Category Archives: Travel

Travel-Food-Drink-Party

ชวนไปเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก

เปิดแล้ววันนี้ “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก”
เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง
๔ มรดกโลก กลางใจเมือง

“ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” หรือ “World Heritage Journey” เป็นการนำผู้ชมงานเดินทางท่องเที่ยวไปบนเส้นทาง ๔ มรดกโลก ภายในงานจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ วิถีอารยธรรม (Exhibition Zone) นิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและข้อมูลรายละเอียดของ ๔ มรดกโลก วิถีย้อนอดีต (Photo Zone) เป็นจุดถ่ายภาพที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมงานเก็บบันทึกภาพความประทับใจผ่านเลนส์ โดยจัดสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะเนรมิตให้ผู้ที่ร่วมถ่ายภาพเสมือนหนึ่งได้ไปเยือนทั้ง ๔ มรดกโลก วิถีประเพณีวัฒนธรรม (Performance Zone)

ส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงของศิลปิน กิจกรรมสร้างสีสันให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก และวิถีของดีพื้นถิ่น (Product Zone) โซนร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีจังหวัดต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก ที่รวบรวมไว้ทั้ง อาหาร งานฝีมือ สินค้าหัตถกรรม/อุตสาหกรรม ที่พัก ฯลฯ

 

ท่องวิถี ๔ มรดกโลก  จัดโดยสำนักงาน การท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์  เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก  อยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่
มีคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัดมานำเสนอในงานระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวในพิธีเปิดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” ว่า “การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา จากในปี ๒๕๕๙ มีนักท่องเที่ยว จำนวน ๑.๙๕ ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น ๒.๒๐ ล้านคนในปี ๒๕๖๐ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็น ๑๒ เมืองต้องห้าม..พลาด ที่ต้องการการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองที่มีศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเพชรบูรณ์มีความพร้อมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้ำ พรรณไม้ระบบนิเวศฯ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอีกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริการมีความสมบูรณ์และสมดุลในเชิงกายภาพทางสังคมสูง มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์อารยธรรมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มีการสั่งสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างมากมาย โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งกำลังรอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมืองโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม คาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี”

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญในการประชาสัมพันธ์และทำตลาดเชิงรุก รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ จึงจัดทำโครงการเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๔ มรดกโลก และจัดงาน “ท่องวิถี ๔ มรดกโลก” โดยนำเสนอเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์บนเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงแหล่งมรดกโลก ๔ กลุ่ม คือ พระนครศรีอยุธยา ศรีเทพ สุโขทัย หลวงพระบาง ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ อารยธรรมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นภาพรวมแห่งการเป็นอารยธรรมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนสุวรรณภูมิ และสัมผัสกับมิติของการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของตน

ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ลานกิจกรรมสแควร์ ซี ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

แนวคิดของงานครั้งนี้กำหนดเอาไว้ว่า มาเที่ยวทั้งที อาหารและของดีประจำจังหวัด ขอนำเสนอให้ได้ชมกัน มีทั้ง มะขามหวาน ทุเรียนลับแล น้ำพริก ข้าวหลาม ชา กาแฟสด สัปปะรด ผัก ผลไม้ออแกนิค แหนมเห็ด ผลิตภัณฑ์จากขิง กล้วยตาก เห็ดหลินจือ อาหารและเครื่องดื่มจากไร่กำนันจุล รวมทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่มีมาให้เลือกสรรกันอีกมายมาย อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสังคโลก น้ำมันนวด ผ้าทอมือ เครื่องนอนสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จากไม้ ซึ่งรับรองว่าไม่สร้างความผิดหวังให้กับผู้เข้าชมงานอย่างแน่นอน” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

เพชรบูรณ์ ชวนเที่ยวท่องวิถี 4 มรดกโลก

มาบอกเล่า ความเป็นมา 4 มรดกโลก

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ในฐานะประธาน  แถลงข่าว นายธนิต จิตละมัย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพชรบูรณ์ ในฐานะผู้ดำเนินงาน นายยชญ์สุธา วิชัยธนพัฒน์ ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะผู้ร่วม ได้ร่วมแถลงข่าว การจัดงาน “ท่องเที่ยววิถี 4 มรดกโลก”ด้วยการ “เปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก อยุธยา–ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์- สุโขทัย – หลวงพระบาง ประเทศลาว ที่เน้นความสำคัญอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และ เป็นเมืองโบราณสถานที่สำคัญของ จ.เพชรบูรณ์ เดิมชื่อ  “เมืองอภัยสาลี”  ถูกค้นพบเมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จตรวจราชการ อีกทั้งมีลักษณะเป็นที่ตั้งเมืองอยู่ในชุมทางติดต่อกับภาคอื่นๆได้ จึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียงผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น รวมทั้งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้านนายธนิต ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งพัฒนาเศรษฐกิจของ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา จากในปี 2559 มีนักท่องเที่ยว จำนวน 1.95 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 2.20 ล้านคนในปี 2560 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่กำหนดให้เพชรบูรณ์เป็น 12 เมืองต้องห้าม..พลาด ที่ต้องการการกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองที่มีศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้ำ พรรณไม้ระบบนิเวศฯที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอีกทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการบริการมีความสมบูรณ์และสมดุลในเชิงกายภาพทางสังคมสูง มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเชิงประวัติศาสตร์อารยธรรมและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มีการสั่งสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างมากมาย ซึ่งทางท่องเที่ยวและกีฬาจ.เพชรบูรณ์ เห็นความสำคัญจึงจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรม สำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

ด้านนายยชญ์สุธา ประธานหอการค้า จ.เพชรบูรณ์ กล่าวเชิญชวนให้มาเที่ยวงานดังกล่าวว่า ทางหอการค้าจ.เพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาร่วมย้อนอดีตไปบนเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยง 4 มรดกโลกรวมถึงร่วมกิจกรรม “ท่องวิถี 4 มรดกโลก” ที่จะได้สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี พร้อมกับการแสดงที่น่าตื่นตาตลอดงาน ได้ชม ชิม ช้อป และเที่ยววิถีไทยในงานไปพร้อมกัน

ภายในงานจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ดังนี้ ได้แก่ วิถีอารยธรรม (Exhibition Zone) นิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและข้อมูลรายละเอียดของ 4
มรดกโลก

วิถีย้อนอดีต (Photo Zone) เป็นจุดถ่ายภาพที่จะดึงดูดให้ผู้เข้าชมงานเก็บบันทึกภาพความประทับใจผ่านเลนส์ โดยจัดสถานที่และอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะเนรมิตให้ผู้ที่ร่วมถ่ายภาพเสมือนหนึ่งได้ไปเยือนทั้ง 4 มรดกโลก

วิถีประเพณีวัฒนธรรม (Performance Zone) ส่วนของเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงของศิลปิน กิจกรรมสร้างสีสันให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมสนุก

และวิถีของดีพื้นถิ่น (Product Zone) โซนร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีจังหวัดต่าง ๆ บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก ที่รวบรวมไว้ทั้ง อาหาร งานฝีมือ สินค้าหัตถกรรม/อุตสาหกรรม ที่พัก ฯลฯ

