานแบบเป็นเครือข่าย ภายในงาน มีการแสดงตัวอย่างของกลุ่ม YEC ของหอการค้าจังหวัดเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป

YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก@Verona ปราจีนบุรี วันที่ 19-20 สิงหาคม 2560

วัตถุประสงค์ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก  เพื่อพบปะทำความรู้จักกันและ กันมาร่วมสานสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนความคิด ระหว่างสมาชิก  YEC  ของแต่ละจังหวัด ในภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาเครือข่ายสมาชิกและธุรกิจภาย
ในภาคตะวันออกให้เติบโตและมั่นคง และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมของของพวกเราชาวภาคตะวันออก  ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ตามหา Cowboy And Cowgirl กิจกรรมประจำปีของภาคตะวันออกกับการประกวด Cowboy And Cowgirl Popular Vote ภูเขา ต้นไม้ โอโซน และดนตรีโฟล์คซอง รอต้อนรับเพื่อนๆจะดีแค่ไหนถึงได้พบปะเพื่อนๆ บนท่ามกลางธรรมชาติ และสถานที่งดงามในแบบมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา มีแต่พวกเราที่เข้าใจกัน

ถ้าพูดถึงด้านการค้า กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย 1.ปราจีนบุรี  2. จันทบุรี  3. ฉะเชิงเทรา
4.ชลบุรี   5.สระแก้ว 6. ระยอง 7. ตราด

นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดปราจีนบุรี

นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจในการทำธุรกิจกันมากขึ้น ด้วยความสามารถกล้าคิด กล้าตัดสินใจ รวมทั้งยังมองเห็นช่องทางธุรกิจต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ และยิ่งถ้าผู้ใหญ่อย่างเรา ให้การสนับสนุนกลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่ เชื่อมั่นว่าจะสามารถพัฒนาธุรกิจและการท่องเที่ยวให้ประสานกันได้อย่างลงตัว

ผลิตและจำหน่ายโดย กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรกบินทร์ร่วมใจ
นายดำริห์ รัตนชินกร นายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี

นายดำริห์ รัตนชินกร นายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี กล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ พวกเขาจะได้ใช้ความรู้ ใช้ประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยน เพื่อพัฒนาธุรกิจ การท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนเอง และสามารถเชื่อมโยงต่อยอดให้เกิดประโยชน์เพิ่มมากขึ้น และในฐานะของนายกสมาคมท่องเที่ยวปราจีนบุรี ยินดีที่ได้ต้อนรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ จะสามารถพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีความแปลกใหม่และก้าวหน้า เพื่อความยั่งยืนต่อไป

สานสัมพันธ์ภาคตะวันออกครั้งที่ 2 YEC EAST 3 Verona at Tublan ปราจีนบุรี YECEast#2

กิจกรรมต่างๆ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 ณ โรงแรมเดอะเวโรน่า @ทับลาน จ.ปราจีนบุรี  กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 จังหวัดภาคตะวันออก พร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ ทั้ง 7 จังหวัดภาคตะวันออก

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี และสมาคมท่องเที่ยวประจีนบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC 7 กับบรรยากาศกิจกรรมแบบ อยู่เมื่องไทยก็เหมือนได้ไปอิตาลี  ที่จะมาร่วมกันสร้างสรรค์สังคมของพวกเราชาวภาคตะวันออก  ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ตามหา Cowboy And Cowgirl กิจกรรมประจำ
ปีของภาคตะวันออก

เดอะ เวโรน่า แอท ทับลาน (Verona at Tublan)  ตั้งอยู่ใน อำเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี  แรงบันดาลใจมาจากเมืองเวโรน่า แห่งแคว้นเวเนตโต้ ประเทศอิตาลี ต้นกำเนิดนวนิยาย โรมิโอ & จูเลียต ที่มีชื่อของโลก ให้กลายเป็นดินดินแดนแห่งรักในเมืองไทย เดอะเวโรน่าแอททับลาน ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา ที่มีอากาศ บริสุทธิ์

เดอะเวโรน่า แอท ทับลาน ตั้งอยู่ ถนนสาย 304 หลักกิโลเมตรที่ 32-33
ตรงข้ามอุทยานแห่งชาติทับลาน เส้นทางเดียวกับทางไป อำเภอวังน้ำเขียวโดนใช้เส้น จ.ปราจีนบุรี ปัจจุบันเปิดให้เข้าพรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เดอะเวโรน่า แอท ทับลาน
251 ม.6 ต.บุพราหมณ์  อ.นาดี  จ.ปราจีนบุรี  25220
เบอร์โทรศัพท์ : 096 324 4423
แฟกซ์ : 037-218736
http://www.veronaattublan.com

 

 

เส้นทางรอยไหม ใยฝ้าย เปิดตำนานผืนผ้าเชื่อมโยงชุมชน 4 จังหวัด

ถัก ทอ สายใย ตำนานแห่งผืนผ้า

มนต์เสน่ห์ล้านนาตะวันออก สี่จังหวัดภาคเหนือตอนบน ชูมรดก ภูมิปัญญา
ผ้าล้านนาตะวันออก เปิดเส้นทางท่องเที่ยว รอยไหมใยฝ้ายเชื่อมโยงชุมชน 4  จังหวัด เพื่อดึงนักท่องเที่ยวสัมผัสอารยธรรมผ้าล้านนา ภายใต้คอนเซ็ป

แพร่ :   “ซิ่นงาม นามจกเมืองลอง”
น่าน :  “เสน่ห์ซิ่นน่าน สืบสานงานเครื่องเงิน”
พะเยา :   “พะเยาผ้าทอมรดกแห่งภูมิปัญญา”
เชียงราย : “อารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก ผ้าทอพื้นถิ่นไทยสู่สากล

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย (แพร่ น่าน พะเยาเชียงราย)ทั้งนี้เพื่อพัฒนาสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าทอท้องถิ่นผลิตภัณฑ์ชุมชนอันเกิดจากมรดกภูมิปัญญาของชาวล้านนาตะวันออก

บรรยากาศการร่วม  บทสนทนาระหว่าง Miss universe thailand และดารานักแสดง  เชื่อมโยงชุมชน 4  จังหวัด ในงานแถลงข่าว เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย ล้านนาตะวันออก สวยขนาดไหนสัมผัสใกล้ชิดเธอได้ในงาน เส้นทางรอยไหม ใยฝ้าย  ของ  จังหวัดแพร่, น่าน, พะเยา, เชียงราย  กันยายน 2560
Miss Universe Thailand 2017 คุณมารีญา พูลเลิศลาภ ในงานเเถลงข่าว

กล่าวถึงการได้รับคัดเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ของโครงการ ว่า ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ  โครงการ ทำให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นผ้าทอล้านนาในแต่
ละผืนนั้น ไม่ได้มีแค่กระบวนการผลิตที่ละเอียดทุกขั้นตอนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวของผืนผ้าแต่ละชนิด แต่ละแบบที่มีความประวัติความเป็นมาแตกต่างกันมีความหมายที่สะท้อนในลวดลายของผืนผ้า ซึ่งเกิดจากการสั่งสมภูมิปัญญาของชาวล้านนาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต ดังนั้น  การนำเอาผ้าทอล้าน
นามาต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ย่อมทำให้คนในรุ่นปัจจุบันมี
เปิดโอกาสเดินทางไป

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ  ตอนบน 2 โดย สำนักงานการเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ ชูมรดกภูมิปัญญาผ้าล้านนา สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชวนสัมผัสอารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก  บนเส้นทางรอยไหมใยฝ้ายใน 4 จังหวัด
ช่วงโลว์ซีซั่น ทั้งผลิตสารคดีท่องเที่ยวประกวดแข่งขันออกแบบสินค้าท่องเที่ยวและเครื่องแต่งกายจากผ้าพื้นเมือง พร้อมจัดเวทีแฟชั่นโชว์อัตลักษณ์ความงดงามของผ้าทอล้านนาตะวันออกสู่สากล นำโดย มารีญา พูนเลิศลาภ Miss Universe Thailand 2017