นายวรพจน์ แววสิงห์งาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรพจน์ รองพ่อเมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การเปิดประตูเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 4 มรดกโลก ครั้งนี้เน้นความสำคัญอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี และกำลังรอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอยู่ พร้อมรวบรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน รวมทั้งอาหารและของดีประจำจังหวัดโดยร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์และหอการค้าของจังหวัด ที่จะยกจังหวัดทั้ง 4 เส้นทาง มาไว้ที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ผู้คน อาหารการกินและของดีพื้นถิ่น รวมทั้งถสานที่พักผ่อน ท่องเที่ยวอย่างครบครัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมพันธ์บรรยากาศอุทยานประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ อ.ศรีเทพ หรือเมืองศรีเทพให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวในวงกว้างและสนใจที่จะเดินมาท่องเที่ยวมากขึ้น ณ ลานกิจกรรม ด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2561

เปิดลายแทง…ทริป “หลงรักษ์ประจวบ”

เริ่มแล้ว ทริป  “หลงรักษ์ประจวบ”
ตอน จากภูผาสู่สมุทร

มาเที่ยวอีกครั้ง  หนีไปดับร้อน ที่กุยบุรี มันชิลดี  3 วัน 2 คืน มาสร้างสีสัน กระตุ้นต่อมการท่องเที่ยวกับเส้นทาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ถึง อำเภอกุยบุรี

เอาจริงๆ กุยบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในประเทศ ใช้เวลา
ในการเดินทาง แปร๊ปเดียว เพียงแค่ 40 นาที จากหัวหิน  ทริปนี้เรามีโอกาสเยี่ยมชมที่พักสวยๆ ที่กุยบุรี ด้วยความการตกแต่งทีงดงามน่ารัก มีสไตล์อย่าง วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท และ วาฏิกา รีโซวิลล่า เป็นสถาให้ความสะดวกสบายเคียงคู่ไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง   ที่นี่มีร้านอาหารซีฟู้ดต่างๆ  ที่พัก มีราคาไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์
กันมากสักเท่าไหร่

เรามาเริ่มเปิดลายแทง “หลงรักษ์ประจวบ” เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ ที่นี่เต็มไปด้วย ความสนุกสนาน ตื่นเต้นของกิจกรรมต่างๆ  ที่ทำให้ผู้มาเยือนสนุปแบบไม่ซ้ำ  สำหรับผู้ที่รักการดำน้ำดูปลาสวยงาม
ดูปะการัง พร้อมความสวยงามของโลกธรรมชาติใต้ทะเล ที่มีความสวย
งามไม่แพ้ทะเลใดในโลก

อำเภอกุยบุรี ค่อนข้างสงบเงียบ ธรรมชาติสวยงาม ที่นี่เป็นส่วนตัวหน่อยๆ
มีอาหารทะเลสดๆ ให้อร่อยกันจุใจรวมไปถึงมีที่พักพูลวิลล่า นอนพักผ่อนสบายๆ ให้ได้ชิลล์ ทริปนี้เราพักที่ วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท

Vartika Adventure Retreatic Resort
วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท
ที่ตั้งอยู่ในเขตบ่อนอก อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หัวใจหลักของ วาฏิกา คือ การอนุรักษ์รักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรีนโฮเทล)
โรงแรม วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท

ทริปหลงรักษ์ประจวบ ตอน จากภูผาสู่สมุทร  เกิดขึ้นจากlสุดยอดแนวคิดของคุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ประจวบ คีรีขันธ์  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียง ชุมชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพและมีความพร้อมบนพื้นฐานของเอกลักษณ์สนับสนุนแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์น้ำ  ลด
การสิ้นเปลืองพลังงาน และลดมลพิษทางอากาศ

ทริบหลงรักษ์ประจวบ คุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว นำพาคณะนำชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดประจวบฯ อาทิ  ท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน  การใช้ลิงกังเก็บมะพร้าวจากต้น ดูแล้วหลงเสน่ห์ในความเรียบง่าย และเงียบสงบของกุยบุรีอย่างแน่นอน

หลังจากเช็คอิน ที่โรงแรม ข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ทานอาหารกลางวัน
ณ.ห้องอาหารบ่อนอก  ห้องอาหารอยู่ข้างสระน้ำ บรรยากาศดี ตั้งอยู่ใน
วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 6.30 – 22.00 น.  อิ่มจัดเต็มแล้ว พร้อมเดินทางเพื่อชมวิถีชาวบ้าน  ด้วยการใช้ลิงเก็บมะพร้าว ด้วยความชำนาญ มาต่อด้วยเยี่ยมชมหมู่บ้าน Otop “บ้านหัวตาลแถว”  OTOP  เพื่อการท่องเที่ยว บ้านหัวตาลแถว ชมกลุ่มเกษตรกรทำผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว บรรยากาศของที่นี่เป็นไปอย่างคึกคัก พวกเราเลือกซื้อสินค้าอย่างสนุกสนาน

 

ทริปนี้ได้มีโอกาส ได้พบนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน  ร่วมให้สัมภาษณ์และนำเที่ยวครั้งนี้ด้วยตนเอง  กิจกรรมท่องเที่ยว 8 อำเภอ ของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พูดคุยและแนะนำการท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆ  เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ให้มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ทะเล เกิดความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย

ต่อด้วยผลิตภัณฑ์์ยอดนิยม คือ การปลูกบ้านปลา มะพร้าว ทำสาหร่าย การทำน้ำปลากู้โลก กิจกรรมและโครงการต่างๆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบใกล้ชิดธรรมชาติกับบรรยากาศสวนป่าเขตร้อน ที่นี่เป้นทำให้ชาวบ้านมีอาหารบริโภคอย่างพอเพียง เพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีนำไปสู่ความมีคุณภาพชีวิตที่ดี และพึ่งพาตนเอง ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ชายฝั่งทะเลกุยบุรีให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกต้องและควบคู่ไปกับการฟื้นฟูบูรณะทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดความสมดุล และแก้ปัญหาข้อพิพาทต่างๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดไป

เช้าวันที่สอง รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ไปต่อค่ะ ใครเป็นขาเที่ยวสายทะเลแล้วล่ะก็! ไต้องไปขึ้นเรือนำเที่ยวที่ สะพานสราญวิถี  เรือออกเดินทางไปเกาะจาน  เกาะท้ายทรีย์ และ เกาะเหลือบกัน  หลายคนคงทำหน้างงๆ  เกาะน้องใหม่มาแรงในฤดูนี้ แซงโค้ง เพราะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลใส ฟ้าสวย ที่สุดแสนจะยั่วยวนจิตใจ ให้ได้อดหยิบบีกินีสวย ไปใส่หน้ากากดำน้ำแล้วก้มลงไปดูปะการังสีสวย และเกิดคำถามขึ้นมาทันทีที่

ทริบหลงรักษ์ประจวบ โดยคุณอุดมสุข นิ่มเซียน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว นำพาคณะนำชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดประจวบฯ

นายอุดมสุข  นิ่มเซียน  นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริหารแบบให้รีสอร์ทอยู่ร่วมกับชุมชนรอบข้างได้อย่างเอื้อเฟื้อเกื้อกูลรายได้และอาชีพให้กับชาวบ้านท้องถิ่น  มีความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตว์ทะเล เกิดความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
ซึ่งชาวบ้านมีภูมิลำเนาไม่ไกลจากเมืองชายทะเลสุดคลาสสิค

ริมทะเลสีสันยามเย็น BBQ ปิ้ง ย่าง @วาฎิกา บีชเราก็เพิ่งรู้!  ที่นี่เป็นที่เที่ยวดำน้ำแห่งใหม่ของ จ. ประจวบคีรีขันธ์  เป็นจุดดำน้ำตื้นของเหล่านักท่องเที่ยว สำหรับใครที่อยากไปชื่นชมธรรมชาติ ที่นี่แหละ เป็นสวรรค์ของคนรักท้องทะเลทางฝั่งอ่าวไทยและ แหล่งดำน้ำที่มีปะการังและสัตว์ทะเลอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย