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์  ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นางนาถนรี  ธนะปัญโญ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่  นายเสริฐ ไชยานันตา  ท่องเที่ยวและกีฬา
จังหวัดน่าน  นายคมสันต์  สุมะนาถ  ท่องเที่ยวและกีฬา  จังหวัดพะเยา นางสาวปราณปริยา พลเยี่ยม  ท่องเที่ยวและกีฬา  จังหวัดเชียงราย
นางสาวเอิบลาภ  ศรีภิรมย์  ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่  รวมทั้  งน.ส. มารีญา พูนเลิศลาภ Miss Universe Thailand 2017  น.ส. สุภาภรณ์  ฤทธิพฤกษ์  รอง Miss Universe Thailand 2017
และ นายพุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์  ร่วมกันแถลงข่าว การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย  (แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย) ตามโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์และการตลาดท่องเที่ยว ณ. ลาน Event Hall The Mall 3 สาขา  รามคำแหง
จ. กรุงเทพมหานคร

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า
การท่องเที่ยวนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาท  ต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยปัจจุบันได้มีนำเสนอจุดแข็งของไทย คือ  วิถีไทย อันเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความเป็นไทยแท้ ดั้งเดิม จึงมีการต่อยอดนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ผูกโยงกับวิถีไทย  ที่ลงลึกมากขึ้น เพื่อนำรายได้และความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจฐานราก ทำให้คนท้องถิ่นเกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว  นำไปสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในอนาคต  ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน  2 ประกอบด้วย จังหวัดแพร่ น่าน พะเยาและเชียงราย หรือกลุ่มจังหวัด  ล้านนาตะวันออก สนับสนุนการท่องเที่ยวทั้งเชิง ประวัติศาสตร์  ศิลปวัฒนธรรม  และนิเวศ มีการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และการส่งเสริมการตลาดแต่ที่ผ่านปริมาณนักท่องเที่ยวจะมีมากเฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น
(High Season) เท่านั้น

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีความหลากหลายทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม  และการท่องเที่ยวชุมชนที่เกิดขึ้นมาใหม่อีกหลายชุมชน ดังนั้นกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ จึงได้ดำเนินโครงการ
ส่งเสริมประชาสัมพันธ์และการตลาดท่องเที่ยวขึ้น โดยกำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย (แพร่ น่าน พะเยาเชียงราย)ทั้งนี้เพื่อพัฒนาสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าทอท้องถิ่นผลิตภัณฑ์ชุมชนอันเกิดจากมรดกภูมิปัญญาของชาวล้านนาตะวันออก นำมาส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวทางด้านศิลปวัฒนธรรมในช่วงโลว์ซีซั่น (Low Season) หรือ นอกฤดูกาลท่องเที่ยว กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือน  จังหวัดแพร่ น่าน พะเยาและเชียงราย เพิ่มมากขึ้น อันจะนำไปสู่ การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่  กล่าวว่า  ภายใต้โครงการ
ดังกล่าวมีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดทำสารคดีท่องเที่ยวทางโทรทัศน์ “เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย”  นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวในแหล่งผ้าทอแต่ละจังหวัด และเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทีวี28 ช่อง 3 (SD) การจัดประกวดแข่งขัน  ออกแบบสินค้าทางการท่องเที่ยวและเครื่องแต่งกายโดยใช้ผ้าพื้นเมืองพร้อมทั้งยังมีกำหนดจัดเวทีแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าทอล้านนาตะวันออก ใน 4 จังหวัด

จังหวัดแพร่ : งาน “ซิ่นงาม นามจกเมืองลอง” และงาน “Thailand Indigo Fashion Week” วันที่ 1-3 ก.ย. 2560

จังหวัดน่าน : งาน “เสน่ห์ซิ่นน่าน สืบสานงานเครื่องเงิน” วันที่ 8-10 ก.ย. 2560

จังหวัดพะเยา : งาน “พะเยาผ้าทอมรดกแห่งภูมิปัญญา” วันที่ 15-16 ก.ย. 2560

จังหวัดเชียงราย : งาน “อารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออกผ้าทอพื้นถิ่นไทยสู่สากล”   วันที่ 22-24 ก.ย. 2560

ทั้งนี้ โครงการได้รับเกียรติจาก น.ส. มารีญา พูนเลิศลาภ  Miss Universe Thailand 2017 ตัวแทนสาวไทยที่จะไปร่วมการประกวด Miss Universe 2017 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้มาเป็นพรเซนเตอร์ (Presenter)  เพื่อนำเสนออัตลักษณ์ความงดงามของผ้าทอล้านนาตะวันออกสู่สากลโดย น.ส. มารีญา  พูนเลิศลาภ เข้าร่วมในพิธีเปิดงาน และเดินแบบแฟชั่นโชว์  ในชุดผ้าทอ ล้านนาตะวันออก  บนเวทีของทั้ง 4  จังหวัด
อีกด้วย

ด้าน นางนาถนรี  ธนะปัญโญ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ กล่าวเพิ่มเติมถึงการประกวดแข่งขัน การออกแบบสินค้าทางการท่องเที่ยวและเครื่องแต่งกายโดยใช้ผ้าพื้นเมืองในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2  หรือรางวัล Eastern Lanna Design Award 2017  เป็นความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ  ที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน  จากมรดกทางภูมิปัญญา  ผ้าทอท้องถิ่นโดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมส่งผลงานชิงเงินรางวัลรวมกว่า 8 แสนบาท โดยรูปแบบการประกวดผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยประเภทชุดแต่งกายจากผ้าพื้นเมือง เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรุษหรือสตรี (อย่างใดอย่างหนึ่ง) จำนวน 1 ชุด ประเภทสินค้าทางการท่องเที่ยวจากผ้าพื้นเมือง เช่น ของที่ระลึก ของฝาก ชนิดใดก็ได้ จำนวน 1 ชิ้นซึ่งผู้สมัครต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปสัญชาติไทย และสามารถเข้าร่วมทุกกิจกรรมของโครงการทั้งนี้กำหนดเปิดรับสมัครส่งผลงานตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 18 สิงหาคม นี้

โดยส่งผลงานด้วยตนเอง หรือส่งทางไปรษณีย์ไปได้ที่ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอซอยตรีมิตร ถนนพระรามที่ 4 แขวงอพระโขนงเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

สนใจส่งผลงานออนไลน์ทาง
Facebook fanpace : เส้นทางรอยไหมใยฝ้ายผ้าล้านนาตะวันออก หรือ Link การสมัคร

การจัดกิจกรรม  ส่งเสริมการท่องเที่ยวอารยธรรมผ้าล้านนาตะวันออก
เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย (แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย) ภายใต้โครงการส่งเสริมสัมผัสเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่เป็นแหล่งผลิตผ้าทอล้านนาสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งและยังได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน
ผ้าทอล้านนา

ประชาสัมพันธ์และการตลาดท่องเที่ยว
ณ ลาน Event Hall The Mall รามคำแหง 3  จ.กรุงเทพมหานคร

#TheMallThailand #MissUniverseThailand #เส้นทางรอยไหมใยฝ้าย

เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท มัลดีฟเมืองไทย เปิดตัวที่พักโซนใหม่

The Day of Adventure
@ Lake Heaven Resort

ผ่านไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่และสุดประทับใจ กับงาน รับลมริมเขื่อนที่ เลค เฮฟเว้น รีสอร์ท (Lake Heaven Resort)สถานที่พักผ่อนตากอากาศที่บรรยากาศดีในทุกฤดู ด้วยใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ  ไม่นานนักได้อารมณ์  โรแมนติกนิดๆ

Lake Heaven Resort จัดงานขอบคุณสื่อมวลชน ประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคม 2560  ทีมงาน Lake Heaven  สร้างสรรค์ความบันเทิงหลากหลายภายใต้บรรยากาศโลกแห่งความสุขสีฟ้า ประชันชุดราตรีสีฟ้า กับปาร์ตี้โฟมสุดสุดชิค   ในธีม   “Thank Press 2017…  BLUE  PARTY”
ของ  โรงแรม Lake Heaven Resort แบบโซนบนฝั่งที่พักสไตล์มัลดีฟ