 

สำหรับใครที่อยากไปชื่นชมธรรมชาติ เกาะท้ายทรีย์  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ. ประจวบคีรีขันธ์ สามารถเดินเล่นและดำน้ำดูปะการัง โดยไม่อนุญาตให้เดินเที่ยวชมในส่วนอื่นๆ ของเกาะ เนื่อง จากเป็นเกาะที่ได้รับสัมปทานการทำรังนก

นอกจากนี้ ไม่ไกลจาก พื้นที่บริเวณโดยรอบ มีธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สวย งามเช่นกัน  และไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม ที่ตั้ง ราคา รวมถึงแนวความคิด  และการจัดการของผู้บริหาร ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวทางทะเล เช่น ดำน้ำ ชมทิวทัศน์ทางน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก ตกปลา มีที่ปิ้งย่างฯลฯ

กิจกรรม  กินลม ห่มทราย หรือเรียกง่ายๆ ว่า สปาทราย ที่ วาฏิกา รีโซวิลล่า  เป็นอีก1 กิจกรรมเพื่อสุขภาพยอดฮิต หรือ ไฮไลท์ที่จะจัดต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยขจัดสารพิษ เสริมสร้างสมดุลให้กับร่างกายและผิวพรรณเปล่งปลั่ง  ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายแถบชายทะเลเมดิ
เตอร์เรเนียน เรียกว่า ทะเลบำบัด ใครไปเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสมาพักผ่อนที่วาฏิกา กุยบุรี แห่งนี้

CR ภาพ : www.thainewsvision.com โดยคุณพาฝัน  ปิ่นทอง

น้ำปลากู้โลก เป็นอีกหนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อและมีรสชาติดี มาทั้งทีท่านนายกฯ
พาเปิดลายแทงและเผยความลับของ ชื่อและที่มาอันเวอร์วัง และแสดงการทำน้ำปลากู้โลกด้วยตัวท่านเอง ซึ่งเรื่องของชื่อนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เกิดจาก การต่อสู้ของกลุ่มประมงชายฝั่ง และการอนุรักษ์ชายฝั่งที่มีการ รณรงค์อย่างต่อเนื่อง เรื่องการทำประมงปลาเล็ก เช่นปลากะตัก  ปลาไส้ตัน และ เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างเรือพานิชย์และเรือเล็กชายฝั่ง จึงมีความคิดริเริ่มการทำน้ำปลา โดยขอความอนุเคราะห์ไปยังหน่วยส่งเสริมกรมทรัพยา กรทะเล มีการเรียนและการสอน จนเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนของกรรมวิธีที่มาของชื่อ น้ำปลากู้โลก

วิธีการทำน้ำปลากู้โลก นั้นไม่ยากอย่างที่คุณคิด!
1. ใช้ปลาท้องถิ่นได้ทุกชนิดไม่ว่าจะน้ำจืดหรือน้ำทะเล
2 เกลือสมุทร สาเหตุเกลือสมุทรเป็นเกลือที่มีไอโอดีนและให้ความเค็มได้ดี 3 ผลไม้ให้ความหวานและจุลินทรีย์  (เราใช้สับปะรด)  สาเหตุที่ใช้ผลไม้
นอกจากให้ความหอมและยังให้ความหวานแทนน้ำตาลนำมาหมักรวมกันวางโอ่งตากแดดไว้ กลางแจ้งเป็นเวลา 8-1 ปี ก็จะได้น้ำปลา ที่อร่อยหอมหวาน ค่าโซเดียมที่ต่ำและปลอดสารเคมีอีกด้วย
-นายอิฐธิรัตน์ จันทร หรือพี่โอ๊ต กล่าว



มาปิดท้ายทริป  หลงรักษ์ประจวบไม่มีจบนี้ด้วยการ.คืนความสุข และความสมดุล ให้กับ ท้องทะเล กับโครงการ. 9,999 ล้านดวงใจ พื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

ตื่นเต้นกับความสนุกสนานและชมความความสวยงามของธรรมชาติเท่านั้น ที่วาฏิกา แอดเวนเจอร์ รีทรีทติค รีสอร์ท  ยังมีความสะดวกสบาย และความสนุกสนานตื่นเต้น ของกิจกรรมต่างๆ ที่ทางรีสอร์ทจัดสรรมาให้กับผู้มาเยือน แถมไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย รีบมาตักตวงความสนุก ความบริสุทธิ์จากธรรมชาติ เราเชื่อว่าคุณจะหลงรักษ์ประจวบ  แบบ..ไม่มีจบเหมือนเราอย่างแน่นอน


ขอบคุณข้อมูลและทริปสุดพิเศษ  : คุณอุดมสุข นิ่มเซียน
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
FB: udomsuk nimcean

#หลงรักษ์ประจวบไม่มีจบ
#เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ
#สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สะดุดตา ต้องใจ จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ความหรูหราสไตล์ล้านนา

Chantra Khiri Chalet Chiang Mai

ชมวิวจิบชา ท่ามกลางธรรมชาติ  โอบล้อมด้วยขุนเขาที่จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ห้องอาหาร และ  รีสอร์ตสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์ หรูหรา คลาสสิก

การพักผ่อน กับเส้นทางในการดำเนินชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน แม้จุดหมายปลายทางอาจจะเป็น สถานที่ หรือจังหวัดเดียวกันก็ตาม แต่ระหว่างทางนั้นเราต่างเจอสภาพแวดล้อม ปัญหาและอุปสรรค ซึ่งเป็นแบบทดสอบชีวิตที่ไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้จะหลอหลอมสร้างให้คุณเป็นคนแบบคุณ
แก้ปัญหาแบบคุณและเก่งในแบบของคุณอากาศร้อนแบบนี้ถ้าได้หลับตานึกถึงสถานที่คลายร้อน เชื่อเลยค่ะ จังหวัด เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในคำตอบ
ของคนส่วนใหญ่  แน่นอนค่ะที่  จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ความหรูหราสไตล์ล้านนา  ดูเข้าตาสุดในจุดนี้  มีจุดหมายแล้ว ถ้าไม่พูดถึงที่พักคงไม่ได้ จันตราคีรี ชาเลต์  ที่พักชื่อเก๋สุด ฮิป ผสมผสานกันระหว่าง วิศวกรรมและงานศิลปะอย่างลงตัว

จันตรา มาจากอักษร จ หมายถึง วาสนา และอักษร ต หมายถึง ทรัพย์ เมื่อรวมกันเป็นจันตราหมายถึง ทรัพย์งาม คีรี หมายถึงภูเขา จันตราคีรี จึงมีความหมายถึงทรัพย์งามบนขุนเขา โดยก่อตั้งขึ้นอันเนื่องจากโดยคุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ผู้ก่อตั้งมาเที่ยวแล้วชอบที่ดินผืนนี้ เมื่อซื้อไว้แล้วก็เลยเปิดเป็นห้องอาหาร เนื่องจากชอบทำอาหารเป็นทุนเดิม

อีกหนึ่งอัตลักษณ์ของโลโก้คือประกอบไปด้วย 3 ภาษา คือ อักษรธรรมล้านนาหรือตัวเมือง ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยคุณเกรียงศักดิ์เล่าว่า “ที่ใช้ตัวเมืองหรืออักษรธรรมล้านนาประกอบเข้ามาด้วย สะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเชียงใหม่อันเป็นสิ่งที่น่าหวงแหน”