เมื่อทีมสื่อมวลชน มาถึงทางเข้าที่พัก เลค เฮฟเว้น รีสอร์ท (Lake Heaven Resort) ได้ชมบรรยากาศที่เปรียบเสมือนมัลดีฟส์ในเมืองไทย มีทุ่นแบบมาตรฐานที่ช่วยให้ เรือนแพลอยบนผิวน้ำ  ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง  และปลอดภัยมาก ที่พักทุกห้อง สามารถใช้ไฟฟ้าได้ ตลอด 24 ชั่วโมง มีน้ำสะอาดให้เราใช้ได้ตลอดเวลา

ครั้งนี้เราพักกันที่ ที่นี่  โรงแรมแบบโซนบนฝั่ง ที่พักสไตล์มัลดีฟ ในสวนใกล้ชิดติดธรรมชาติ กับความทรงจำ 2 วัน 1 คืน กับความลับน้อยที่เราคอยไปพบท่ามกลางโค้งน้ำที่สวยที่สุด ม่านหมอก แมกไม้ สายลม และ ขุนเขา ดีจังได้มาสัมผัสมหัศจรรย์ความสวยงามของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ สะดวกสบายด้วยห้องพักเเบบบังกะโลที่เเยกเป็นหลังๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด พร้อมให้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม ด้วยพื้นที่แบบเนินสูง ต่ำสลับกันไปมา มองเห็นวิวเขื่อนศรีนครินทร์  ต้นไม้ และหน้าผา ภูเขาอันสวยงาม ในแต่ละห้องประกอบไปด้วย 1 เตียงใหญ่ หรือในแบบ  2 เตียงเล็ก อีกทั้งแต่ละห้องยังมีห้องน้ำในตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกด้  วยชุดสุขภัณฑ์ต่างๆ ไว้บริการอย่างครบครันเหมาะสำหรับการพักผ่อน แบบส่วนตัว หรือการพักผ่อนแบบหมู่คณะ ซึ่งทางโซนใหม่ของรีสอร์ท  มีสระว่ายน้ำแล้ว  สำหรับบางท่านที่ไม่กล้าลงเล่นน้ำในเขื่อน

โรงแรมที่มีสวนน้ำ โดยแบ่งให้เลือกถึง 3 แบบ การตกแต่งห้องพักเป็นหลังๆ ในรูปแบบวิลล่า เหมือนประเทศมัลดีฟดื่มด่ำไปกับธรรมชาติรอบๆ ที่พัก และวิวภูเขา ล้อมรอบด้วยผืนน้ำกว้าง เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี ทำให้เรารู้สึกราวกับมาพักที่มัลดีฟจริงๆ เลยค่ะ  มีโซนพักผ่อนที่เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายภาพสวยๆ ถูกออกแบบมาได้อย่างโดดเด่นและสง่างาม ใครมาเห็นต้องอดใจไม่ไหว หยิบกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์แบบไม่ยั้ง

ได้รับการรังสรรค์แนวคิดในการตกแต่งจากธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัว และมีห้องประชุมสัมนาแบบสมบูรณ์แบบ  สำหรับหลากหลายกิจกรรมที่ต้องการ การเดินทางมาพักผ่อน และยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมสันทนาการที่ทางรีสอร์ทสไตล์มัลดีฟส์เมืองไทย รับรองสวยและบรรยากาศดีจนไม่อยากกลับเลย

เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท ประกอบไปด้วยที่พัก 2 โซน ด้วยกัน  คือ

โซนบนฝั่ง ที่พักสไตล์มัลดีฟ ในสวนใกล้ชิดธรรมชาติ
เล่นกิจกรรมเหนื่อยทั้งวัน เรามานอนพักผ่อนกันให้เต็มที่ พร้อมสระว่ายน้ำบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายในห้องพัก ห้องพักมี 2 แบบ บ้านราชาวดี(ทรงเหลี่ยม) และบ้านราชพฤกษ์(ทรงกลม) เดินลงไปพบกับ

โซนในน้ำ ที่พักสไตล์มัลดีฟ บนน้ำ
พร้อมเครื่องเล่นและกิจกรรมมากมาย สามารถโดดเล่นน้ำหน้าบ้านตัวเองได้เลย ถ้าจะนั่งเรือข้าม 5 นาที ไปก็จะเป็น เฮฟเว่น เบย์ รีสอร์ท

เฮฟเว่น เบย์ รีสอร์ท ที่พักบนน้ำใกล้ชิดธรรมชาติิอย่างแท้จริง
ด้านหน้าติดแผ่นน้ำด้านหลังติดภูเขา พร้อมเครื่องเล่นมากมายไม่แพ้ฝั่ง เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท บ้านพักเป็นแบบพัดลมมทั้งหมด สงบเหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

นักท่องเที่ยวจะได้สนุกสุดเหวี่ยง!กับเครื่องเล่น Water Park ภูเขาจำลองสูง 5 เมตร สไลเดอร์น้ำ จักรยานน้ำ เจ๊ตสกี   เพิ่มเข้ามาอีก 2 ชิ้น   ได้แก่ บิ๊กสไลเดอร์อและเขาวงกตน้ำ เรียกว่าคุณ คุณพลาดไม่ได้ที่จะมาลองกันสักตั้งเลยทีเดียว ขอบอกว่ามันส์สุโค่ยกันเลยทีเดียว

มาชมบรรยากาศ Thanks Press At Lake Heaven Resort
มัลดีฟ  เมืองไทย อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี  โดยประธานกรรมการบริหาร ในเครือ ฟังก์ชั่น กรุ๊ป พร้อมคณะผู้บริหารในกลุ่มฟังก์ชั่น กรุ๊ป คุณวิกร ภูวพัชร์ เชิญคณะนักข่าวลงพื้นที่สัมผัสบรรยากาศพร้อมกันในงาน Thanks Press At Lake Heaven Resort  มัลดีฟ  เมืองไทย อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรีโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำและประชาสัมพันธ์ ที่พักโซนใหม่ของรีสอร์ทฯ ที่มีความเป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ อ่างจากุซซี่ อาหาร และกิจกรรมมากมาย พร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ 2 ชิ้นขนาดใหญ่ และปลายปีนี้เตรียมพบกับ คอนเสิร์ตโอบสายน้ำกอดขุนเขาปี 2 กับ 4 ศิลปินชั้นแนวหน้าของเมืองไทย อ๊อฟ ปองศักดิ์ บอย Peacemaker ป้าง นครินทร์และ Moderndog

แพเปียก นักท่องเที่ยวทุกท่านได่ชมวิวทะเลสาปรอบเกาะเหนือเขื่อนศรีนครินทร์

 

คุณวิกร ภูวพัชร์ ประธานกรรมการบริหาร ในเครือ ฟังก์ชั่น กรุ๊ป

แดดร่ม ลมเย็น อยากออกไปเล่นเป็นธรรมดา ทีมงาน Lake Heaven
จัดกิจกรรมสนุกๆ สุดพิเศษที่ Water Par สื่อมวลชนได้ตะลุย   ผ่าด่านสุดมันส์ กับเครื่องเล่นต่างๆ ภายในรีสอร์ท ถือว่าหลากหลายนนี้เล่นกิจกรรมเหนื่อยได้ตลอดทั้งวัน

จุดเด่นของที่นี่คือ สไลเดอร์ สูงขนาด 12 เมตร/15 เมตร สำหรับกิจกรรมทางน้ำทั้งหมด ที่ไม่ใช้น้ำมัน ทางรีสอร์ทให้เล่นฟรี! เล่นได้ มั่นใจ ปลอดภัย มีทีมงานดูแลด้านความปลอดให้ตลอดทริป

อาหารค่ำคืนนี้  พร้อมปาร์ตี้โฟมจัดเต็ม ธีม   “Thank Press 2017  BLUE  PARTY”   พร้อมแจกของรางวัลมากมายจากเลค เฮฟเว้น รีสอร์ท   และ เครื่องสำอาง ISE Cosmetic (อิเซ่ คอสเมติกส์) พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กันน้ำได้จริง! ลองแล้ว…เค้าออกแบบมาสำหรับสาวๆ ที่ชอบกีฬาทางน้ำ