ห้องพักของแต่ละหลังมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป บ้านพักส่วนตัวหรู 5 หลัง จันศรี, จันแก้ว, ยวงจัน, ร้อยจัน และจันเป็ง สร้างขึ้นด้วยไม้สักและไม้เนื้อแข็งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “หลองข้าวของชาวล้านนา” หลองข้าวเป็นของคู่กับบ้านเรือนของคนล้านนา ใช้สำหรับเก็บข้าวเปลือกไว้กินได้ตลอดปีที่เหลือจึงแบ่งขาย “หลองข้าว” สะท้อนถึงความมั่นคงของครัวเรือน ความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน หากชุมชนหรือครัวเรือนใด ประกอบด้วยหลองข้าวขนาดใหญ่แสดงถึงสถานะทางเศรษฐกิจ การถือครองที่ดินเพื่อการเพาะปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรเพื่อการเกษตรและทักษะในการผลิตของเกษตรกร หลองข้าวมีลักษณะเฉพาะเป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง เราจึงเอาหลองข้าวมาเป็นแบบของบ้านพักหรูสุดคลาสสิก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์กลิ่นอายอารยธรรมล้านนา กระเบื้องเคลือบและโถเซรามิกจากแหล่งเลื่องชื่อของประเทศไทย รวมไปถึงภาพวาดสีน้ำจิตรกรรมไทยล้านนา โคมไฟระย้า โดยในแต่ละหลังจะมีช้างไม้แกะสลักบอกหมายเลขของหลองข้าวซึ่งชาวล้านนามีความเชื่อว่าช้างเป็นสัตว์มงคลอีกด้วย บรรยากาศในจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานา เช่น ต้นลิ้นจี่ซึ่งเป็นผลไม้เลื่องชื่อของเมืองเหนือ ดอกไม้เมืองเหนือ เช่น อโศกแดงและเหลือง ดอกข่า กล้วยไม้ ดอกพุด จำปี มะลิและอัญชัน น้ำตกและปลาคาร์ป รีสอร์ตตั้ง อยู่บนพื้นที่ 6 ไร่พร้อมวิวภูเขาสวยอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

จันศรี Chan Sri Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 100 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่นดูโอ่โถง ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวแมกไม้ เขียวขจี ราคา 5,900 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

จันแก้ว Chan Kaew Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 98 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงคู่ สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวแมกไม้ เขียวขจี ราคา 5,900 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

ยวงจัน Yuang Chan Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 180 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 2 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสาเพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นหมู่คณะเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 10,100 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

ร้อยจัน Roi Chan Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 180 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 1 ห้องนอนและแบบเตียงคู่ 1 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสา เพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นหมู่คณะ เพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น พร้อมลานพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก เตาผิงไว้บริการในฤดูหนาว เหมาะสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืนหรือโอกาสพิเศษสำหรับเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 10,100 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

จันเป็ง Chan Peng Villa
บ้านพักสไตล์หลองข้าว 2 ชั้นจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในอดีต ขนาด 274 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องน้ำและบาร์ ชั้นบนเป็นห้องนอนแบบเตียงเดี่ยว 1 ห้องนอนและแบบเตียงคู่ 1 ห้องนอน สไตล์มุ้ง 4 เสา เพดานสูงประยุกต์ให้เข้ากับองค์ประกอบโดยรวมของหลองข้าว มีห้องน้ำและระเบียงชมวิวพานอรามาแห่งขุนเขาและแมกไม้ พร้อมลานพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก พร้อมเตาผิงไว้บริการในฤดูหนาว เหมาะสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืนหรือโอกาสพิเศษสำหรับหมู่คณะเพื่อนหรือครอบครัวเป็นต้น ราคา 14,850 บาท/คืน (รวมอาหารเช้า)

คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ตั้งใจออกแบบโลโก้ของรีสอร์ต

คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ นักเดินทางและนักธุรกิจ ผู้รักการปลูกต้นไม้และเลี้ยงสัตว์ เกิดที่จังหวัดสระบุรี จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากโรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  และระดับปริญญาโท  สาขาการจัดการจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาจากความสุขหลายรูปแบบในชีวิตและมีความฝันว่าหากสักวันหนึ่งความสุขในรูปแบบที่ชอบจะส่งผ่าน ทำให้คนอื่นรอบกายมีความสุขด้วยบ้างคุณเกรียงศักดิ์ก็จะทำ ความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวและปรารถนาความสุขแบบเรียบง่ายตามทางผ่านที่ไป ครั้งหนึ่งเคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของที่ดินสวนลิ้นจี่แห่งนี้ เลยคิดอยากลงหลักปักฐานที่นี่ อาจมีร้านอาหารเล็ก ๆ เพราะเป็นคนชอบทำอาหาร หลัง ๆ พอเปิดห้องอาหารเสร็จเพื่อน ๆ ยุให้เปิดเป็นบ้านพักสไตล์ล้านนาบ้าง ทนแรงยุไม่ไหวจึงเปิดจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ ตามสไตล์ที่ชื่นชอบเป็นส่วนตัว และอยากท้าทายความสามารถของตัวเองเช่นกัน

จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่  เกิดจาก คุณเกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ตั้งใจออกแบบโลโก้ของรีสอร์ตเองในวันหนึ่งขณะนั่งคุมงานก่อสร้างโดยวาดขึ้นจากวิวภูเขาตรงหน้าหากยืนบริเวณสระว่ายน้ำในปัจจุบันแล้วหันหน้าออกไปทางภูเขา ซึ่งวิวภูเขาดังกล่าวเป็นวิวภูเขาสวยทางด้านหลังของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยนั่นเอง ซึ่งถือว่าถ้าหากมาที่จันตราคีรีแล้วจุดนี้ถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่คุณลูกค้าไม่ควรพลาดการชมวิวมุมสวยๆ พักผ่อนกับบรรยากาศที่สวยและสุดโรแมนติก

จันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่ รีสอร์ตหรูโอบล้อมด้วยทิวเขาที่งดงามของดอยสุเทพ-ปุย ประกอบด้วยบ้านพัก/ห้องพัก 2 โซน ได้แก่ บ้านพักสไตล์หลองข้าวล้านนา 5 หลังซึ่งจำลองมาจากหลองข้าวหรือยุ้งข้าวของชาวเหนือประยุกต์ให้มีความทันสมัยแฝงไปด้วยกลิ่นอายและเอกลักษณ์ภูมิปัญญาการปลูกเรือนอยู่อาศัยของชาวล้านนา และในส่วนของห้องพักแบบตะวันตก จำนวน 14 ห้องภายในอาคารร่วมสมัย 3 ชั้น ตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ 5 ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบนีโอ โคโลเนียลผสมผสานจุดเด่นของความเป็นเชียงใหม่

ห้องอาหารจันตราคีรี ชาเลต์ เชียงใหม่
ห้องอาหารไทยรสจัดจ้านมีเมนูหลากหลายทั้งอาหารไทยภาคกลางและอาหารเหนือสูตรเฉพาะของจันตราคีรี ใช้วัตถุดิบคุณภาพจากท้องถิ่นและสวนผักออร์แกนิคของรีสอร์ต ให้บริการทั้งโซนด้านในและด้านนอกขนาดกว่า 50 ที่นั่ง ตกแต่งแบบล้านนาประยุกต์  ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวระหว่างเรือนไม้สักเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งสบาย โคมไฟระย้าสวยหรู ประตูไม้สักอายุหลายร้อยปีสไตล์โปรตุเกส กระเป๋าเดินทางเก๋สไตล์โคโลเนียล กวางไม้แกะสลักสีแดงที่บาร์ รวมไปถึงโซฟาและเก้าอี้บุผ้าลายสีสดและกระจกบานใหญ่ที่ทำให้ลูกค้าทุกท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ภายนอกได้แบบพาโนรามาผ่านทางสระว่ายน้ำไร้ขอบวิวภูเขาหลักล้านด้านหน้า

มาต่อกันที่เมนู  ออร์เดิร์ฟเมือง หมี่ผัดผักกระเฉด น้ำพริกกะปิ มัสมั่นเนื้อ แกงส้มชะอมกุ้ง ต้มข่าไก่ แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิปลาทู ออสเตรเลียริบอายจิ้มแจ่ว ซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิว เป็นต้น ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีให้เลือกนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไวน์ แชมเปญ ค็อกเทล หรือชา กาแฟหอมกรุ่น อร่อยถูกใจมาก

พิกัดอยู่ไม่ไกล ห้องอาหารจันตราคีรี
เปิดให้บริการทุกวัน  ตั้งแต่เวลา  7.00 น. – 22.00  น.