ขอบคุณเรามานอนพักผ่อนกันให้เต็มที่เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท (Lake Heaven Resort) อากาศบริสุทธิ์ สูดเข้าเต็มปอด มีกิจกรรมทางน้ำสนุกๆ ให้เล่นเพื่อผ่อนคลายสมอง ส่วนเรื่องอาหารก็มีให้รับประทานทุกมื้อ เยอะมาก  หลากหลายเมนู  ตื่นเช้าคณะสื่อมวลชนร่วมกันใส่บาตรทำบุญ


ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ สไลเดอร์ สูง 12 เมตร สำหรับกิจกรรมทางน้ำทั้งหมด Lake Heaven Resort ให้เล่นฟรี!
Water Park ลุยกัน ผ่าด่านสุดมันส์

มาชม  2 เครื่องเล่นใหม่  บิ๊กสไลเดอร์  และ เขาวงกตน้ำพร้อมเส้นทางท่องเที่ยวผจญภัยของรถ ATV และ เรือลาก Banana Boat  ที่จะพาคุณลุยไปสัมผัสสนุกสุดเหวี่ยง กับอีกด้านหนึ่งของชีวิต  ส่วนกิจกรรมอื่นๆ  ที่มีในรีสอร์ท สไตล์มัลดีฟได้แก่

ราคารถ ATV 250 บาท / 1 รอบ
Jet Ski 1,600 บาท / ชั่วโมง
เรือ Mini Boat 800 บาท/ ชั่วโมง
เรือลาก Banana Boat, โดนัท ( เรือ AB ) 1,600 บาท / ชั่วโมง
ขี่ม้า 200 บาท / รอบ
นวดแผนไทย 450 บาท/ 2 ชั่วโมง
จักรยาน  60 บาท / ชั่วโมง
คาราโอเกะ คอมพิวเตอร์  2,500 บาท
แคมป์ไฟสุดเกร์  1,000  บาท

ความสุขแทนคำขอบคุณจากใจ  สำหรับมิตรภาพของสื่อมวลชน  ที่มอบให้กับ เลค เฮฟเว้น รีสอร์ท (Lake Heaven Resort)  เป็นความทรงจำที่ไม่มีวัน
ลบเลื่อนจากใจ

พลาดไม่ได้เลยนะ เครื่องเล่นภายในรีสอร์ท ถือว่าหลากหลาย กับรีสอร์ทสวย ที่พักดีดี เครื่องเล่นสุโค่ย

ผ่านไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่และสุดประทับใจ
ขอขอบคุณผู้บริหาร และ ทีมงาน Lake Heaven Resort
และทีมงาน เครื่องสำอาง ISE Cosmetic (อิเซ่ คอสเมติกส์)
ที่ให้การดูแลสื่อมวลชน ตลอดทริปแบบยิ้มกว้างกันทุกท่าน

ขอบคุณภาพสวยๆ จาก สื่อมวลชนทุกท่าน

ติดต่อสอบถาม: ติดตามกิจกรรมดีดี
เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
โทร. 08-4387-6771, 08-4387-6773
www.lakeheaven.com

3 สถาบัน วิ่ง-ปั่นปันน้ำใจ 3 Gether Run & Ride for Life

การรวมตัวครั้งแรกและครั้งสำคัญ
ของ 3 สถาบันการแพทย์

จัดงานพิธีเปิดโครงการ 3 สถาบัน วิ่ง-ปั่นปันน้ำใจ 3 gether : Run&Ride for Life  ด้วยการรวมตัวครั้งแรกและครั้งสำคัญของ 3 สถาบันการแพทย์ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์,  คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อ
ผู้ป่วยยากไร้ใน 3 ภูมิภาค ซึ่งกิจกรรมทั้ง 7 วัน  รวมระยะทางกว่า 2,700 กิโลเมตร  เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน  เห็นความสำคัญของการวิ่ง หรือ  ปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และได้ร่วมกันทำความดี ด้วยการรณรงค์รับบริจาคเงินตลอดเส้นทาง เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปใช้สำหรับผู้ป่วยในแต่ละภูมิภาค

โครงการ “3 สถาบัน วิ่ง-ปั่นปันน้ำใจ 3 gether : Run & Ride for Life”
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 กรกฎาคม 2560