Home

 

มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง

โค้งสุดท้าย…มหกรรมสินค้า และ บริการ
ท่องเที่ยวฯ โรดโชว์สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลางจำหน่าย เน้นคุณภาพ

มหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  ยกทัพของดีภาคกลางโรดโชว์ที่สุพรรณบุรี เน้นสินค้าดี มีคุณภาพ และราคาถูก เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมนำศิลปะพื้นบ้าน ศิลปินชื่อดัง เข้าร่วมโชว์ในงานสุดตระการตา ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า


ในกิจกรรมย่อยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว Road Show/Table top Sale นั้น เป็นการนำผู้ประกอบการจำนวน 100 ราย ซึ่งมาจากจังหวัดสุพรรณบุรีและอีก 18 จังหวัดภาคกลาง ไปจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ใน 5 จุดดำเนินการ ครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี และสุพรรณบุรี

การจัดงานดังกล่าว ได้ดำเนินการมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ภายใต้สโลแกน “สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย” นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่สนใจเข้าร่วมชมงานและเลือกซื้อสินค้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นยอดจำหน่ายหน้างาน ยอดสั่งซื้อ ของผู้ประกอบการแต่ละรายในแต่ละจุดดำเนินการเป็นที่น่าพอใจผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักของดี สินค้าเด่น และมีคุณภาพในจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง อันจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคกลางเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการจัดงาน มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้น เป็นจุดดำเนินการที่ 5 ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี

การจัดงานครั้งนี้ได้เน้นการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าดี ราคาย่อมเยา โดยได้มีการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาลดพิเศษ ไข่ไก่ฟองละ 1 บาท น้ำตาลทราย กิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสเลือกซื้อ สินค้าคุณภาพดีของภาคกลาง

ผู้ว่าราชการจังวัดสุพรรณบุรี เผยอีกว่า นอกจากการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคกลางแล้ว ภายในงานยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอและบรรยายกาศของการเที่ยวในรูปแบบนิทรรศการ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยว เทศกาล และประเพณีที่สำคัญของสุพรรณบุรี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี

ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทอง ให้ผู้เข้าชมงานได้มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลของแจก และซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ และยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง พร้อมชม การแสดงจากศิลปินชื่อดังของเมืองไทยที่จะมาสร้างความครื้นเครงสนุกสนานภายในงานอีกด้วย

ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง มาเที่ยวชมงานมหกรรมสินค้าและ บริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง  มาชม ชิม ช้อป ของดีจังหวัดสุพรรณบุรีและกลุ่มจังหวัดภาคกลาง  ระหว่าง  วันที่ 23-25 มีนาคม นี้  ณ ลานด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์สุพรรณบุรี  งานนี้ชมฟรีตลอดงาน

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย ณ.โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ททท. กระตุ้นการท่องเที่ยว
จัดเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสกับ
ว่าวจากทั่วโลก ขบวนฮีโร่แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงานกับกิจกรรมสุดพิเศษ DIY ที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้ออกแบบและระบายสีว่าว และบูมเมอแรง ประดิษฐ์กังหันและโมบาย ด้วยตนเอง รวมถึงพื้นที่สำหรับครอบครัวเล่นว่าวได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ พร้อมกับอิ่มอร่อยจากขบวน Food Truck ที่เป็นเมนู Signature ของหัวหิน มีตลาดนัดว่าวที่ใหญ่ที่สุด ให้ได้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลิน ปิดท้ายด้วยการฟังเพลงสบายๆ ผ่อนคลายสไตล์หัวหิน

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวถึงกลยุทธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่า “ในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. มีวัตถุประสงค์ที่จะให้กลุ่มกระแสหลักเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อและท่องเที่ยวสูง ซึ่งงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีความน่าสนใจ เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของกลุ่มกระแสหลัก จึงคาดว่างานนี้จะสร้างแรงจูงใจ และเร่งการตัดสินใจท่องเที่ยวในประเทศให้กับกลุ่มเป้าหมาย”

นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว

นอกจากนี้ นางสุจิตรา ยังกล่าวต่ออีกว่า ช่วงเวลาของการจัดงาน เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวภาคใต้ของประเทศไทย
เป็นจำนวนมาก อันเป็นการสร้างรายได้ใหักับคนในพื้นที่ และขยายวันพักผ่อนของนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย โดยในปีนี้มีแนวคิดหลักของการจัดงานคือ “HERO IN THE AIR…กองทัพแห่งความสุข สนุกยกครอบครัว”

ที่พร้อมจะให้ทุกคนได้สัมผัสกับขบวนฮีโร่ แบบใกล้ชิดเหนือจินตนาการตลอด 3 วัน ของการจัดงาน

ในงานเทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทยในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับการแสดงว่าว หลากหลายชนิด  จากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ, ชมการแสดงแปลอักษรประกอบดนตรี, Stunt Kite ที่โชว์ทักษะการบินขั้นสูง จากประเทศญี่ปุ่น และเอกลักษณ์ของว่าวไทยกับการต่อสู้ จุฬา – ปักเป้า รวมถึงนิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย เป็นต้น

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เน้นย้ำเรื่องความพร้อมของ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า “ทางจังหวัด ได้มีการประชาสัมพันธ์ภายในจังหวัดให้คนในพื้นที่ ร้านค้า และเจ้าหน้าที่ในทุกภาคส่วน ได้ทราบกันอย่างทั่วถึง ว่าจะมีการจัดงานดังกล่าว ในวันที่ 23 – 25 มี.ค. นี้ ซึ่งคาดว่า จะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดระเบียบเส้นภายในจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานอีกด้วย”

ในส่วนของพื้นที่ใช้ในการจัดงาน พล.ต. ศุภวัฒน์  ธีรเนตร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก กล่าวว่า

“เนื่องด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เลือกให้โรงเรียนนายสิบทหารบกเป็นพื้นที่ในการจัดงานใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ อันเป็นหน้าตา และชื่อเสียงของประเทศ ทางโรงเรียนนายสิบทหารบก จึงเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในพื้นที่กิจกรรม และพื้นที่โดยรอบอย่างเข้มงวด รวมถึงได้วางแผนการจัดสรรยานพาหนะของนักท่องเที่ยวที่จะมาร่วมงานไว้อย่างรัดกุม เพื่อความคล่องตัวและเกิดปัญหาน้อยที่สุดของผู้ทีมาร่วมงาน”
-พล.ต. ศุภวัฒน์ กล่าว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระตุ้นการท่องเที่ยวจัดงานใหญ่เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย  คาดมีนักท่องเที่ยวร่วมงานมากกว่า 3 หมื่นคน และมีเงินสะพัดมากกว่า 40 ล้านบาท ตลอด 3 วัน  ของการจัดงาน พร้อมกิจกรรมมากมาย ขบวน Food Truck ในบรรยากาศสบายๆ สไตล์หัวหิน
ระหว่างวันที่ 23 – 25 มีนาคม นี้  ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (ติดกับอุทยานราชภักดิ์)

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน หรือต้องการสอบถามข้อมูล สามารถติดต่อได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  โทร. 1672

ชวนช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย

สุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนช้อป ชม ชิม

จังหวัดสุพรรณบุรี ขนของดีภาคกลาง ล่องใต้ ชวนชาวปักษ์ใต้ร่วมช้อป ชม ชิม สินค้าดี ที่เที่ยวเด่น อาหารอร่อย ในงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2561
ณ สุราษฎร์ธานี ฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี
โดยมี นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็น ประธานเปิดงาน

นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เผยว่า การจัดงาน “มหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยว ของดี 19 จังหวัดภาคกลาง” ครั้งนี้เป็นการจัดงานในจุดดำเนินการที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาสุราษฎร์ธานี โดยนำเอาของดีสินค้าเด่นและบริการด้านการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการใน 19 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 100 ราย ไม่ว่าจะเป็นของฝาก ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว อาหารการกินที่มีเอกลักษณ์ของภาคกลาง โดยครอบคลุมประเภทธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจที่พัก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มาร่วมจัดแสดงและจำหน่ายตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน

การจัดงานมหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวของดี 19 จังหวัดภาคกลาง จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและสันทนาการ กิจกรรมหลักที่ 2 : พัฒนาช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต สันทนาการ โดยมีเป้าหมายที่จะนำสินค้าของดีในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ทั้ง ๑๙ จังหวัด ไปโรดโชว์ใน 5 จุดดำเนินการ


เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และทำการตลาด การท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคกลางเชิงรุก เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ๓ จุดดำเนินการ ได้แก่ พิษณุโลก นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลตอบรับจากพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ เป็นอย่างดีและในครั้งนี้ก็คาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อีกเช่นกัน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี เผยอีกว่า ภายในงานจะได้ช้อป ชม ชิม สินค้า OTOP ทั้งประเภทอาหารและของฝาก เช่น ขนมทองม้วนขึ้นเครื่อง ปลาสลิดวัดป่าฯ ข้าวเกรียบปลาสลิด กระยาสารทธัญพืช รวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย อย่างผ้าทอบ้านหนองลิง ของดีจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีความ โดดเด่นสวยงามคงทนและสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

นอกจากนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนของจังหวัดสุพรรณบุรี การแสดงพื้นบ้าน กิจกรรม ส่งเสริมการขายสินค้า หรือนาทีทองที่ทุกท่านจะได้ซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ รวมไปถึง
การแสดงดนตรี และการแสดงของศิลปินดังที่จะมาสร้างสีสัน ความสนุกสนานในวันเปิดงานอีกด้วย

เปิดแล้ว ท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ

“ท่าเรือเวียงเชียงแสน”  ท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ขานรับกระแส เชียงรายโตต่อเนื่อง

มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ และวัฒนธรรมท้องถิ่น ไปกับเส้นทางแม่น้ำโขง การส่งออก-นำเข้าสินค้าส่วนใหญ่อาศัยการขนส่ง ทางเรือ ผ่านแม่น้ำโขง เรือมีความพร้อมรับการท่องเที่ยวทางน้ำ จุดส่งออกและนำเข้าสินค้าที่สำคัญทางภาคเหนือของประเทศไทย เพราะเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน  เข้าสู่ประเทศเมียนมาร์  สปป.ลาว จนถึงสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

ท่าเรือเวียงเชียงแสน สร้างขึ้นตามนโยบายในการปรับปรุงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน  เพื่อพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางหรือประตูการพัฒนาภูมิภาคอินโดจีน รวมทั้งโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค  ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือ 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สภาพพม่า กัมพูชาและเวียดนาม ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้บริหารและประกอบการ โดยได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 และเมื่อมีการเปิดท่าเรือแห่งใหม่ ท่าเรือนี้จึงไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ บริษัท นิว เชียงแสน กรุ๊ป จำกัด ได้รับอนุมัติ ตามมติครม. เมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคม ปี 2560 ให้เข้ามาบริหารจัดการ จึงมีการปรับปรุง ทั้งด้านการก่อสร้าง ภูมิทัศน์ ระบบความปลอดภัยและด้านต่างๆ และได้มีการเปิดตัว ท่าเรือเทศบาลเวียงเชียงแสน อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา

นายคงเก่ง ประชากริช ประธานบริหาร บริษัท นิวเชียงแสนกรุ๊ป จำกัด ที่ท่าเรือเวียงเชียงแสน ภายในเขตเทศบาล  ตำบลเวียงเชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กล่าวถึง การเปิดท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ มีแนวคิดที่จะพัฒนาท่าเรือเวียงเชียงแสน

ท่าเรือเวียงเชียงแสน เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ขับเคลื่อนและรองรับการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างเหมาะสม  เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก รองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว โดยโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการท่าเรือให้งานอย่างปลอดภัย

ในสมัยก่อน เส้นทางน้ำโขงเลื่องลือในเรื่องความอันตรายของการเดินทาง แต่ในปัจจุบันการเดินทางมีความปลอดภัยสูง ระดับมาตรฐานโลกเป็นท่าเรือเพื่อการขนส่งสินค้า เรือท่องเที่ยว วิ่งขึ้นล่องลำน้ำโขงตลอดเวลา และด้วยความร่วมมือของ 4 ประเทศ จัดตั้งศูนย์ป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง เพื่อคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าและเรือท่องเที่ยวต่างๆ

โดยปัจจุบัน  โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมโดยรอบท่าเรือสามารถรองรับการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือ  พร้อมทั้งดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เสนอความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ อีกทั้งยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงตำรวจน้ำ

นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ รองประธานบริหารฯ

ดังนั้น ในเรื่องของความปลอดภัย จึงเป็นที่เชื่อถือได้ อีกทั้งทิวทัศน์รอบและบรรยากาศสองข้างทางริมฝั่งแม่น้ำโขง มีความสวยงาม และสามารถชื่นชมกับธรรมชาติที่ยังคงสภาพความเป็นป่าเขา จึงน่าจะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ได้เยี่ยมชมและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

การเปิดท่าเรือท่องเที่ยวครั้งนี้ สามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมา และการเปิดบริการล่องเรือชม ศิลปวัฒนธรรม สองฝั่งโขงไทย-ลาว เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพของชุมชน และเป็นการ สนับสนุนการท่องเที่ยวทางเรือ เป็นประตูการค้าหลักของประเทศในการค้าขาย สำหรับทางแม่น้ำโขงนั้น ถือเป็นเส้นทางเปิดใหม่

ที่มีความปลอดภัย มาตรฐานของท่าเรือ ซึ่งก่อสร้างออกมาอย่างถูกต้องตามแบบวิศวกรรม และการควบคุมดูแลการสัญจรไปมา สามารถควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าออกประเทศ ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวก ปัจจุบันนักท่องเที่ยวทางเรือที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยทาง อำเภอเชียงแสน มีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งสินค้าเป็นส่วนมาก แต่หลังจากที่มีการเปิดท่าเรือแห่งนี้ตามมติครม. เพื่อเป็นท่าเรือท่องเที่ยวก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจากประเทศจีนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณเดือนละ 500 คน เราตั้งเป้าหมายให้มีการใช้งานท่าเรือในช่วงปีแรกประมาณไม่น้อยกว่าเดือนละ 2,000 คน หรือ ปีละ 20,000 คน