โดยตัวแทนของทั้ง 3 สถาบันจะเริ่มต้นออกวิ่งพร้อมกัน ในวันที่ 22 กรกฏาคม 2560 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แล้วมุ่งหน้าสู่ 3 สถาบันการแพทย์ใน 3 ภูมิภาคของประเทศไทย โดยสายเหนือมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สายตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสายใต้มุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

โดยกำหนดสิ้นสุดกิจกรรม  ในวันที่ 28 กรกฏาคม 2560 ที่สถาบันแพทยศาสตร์ในจังหวัดสงขลา จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น

รศ.นพ. พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

รศ.นพ. พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อน ใน 14 จังหวัดภาคใต้ มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องใช้ทุนทรัพย์ในการรักษาที่ค่อนข้างสูง จึงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาการรักษาตัว “อาคารเย็นศิระ” จึงเกิดขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งตอนนี้อาคารเย็นศิระ 1 – 2 รองรับผู้ป่วยและครอบครัวได้ประมาณ วันละ 500 คน แต่ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นเกินที่ศักยภาพของทั้ง 2 อาคารจะรับได้ เงินบริจาคจากโครงการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทางคณะแพพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงตั้งใจสมทบร่วมสร้าง อาคารเย็นศิระ 3” ให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะรอรับผู้ป่วยและครอบครัวได้มากถึง 500 คนต่อวัน “เย็นศิระ” อาจไม่ใช่ที่ที่สะดวกสบาย แต่เป็นสถานที่พักพิง เป็นเหมือนบ้านอีกหลังที่พร้อมจะพยาบาลผู้ป่วยและครอบครัวด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ให้สมกับคำว่า ที่นี่ คือ “ที่ฝากชีวิตของคนในภาคใต้”

ศ.นพ. บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์  คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ทางด้าน  ศ.นพ. บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์  คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เงินบริจาคที่ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะได้รับในครั้งนี้ ทางเราจะนำไปสร้างศูนย์ในการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและผู้ป่วยระยะท้ายของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Palliative Care Center) เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งและโรคเรื้อรัง ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งจัดตั้งโครงการธนาคารอุปกรณ์ สำหรับให้ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคองหรือโรงพยาบาลในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้มีโอกาสยืมไปใช้ในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน รวมถึงการช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวในด้านค่าใช้จ่ายการเดินทางนำผู้ป่วยกลับไปดูแลระยะท้ายของชีวิตที่บ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตด้านอื่น ๆ และจัดการฝึกอบรมพัฒนาแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครชุมชน ให้มีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและผู้ป่วยระยะท้าย ซึ่งจะนำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยและครอบครัวต่อไป


รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการจัดโครงการนี้ว่า การร่วมมือของ 3 สถาบันในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะพัฒนาวงการแพทย์ในเขตภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งใจนำเงินบริจาคจากโครงการไปใช้พัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของระบบบริการทางการแพทย์ให้สามารถดูแลผู้ป่วยที่มีความยุ่งยากซับซ้อนได้ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมของชาติได้ อีกทั้งจะพัฒนาเครือข่ายผู้ดูแลผู้ป่วย ทางทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกรและทีมวิชาชีพให้มีศักยภาพที่สูงขึ้นมีความสามารถดูแลผู้ป่วยในทุกระดับได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนอีกด้วย

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดงานพิธีเปิดโครงการ “3 สถาบัน วิ่ง-ปั่นปันน้ำใจ 3 gether : Run&Ride for Life” งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 กรกฏาคม 2560

สำหรับผู้ที่สนใจ ร่วมบริจาคได้ตลอดเส้นทางที่ขบวนวิ่ง/ปั่นมุ่งหน้าสู่จุดหมาย 3 ภูมิภาค และ สามารถบริจาคได้ที่
ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 641-3-009595
ชื่อบัญชี : 3 สถาบันแพทย์
วิ่ง- ปั่น ปันน้ำใจ เพื่อผู้ยากไร้ / 3 gether: Run & Ride for Life

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของโครงการ
“3 สถาบัน วิ่ง-ปั่นปันน้ำใจ 3 gether: Run & Ride for Life”
https://www.facebook.com/3getherRunRideforLife