การเดินทางโดยทางรถยนต์จากประเทศไทยไปยังประเทศจีน หรือจากประเทศจีนมายังประเทศไทยนั้นปัจจุบันนักท่องเที่ยวต้องใช้ทาง r3a เป็นหลัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง สองข้างทางเป็นทิวทัศน์ธรรมดา
ที่เห็นได้ทั่วไปในท้องถนนไม่น่าดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางถนนใช้ในการขนส่งสินค้าและมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

“การเปิดท่าเรือท่องเที่ยวครั้งนี้ จึงเป็นการเผยให้เป็นถึงความงดงามทางทรัพยากรธรรมชาติของสองฝั่งแม่น้ำ ที่เพิ่มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจมากขึ้น”   -นายคงเก่ง ประชากริช ประธานบริหารนิวเชียงแสนกรุ๊ป กล่าวสรุป

ด้าน คุณกรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ททท.เชียงราย   กล่าวว่า “ททท.
มีแผน เรียกว่าเชียงรายยั่งยืน เชียงรายแต้ๆ ความหลากหลายของเชียงราย ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.เชียงแสน มีประวัติศาสตร์ ที่สำคัญ  นับจากนี้เป็นต้นไปจะมีท่าเรือที่ได้รับมาตรฐานของ จังหวัดเชียงราย  ท่าเรือเวียงเชียงแสน มีด่านสำหรับเข้าออกของนักท่องเที่ยวหลายด่าน เป็นจังหวัดเดียวที่มีทั้ง อ.เชียงของ อ.แม่สาย การมีท่าเรือเพิ่มขึ้นทำให้เป็นประตูสู่จังหวัดเชียงรายและเข้าสู่ประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น และอย่างที่ทราบกันว่า ท่าเรือเวียงเชียงแสน  เป็นท่าเรือแห่งแรกของภาคเหนือ เชียงรายจะมีการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวมากช่องทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเชียงแสนถือว่ามีความหลากหลายในเรื่องของวัฒนธรรมชุมชนท่องเที่ยวด้วย

คุณกรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ททท.เชียงราย

ปกติแล้ว เชียงแสนเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าปัจจุบันเราเริ่มให้เป็นท่าเรือท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวชาวจีน เชียงแสนเป็นท่าเรือโดยตรงสำหรับนักท่องเที่ยวจีน เป็นเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่จะเข้ามาเที่ยวมากขึ้นยงแสนและมีไฟล์ทบินตรงเข้าสนามบินและจากเชียงใหม่ด้วย ระยะทางขับรถจาก จ.เชียงใหม่มายัง จ.เชียงราย ใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมง จะเห็นว่ากระแสนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเชียงรายมากขึ้น แต่ขณะ เดียวกันนักท่องเที่ยวยุโรป เพราะเรามีวัฒนธรรมที่เป็นจุดสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มองนักท่องเที่ยวคนไทยเป็นหลักด้วย

จุดสำคัญของเชียงแสน คือเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขง มีเรื่องของทิวทัศน์แม่น้ำโขง เมืองประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่กว่าเชียงใหม่ เรื่องของท่องเที่ยวชุมชน วัฒนธรรมดั้งเดิม จะเห็นว่าเป็นการผสมผสานของการท่องเที่ยวหลากหลาย เชียงแสนเองด้วยความที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเชียงของ หรือแม่สายทำให้มีทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น

ด้านการโปรโมท ปีนี้ เราต่อเนื่องจากเชียงรายแต้ๆ ปีที่แล้วเชียงรายแต้ๆ เราเล่นที่เชียงแสนเป็นหลัก ปีนี้เราก็ยังทำต่อเนื่อง แต่ปีที่แล้วเรื่องวัยเก๋า ชวนกันมาเที่ยว มาเที่ยวเชียงรายเชียงแสน ปีนี้เน้นกลุ่มครอบครัว ที่มีหลายเจนเนเรชั่น เราจะมีคลิปวิดีโอเชิญชวนให้ครอบครัวมาเที่ยวและพบความหลากหลายของจังหวัดเชียงราย

“อำเภอเชียงแสน  เป็นอำเภอที่สูงสุดในประเทศไทย อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง  มีทิวทัศน์สวยงาม มีความเป็นเมืองโบราณเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่น่าสนใจ

อยากจะเชิญชวนให้มาท่องเที่ยวเชียงแสน ไม่ใช่มีแค่วิวสวย มีอาหารอร่อย และมีชุมชนที่น่ารักด้วยค่ะ “

พิธีเปิด  ท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ณ.ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 ม.3 อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งในงานยังมีการแสดงดนตรีพื้นเมือง สล้อ ซอ ซึง การแสดงของกลุ่มชาติพันธ์ลุ่มแม่น้ำโขง โดยผู้แทนจากประเทศไทย อาทิ นาย ชัยกฤษ นิสัยสุข นายกเทศมนตรี นายพินิช แก้วจิตกรทอง นายอำเภอเชียงแสน นายคงเก่ง ประชากริช ประธานบริหารนิวเชียงแสนกรุ๊ป นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ รองประธานบริหารฯ นายชัชวาล สุขสมจิต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  นายสมบูรณ์  ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ททท.เชียงราย และ ผู้แทน ฝั่งสปป.ลาว นายอิ่นคำ แก้วนารี หัวหน้าห้องว่าการปกครองเมืองต้นผึ้ง นายอู่ลา เพิงสวัสดิ์ หัวหน้ากรมขนส่งเมืองต้นผึ้ง นายแสงเงิน อำพรไธ รองหัวหน้าห้อง การแถลงข่าว โดย มี นายภาสกร บุญญลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานในพิธี เมื่อค่ำวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา

นายคงเก่ง ประชากริช ประธานบริหารนิวเชียงแสนกรุ๊ป นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ รองประธานบริหาร ฯ นายชัชวาล สุขสมจิต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ททท.เชียงราย และผู้แทน ฝั่งสปป.ลาว นายอิ่นคำ แก้วนารี หัวหน้าห้องว่าการปกครองเมืองต้นผึ้ง นายอู่ลา เพิงสวัสดิ์ หัวหน้ากรมขนส่งเมืองต้นผึ้ง นายแสงเงิน อำพรไธ รองหัวหน้าห้อง การแถลงข่าว โดย มี นายภาสกร บุญญลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานในพิธี

ท่าเรือเชียงแสนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตพื้นที่ของอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ ด้านหน้าติดแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านหลังติดถนนซึ่งเชื่อมระหว่างอำเภอเชียงแสนและอำเภอเชียงของ

บริษัท นิว เชียงแสน กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับททท. เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน คณะกรรมการบริหารท่าเรือเวียงเชียงแสน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เปิดท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ณ ท่าเรือเทศบาลเวียงเชียงแสน (เชียงแสนแห่งที่ 1) จ.เชียงราย

 

โฮ่งบิช ร้านกาแฟแบบนี้มีอยู่จริง

ร้านกาแฟเท้าแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม

เราหลงรักที่โฮ่งบีช ตั้งแต่เห้นป้าย เพราะนึกว่า…จะเจอน้องหมา ที่โฮ่งบีช ถามเจ้าร้านทำไมชื่อนี้คำตอบที่ได้ โฮ่งคือที่ลุ่มที่ราบโต๊ะริมธาร ที่นั่งยอดฮิตของลูกค้าทุกเพศทุกวัย

มาเที่ยวเชียงใหม่แลนด์ ดินแดนมหานครแห่งกาแฟ ชวนคนรู้ใจไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว หรือจะเป็นคนรักออกต่างจังหวัดไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ที่อำเภอสุดสโลว์ไลฟ์ ริมน้ำมีอะไรน่าสนใจให้เราไปลองค้นหามากมาย ซึ่งเราจะถือโอกาสนี้พาเพื่อนๆ ไปท่องเมืองเที่ยว เล็กๆ น่ารักๆ แห่งนี้กัน รวมถึงกิจกรรมห้ามพลาด สุดประทับใจกับบรรยากาศมากๆ ก่อนมาที่นี่ได้อ่านรีวิวเพจต่างๆ แล้วเกิดแรงบันดาลใจ  ลุกขึ้นจุงมือ แฟนเพื่อน พ่อแม่น้อง มารับลมหนาว อากาศเย็นสบาย

ร้านโฮ่งบีช คือที่ลุ่มที่ราบด้วยความ บรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร แต่ไม่ไกลจากตัวเมือง มีลำธารน้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ชมกันเพลินๆ ให้ได้เลือกเล่นน้ำ ถ่ายรูป ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร  บรรยากาศชองร้าน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน จะเลือกนั่งชิลๆ อิงแอบสายธารของน้ำตกแม่สา ที่นี่เปิดให้บริการมาหลายปี เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่เหมาะสำหรับพาครอบครัว เพื่อนฝูงไปพักผ่อน ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและสายน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต  ความเป็นอยู่ของอำเภอเล็กๆ ริมน้ำแห่งนี้ อาหารมีทั้งอาหารคาว และหวาน เป็นธารน้ำไหล นั่งแช่เท้าได้ ส่วนอาหาร เครื่องดื่ม มีหน้าตาเมนูที่น่ารักและแปลก แต่รสชาติดี

ใครมีโอกาสไปเที่ยวเขตตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริมเชียงใหม่ บนถนนแม่ริม-สะเมิง อยู่ตรงข้ามป้อมตำรวจ แม่แรม  เป็นเส้นทางก่อนถึงน้ำตกแม่สา 200 เมตร บรรยากาศธรรมชาติ ท่ามกลาง สายน้ำที่ใสไหลเย็น รับรองว่า ได้พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศสงบ สโลว์ไลฟ์แน่นอน การตกแต่งในร้านเน้นความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ในอำเภอ แม่แรม อิ่มรสชาติอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดฟินตั้งอยู่เส้นแม่ริม-สะเมิง ร้านอยู่ใกล้สวนบัว แม่สาออร์คิดส์ จ. เชียงใหม่ (ขับเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสะเมิงประมาณ 800 m. มองเห็นป้ายร้านอยู่ทางขวามือ ก่อนถึงน้ำตกแม่สาประมาณ1 กิโล  ร้านโฮ่งบีช ตั้งตรงข้าม  ป้อมตำรวจ ต.แม่แรม) เดินเข้ามานิดเดียว เห็นป้าย โฮ่งบีช 0 กม. คือใช่  เดินตรงไปอีกนิด ลงบันไดไปอีกหน่อย ร้านกาแฟขาแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม โดยพี่เหน่ง จันทรา แห่งตะวันแดง

ร้านกาแฟขาแช่น้ำ เจ้าแรกของแม่ริม จ. เชียงใหม่

 

โฮ่งบีช ที่จอดรถ(มีที่จอดรถ) มี Wi-Fi บริการ รับจองล่วงหน้า เหมาะสำหรับเด็กๆ เหมาะสำหรับมาเป็นกลุ่ม แอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์)ไปรับรองติดใจค่ะ ที่จอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกว้างมาก มาคี่คันก็จิดพอ




แวะมา โฮ่งบีช รับรองเลยว่าทริปเชียงใหม่นี้จะต้องประทับใจ
กว่าทริปไหนๆ อย่างแน่นอน
โฮ่งบีช 
เปิดบริการ สิบโมงเช้า-ถึงสองทุ่ม ทุกวัน
โทรไปถาม :  094 603 8886

#โฮ่งบีช #ChiangMai

วิวาห์พาฝัน รับตะวันสามแผ่นดิน

วันวาเลนไทน์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561
ณ. ผามออีแดง

Totptotravel ชวนมารับแสงแรก 3 แผ่นดิน  มาเริ่มชีวิตคู่! จังหวัด ศรีสะเกษจัดวิวาห์พาฝัน “วันวาเลนไทน์”   ริมผามออีแดง  ในวันวาเลนไทน์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร  ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรับแสงตะวัน แสงแรกในการเริ่มต้นชีวิตคู่ โดยมีกิจกรรมชมทะเลหมอก ชมตะวันสามแผ่นดินโดยพระอาทิตย์จะขึ้นจากทางฝั่งประเทศลาว กัมพูชาและสาดส่องมาถึงฝั่งประเทศไทย ณ บริเวณจุดชมวิว ซึ่งโดยปกติจะมีนักท่องเที่ยว เดินทางขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาว ในช่วงตอนเช้าตรู่กันอย่างคึกคัก

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2561 ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย  อ.กันทรลักษ์ นายเมธี สุพรรณฝ่าย  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ศรีขาว นายอำเภอกันทรลักษณ์ร่วมกับนายธนา พลอินทร์นักวิชาป่าไม้ชำนาญการ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร พร้อมด้วยพันเอกจวบ มูลประดับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และส่วนราชการในพื้นที่ ได้ร่วมกันจัดแถลงข่าวการจัดงานฯขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยกำหนดจัดกิจกรรมการจดทะเบียนสมรสให้คู่บ่าวสาวชาว  จ.ศรีสะเกษ  และชาวไทยทั่วประเทศในวันที่ 14 ก.พ.61 นี้ ที่บริเวณผามออีแดง ปีนี้ตั้งเป้าหมายจำนวนคู่สมรส 86 คู่

นายเมธี  สุพรรณฝ่าย  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า  …
กิจกรรม “วิวาห์พาฝัน รับตะวันสามแผ่นดิน”  จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี พ.ศ.2561 ครั้งที่ 4 ครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมทั้งคืนความสุขให้กับประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ  และส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้เกิดความรัก ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และความสามัคคี
ของหน่วยงานราชการ ในระยะเวลางาน 3 ปี ที่ผ่านมามีคู่สมรสเข้าร่วม
จดทะเบียน 143 คู่ แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานกว่า 2,400  คน



นายสมเกียรติ  ศรีขาว  นายอำเภอ  อำเภอกันทรลักษ์  กล่าวว่า …
กิจกรรมในครั้งนี้  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มี
ความประสงค์จดทะเบียนสมรส สามารถสร้างความทรงจำที่ดี  เนื่องในโอกาส สำคัญนี้เพื่อประชาชนทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ามา
จดทะเบียนสมรส และถ่ายบัตรประชาชนและ บริการตรวจสุขภาพฟรีในด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พันเอก จวบ มูลประดับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าการรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการฯ ฝ่ายความมั่นคงได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตามบริเวณต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวครบวงจร

นายธนา พลอินทร์  นักวิชาป่าไม้ชำนาญการ กล่าวว่าอุทยานแห่งชาติเขา
พระวิหาร มีพื้นที่ จำนวน 81,250 ไร่ ควบคุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวผามออีแดง สถูปคู่ เสาธงชาติประวัติศาสตร์ และภาพแกะสลักนูนต่ำ ในช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว ลมพัดแรง อุณภูมิวัดได้ประมาณ 8-12 องศา


นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวตอนเช้าตรู่กันอย่างคึกคัก เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น คู่สมรสหรือคู่รักท่านใด สนใจเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการฯ

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ หมายเลขโทรศัพท์ 045-661422
หรือที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
หมายเลขโทรศัพท์ 045-826045 , 089- 988 9985 , 081- 264 8727